ชีวิตเหลือเชื่อ (Unbelievable life)


หนังสือที่มีอิทธิพลต่อชีวิตและเปลี่ยนแปลงฐานคติ (mindset) ของผลมากที่สุดคือ “ไล่ตงจิ้น: ขอทานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต” เขียนโดยเจ้าของเรื่องเองคือ Lai Dong Jin ชาวไต้หวัน และแปลโดยวิลาวัลย์ สกุลรักษ์

ผมขอขอบคุณผู้แปลที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือดีที่สุดเล่มหนึ่ง และขอบคุณไล่ตงจิ้นที่มีชีวิตที่เหลือเช่ือและรอดมาจนมีชีวิตที่ดีได้และเขียนหนังสือเล่มนี้ครับ 

ถ้าผู้อ่านจะถามผมว่า “ชะตาชีวิตคนของคนเราจะโหดร้ายและพลิกผันได้ขนาดนั้นได้จริงหรือ” คำตอบคือคุณควรได้อ่านด้วยตัวเองครับ ผมบอกได้แค่ว่าผมอ่านหนังสือเล่มนี้ 4-5 รอบครับ อ่านทุกครั้ง ร้องไห้ทุกครั้งด้วยความสงสารไล่ตงจิ้นและการต่อสู้ชีวิตของเขา 

และขอบคุณเขาอย่างยิ่งที่ทำให้ผมหลุดพ้นจากพันธนาการความคิดที่จมปลักอยู่ก้บความน้อยใจในชะตาชีวิตและความลำบากของผมที่ผ่านมาก แม้จะมีงานทำและมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วก็ยังไม่ลืมอดีต (ที่คิดว่าหฤโหดสุด ๆ) ที่ผ่านมาได้ยาก 

ผมเขียนไว้ในประวัติว่าผมเป็นลูกชาวนา เกิดที่บ้านหนองขี้มา พ่อแม่ทำนา ตอนเด็กก็โชคดีอยู่บ้างที่มีพ่อทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่บ้านและเห็นตัวอย่างคนในเมือง จึงทำให้ผมได้เรียนหนังสือครับ 

แต่ในความโชคดี แต่ก็มีโชคร้ายครับเพราะคุณพ่อป่วยและเสียชีวิตตอนที่ผมเพิ่งจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หรือ ม.ศ. 1  คุณแม่และพี่ชายคนโตซึ่งมีอาชีพทำนาและเลี้ยงดูแม่นั้นอยากให้ผมออกโรงเรียนเพราะไม่สามารถจะส่งเสียต่อไปได้ แต่ด้วยความรู้สึกละอายต่อสาว ๆ และชาวบ้านที่จะเรียนไม่จบ จึงขอแม่และพี่ชายว่าขอเรียนต่อให้จบมัธยมศึกษาก่อนเถอะค่อยว่ากัน 

นั่นคือจุดเริ่มต้นชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้และทำทุกอย่างที่สุจริตเพื่อแลกค่าแรงและเก็บเงินไว้เรียนหนังสือครับ ซึ่งก็พอไปได้ แต่ชีวิตก็ประสบปัญหาอีกใน ปี 2513 ที่ตรวจพบว่าเป็นโรคใบไม้ในตับ (ปัจจุบันเรียกว่า ใบไม้ตับแลไม่ใช่โรค) และหมอบอกว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี ถ้าไม่เลิกกินปลา (นำจืด) ดิบ รวมทั้งปลาร้าด้วย ไม่ดื่มเหล้า และให้ออกกำลังกาย 

จากการต่อสู้ชีวิต ก็รอดมาได้ แต่ก็มาป่วยเป็นโรคขาดอาหารในปี 2522 เป็นต้นมา ปี 2525 เป็นไวรัสตับ ปี 2528 เป็นสะเก็ดเงินหลายสายแบบผสมกัน ทั้งหมดนี้และอื่น ๆ คือมหกาพย์การเจ็บป่วยของผมครับ 

ทำงานก็พบแต่เรื่องที่บั่นทอนจิตใจและกำลังใจ เช่น พอจะถึงโอกาสได้สองขั้น ก็โอนย้ายที่ทำงาน หรือไม่ก็จะลาศึกษาต่อ ต้นสังกัดก็บอกว่าโชคดีแล้วเอาสองขั้นไว้ให้คนอื่น  ปีที่กลับมาจากศึกษาต่อ ถึงจะทำงานดีขนาดไปไหนต้นสังกัดก็บอกว่าเพิ่งกลับจากศึกษาต่อ (โชคดีแล้ว) ให้สองขั้นคนอื่นก่อน ซึ่งเราทราบกันดีว่าระบบราชการไทยให้สองขั้นตามคิว ไม่ใช่ฝีมือครับ

ที่แย่ที่สุดมีครั้งหนึ่งได้รับแจ้งว่าปีนั้นได้ 2 ขั้น และเซ็นรับทราบแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นหัวหน้าเรียกพบและบอกว่าทางกรมต้นสังกัดขอโควต้าสองขั้นของผมคืนเพื่อให้กับคนที่กรมก่อนปีนี้ 

และอื่น ๆ อีกเยอะครับ ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของความน้อยเนื้อตำ่ใจและการโทษเวรกรรม หรือชะตาชีวิต จนกระทั่งได้อ่านเรื่องของไล่ตงจิ้น ผมจึงรู้สึกว่าความลำบากและความไม่เป็นธรรมที่ผมเผชิญมานั้น “ไม่ได้ 1 ในร้อย" ที่เกิดขึ้นกับไล่ตงจิ้นเลยครับ 

หลังจากนั้นฐานคิดของผมเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ชีวิตผมไม่จมปลักอยู่กับอดีดอยู่ต่อไป ผมมีความสุขและมองโลกในแง่ดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ครับ 

ขอเล่าเรื่องไล่ตงจิ้นสักนิด พอเป็นกระสาย แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าผมไม่รู้จักกับผู้เขียนหรือสำนักพิมพ์ และไม่ได้รับจ้างโฆษณานะครับ แต่เรื่องของเขาดีจริง สมควรได้อ่านครับ 

ไล่ตงจิ้นเกิดปี 2559 พ่อตาขอทานที่ตาบอดและแม่เป็นคนปัญญาอ่อนมีโรคประจำตัวคือลมชัก และครอบครัวนี้มีลูก 12 คนครับ ขอทานเป็นอาชีพหลัก ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง เร่ร่อนนอนกลางดินกินกลางทราย ที่ไหนก็ได้ที่พอนอกได้ ก็นอน ไม่ว่าจะเป็นใต้ต้นไม้ ใต้สะพาน ตลาดสด ใต้เวทีโรงงิ้ว ทุ่งนา ป่าร้าง ศาลเจ้า และอื่น ๆ ที่หาได้ 

นึกภาพตามนะครับว่าครอบครัวนี้พ่อตาบอด แม่ปัญญาอ่อน มีลูก 12 คน ไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง และมีอาชีพขอทาน เขามีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร ชะตาชีวิตของครับนี้ต้องขายลูกสาวคนโตซึ่งมีอายุเพียง 13 ปีเป็นโสเภณีเพื่อได้เงินมาต่อลมหายใจของครอบครัว  แต่ไล่ตงจิ้นพลิกผันชีวิตของตนเองเข้าสู่วงการศึกษา เรียนจนสำเร็จ มีงานทำ และเป็นเจ้าของกิจการของตนเองได้อย่างไร เป็นเรื่องเหลือเชื่อและเป็นพลังให้ผมมากที่สุดในชีวิตครับ 

หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจเช่นกันครับ

สมาน อัศวภูมิ

27 มิถุนายน 2565

หมายเลขบันทึก: 703237เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2022 11:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน 2022 11:25 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท