“ศิษย์มีครู” เป็นคำกล่าวที่นำยมใช้กันในสังคมไทยเรา เพื่อจะบอกว่าสิ่งที่เราทำ ก็มีครูเหมือนกัน ไม่ใช่เดาสุ่ม และผมเชื่อว่าทุกคนผ่านการเรียนรู้จากครูมามากมายหลายคน ทั้งครูในดวงใจ และครูที่ไม่อยากพูดถึงครับ วันนี้ผมจะชวนท่านกันเรื่องครูกันดีกว่า
สมัยที่ผมสอนวิชา “ความเป็นครู” อยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กิจกรรมยอดฮิต (สำหรับผม) คือ ให้นักศึกษานึกถึงครูในดวงใจ พร้อมเหตุผลว่าทำไมจึงถือว่าท่านเป็นครูในดวงใจ แล้วก็ให้นักศึกษากลับไปเยี่ยมครูท่านนั้น หรืออย่างน้อยก็ติดต่อท่านทางใดทางหนึ่งครับให้ได้แล้วเขียนรายส่ง และผมจะสุ่มงานเพื่อนำเสนอผลงานหน้าชั้น
เชื่อไหมว่า “การพบกันของศิษย์และครูในดวงใจสร้างความมหัศจรรย์หลายเรื่องและสร้างทัศนะที่ดีต่อความเป็นครูอย่างไม่น่าเชื่อ” ท่านลองทำดูนะครับ
สำหรับวันนี้ผมจะเล่าเรื่องประทับเกี่ยวกับครูที่ผมมีโอกาสได้เป็นศิษย์สู่ฟัง สัก 2 ท่านครับ (ที่เหลือจะเล่าภายหลัง)
ท่านแรกคือครูชั้น ป. 1 ของผมครับ คือ ครูบังอาจ สุทธิประภา
ครูบังอาจ สุทธิประภา เป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านหนองขี้ม้า ต. โนนชัยศรี อ. โพนทอง จ. ร้อยเอ็ด (บ้านผมเกิดครับ)
ตอนที่ผมเรียน ป.1 ผมได้เป็นครูผู้ช่วยนะครับ (จะบอกให้) เรื่องนี้มีที่มาครับ
ปฐมเหตุของเรื่องคือ ตอนผมอายุได้ 6 ขวบ พ่อพาผมไปฝากให้เข้าเรียน ป.1 ก่อนเกณฑ์ โดยบอกกับครูใหญ่ว่า “บักหมานมันดื้อหลาย เอามาให้ครูดัดสันดานมันแน่” [สมานนี่ซนมาก เอามาฝากให้ครูอบรมบ่มนิสัยแต่เด็ก ๆ หน่อย]
ผมก็เลยได้เข้า ป. 1 ก่อนเกณฑ์ และผลการสอบไล่ของชั้น ป.1 ปีนั้น สมาน ได้ที่ 1 ครับ (555) แต่ไม่ได้เลื่อนชั้น เพราะว่าเข้าโรงเรียนก่อนเกณฑ์ ผมก็เลยต้องเรียน ป. 1 ซำ้ซั้น (น่าจะเป็นครั้งคนเดียวในประเทศไทยที่สอบได้ที่ 1 แต่ต้องเรียนซำ้ซั้นนะครับ)
เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจ ครูบังอาจ สุทธิประภา ก็เลยให้ผมเป็นครูช่วยสอน ทุกรายวิชาครับตั้งแต่สอนอ่าน สอนเขียน คณิตศาสตร์ วาดรูป ฯลฯ ผมก็สนุกกับการได้สอนเพื่อน เลยลืมเรื่องเลื่อนชั้นเลยครับ
ความประทับใจดังกล่าวจึงทำให้ผมอยากเป็นครู และผมก็ได้เป็นครูสมอยากจนถึงปัจจุบันครับ ขอบคุณที่ได้เรียนซำ้ชัน แม้จะสอบได้ที่ 1 และขอบคุณครูบังอาจ สุทธิประภา ที่ท่านรู้จักสร้างเด็กตัวน้อย ๆ คนหนึ่งให้เป็นครูจนถึงปัจจุบันครับ
ครูอีกคนคือ “ครูเข็มชาติ เจาะจง” ครับ เป็นครูผมสมัยเรียนมัธยมศึกษาที่โรงเรียนปริญญาศรม ในอำเภอโพนทอง เป็นโรงเรียนเอกชน แต่ตอนนี้เลิกกิจการไปแล้วครับ
การได้เข้าเรียนโรงเรียนนี้ ซึ่งทำให้มีโอกาสได้พบครูชั้นยอดของผมอีกคนก็มีที่มากที่ไปอีกครับ
คือ หลังจากผมเรียนจบ ป. 4 จากโรงเรียนวัดบ้านหนองขี้ม้าแล้ว ครูก็แนะพ่อว่า “หมอหมานนี่เรียนดีนะ ควรได้เรียนต่อ”
พ่อในฐานะเป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้มีประสบการณ์ในเมือง เห็นการศึกษาในเมืองพอสมควร (มั้ง) พ่อก็เลยตัดสินใจให้ผมเรียนต่อในเมือง
วันจะไปสมัครเรียนนั้นผมตื่นแต่เช้า เดินทางเข้าอำเภอโพนทอง (เดินทางจริง ๆ ครับ สมัยนั้นยังไม่มีรถโดยสาร ไปไหนมาไหนต้องเดิน หรือนั่งเกวียน แต่ถ้ารวยหน่อยก็จะมีจักรยาน ครับ)
ถ้าใครคุ้นเคยกับเส้นทางเสลภูมิ-โพนทอง จะเห็นได้ว่าบ้านหนองขี้ม้าห่างจากตัวอำเภอประมาณ 8 กิโลเมตร และก่อนจะถึงอำเภอจะมีหมู่บ้านชื่อ “บ้านหนองนกเป็ด” และระหว่างบ้านหนองนกเป็ดกับตัวอำเภอนั้นจะมีโรงเรียนเอกชนชื่อ “ปริญญาศรม” ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ด้านขวามือครับ
พ่อกับผมเดินมาถึงหน้าโรงเรียนปริญญาศรมประมาณ 10 เช้า มีครูสองคนยืนอยู่ทางเข้าโรงเรียน (ผมจำไม่ได้ว่าเป็นใคร) และครูคนหนึ่งถามพ่อว่า “สิไปไสลุง” [จะไปไหนลุง]
พ่อก็บอกว่า “จะพาลูกไปเข้าโรงเรียน” แล้วครูคนนั้นก็บอกว่า “เข้าโรงเรียนนี้ก็ได้นะ”
พ่อก็เลยพาแวะสมัครเข้าเรียน และนี่คือที่มาของการได้เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนปริญญาศรม และได้พบกับครูเข็มชาติ เจาะจง ครับ
ครูเข็มชาติเจาะจง เป็นคนบ้านสว่าง ตำบลสว่าง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ดครับ หลังจากจบมัธยมศึกษาแล้ว ท่านก็มาเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อได้สิทธิสอบครู “พ.กศ.” (ประกาศนียบัตรวิชลาการศึกษา) เป็นวุฒิขั้นต้นในการเป็นข้าราชการครูได้
ก่อนครูเข็มชาติจะสอนแต่ละชั่วโมง ท่านจะเล่านิทานให้พวกเราฟังก่อน พอถึงตอนสำคัญท่านจะบอกว่า “วันนี้เอาเท่านี้ก่อน” แล้วก็เริ่มสอน อ้อลืมบอกว่าครูเข็มชาติสอนวิชาวิทยาศาสตร์ครับ
ด้วยเทคนิคดังกล่าว นักเรียน (อย่างน้อยผม) ใจจดจ่อรอเรียนกับท่าน และการบ้านที่ท่านมอบให้ทำต้องเรียบทำ กลัวจะได้ได้ฟังนิทานครับ
คนที่มีความเป็นครูย่อมมีเทคนิคในการสอนดี ๆ เสมอครับ ครูเข็มชาติทำให้ผมชอบวิชาวิทยาศารสตร์ตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาครับ
ครูเข็มชาติเกษียณอายุด้วยตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนครับ ท่านเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วครับ ในงานวันขาวดำของท่าน ลูกศิษย์ (รวมทั้งผมด้วย) เดินทางไปส่งท่านครั้งสุดท้ายกันเกือบทุกคนครับ
ด้วยความเคารพรักคุณครูครับ
สมาน อัศวภูมิ
12 กรกฎาคม 2565
ด้วยรักและชื่นชม คุณครูสมาน อ้ศวภูมิ เสมอมา ตั้งแต่ได้มีโอกาสไปทำหน้าที่ศึกษานิเทศก์ เขตการศึกษา 10 (ในช่วงปฏิบัติหน้าที่ ศน.ใหม่) ท่านให้หลักคิดเชิงระบบไว้หลายเรื่อง โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ (Leaning by doing) ซึ่งปัจจุบันคือการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ที่กำลังรณรงค์ให้ใช้ในโรงเรียนทั่วประเทศ รวมทั้งการเป็นต้นแบบของนักคิด นักศึกษาค้นคว้าที่ไม่หยุดนิ่ง จนถึงปัจจุบัน ขอบคุณคุณครูมากๆ ครับสัมภาษณ์ คำผุย
ขอบคุณท่านมาก ๆ เช่นกันครับ โลกนี้ประกอบด้วยสรรพสิ่งที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีความสวยงามครับ