สงครามยูเครนสอน media literacy


สงครามยูเครนสอน media literacy

มีคนส่งต่อกันมา    ที่อ่านแล้วผมตระหนักชัดว่า สงครามสมัยนี้นอกจากรบกันด้วยอาวุธทำลายชีวิตและอาคารบ้านเรือนแล้ว    ยังรบกันด้วยสื่อ    อ่านหรือรับรู้แล้วต้องอย่าเชื่อฝ่ายใดง่ายๆ   

“ข้อเขียนของ ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร์ ทำให้เข้าใจจุดยืนของจีนต่อสงครามในยูเครนชัดเจนขึ้น การเข้าใจว่าจีนไม่กล้าประณามรัสเซียหรือปูตินที่บุกยูเครนเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับรัสเซีย  จะเป็นจริงหรือไม่ก็วิเคราะห์กันไป แต่เหตุผลของจีนที่ประกาศมาชัดแจ้งไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ เป็นการใช้เหตุผลที่ตรงประเด็นมากเทียวครับ หากไม่ได้อ่านข้อเขียนชิ้นนี้ก็อาจทำให้เชื่อคำวิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ร่วม  ทั้งที่ยังไม่มีข้อเท็จจริงใดสนับสนุน

มองสงครามยูเครนด้วยภาษิตจีน

     ในการต่อสายตรงระหว่างไบเดนกับสีจิ้นผิงเพื่อพูดคุยเรื่องสงครามยูเครนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สีจิ้นผิงได้ยกภาษิตจีนมาใช้แสดงจุดยืนของจีนเรื่องยูเครน
     ในท่อนหนึ่งของการสนทนา สีจิ้นผิงบอกกับไบเดนว่า จีนมีสำนวนเก่าแก่ว่า “ตบมือข้างเดียวไม่ดัง” (一个巴掌拍不响)  และ “ใครเอากระดิ่งไปผูกคอเสือ คนนั้นต้องเป็นคนแก้เอง” (解铃还须系铃人) จากนั้นก็นั่งพูดต่อยาวยืดว่าจีนต้องการและสนับสนุนสันติภาพ โดยไม่ได้ขยายความสำนวนเก่าแก่เหล่านี้ว่าต้องการสื่อถึงอะไร
      นี่เป็นตัวอย่างรหัสลับทางการทูต สีจิ้นผิงไม่ได้ด่าสหรัฐฯ ตรงๆ ให้ไบเดนขุ่นเคือง แต่ชาวจีนทั่วไปฟังข่าวว่าสีจิ้นผิงยกสองสำนวนนี้ขึ้นมาสอนไบเดน ก็รู้กันทันทีว่าหมายถึงอะไร ส่วนไบเดนนั้น ฟังผ่านๆ อาจงงๆ ว่าพี่สียกภาษิตอะไรขึ้นมากลางบทสนทนา พอสนทนาเสร็จไม่รู้ได้ไปค้นความหมายต่อไหม
     “ตบมือข้างเดียวไม่ดัง” ในสำนวนจีน หมายถึง เวลาพิพาทกัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนผิดทั้งคู่ ไม่ใช่โยนความผิดให้ฝ่ายเดียว จีนต้องการสื่อว่าจะโยนบาปให้รัสเซียอย่างเดียวไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องรับผิดด้วยในทีนี้ไม่ใช่ยูเครน แต่เป็นสหรัฐฯ ที่จีนมองว่าเป็นตัวการยั่วยุรัสเซียด้วยการขยายอิทธิพลของนาโต้เข้ามาประชิดถิ่นหมีขาว
     แน่นอนว่าสหรัฐฯ มองว่าเหลวไหล ยูเครนเขาตัดสินใจเองได้ว่าอยากเข้าพวกใคร และเขาอยากเข้าพวกเสรีนิยมประชาธิปไตย อยากเข้านาโต้ อยากเข้าอียู เป็นสิทธิอันชอบธรรมของยูเครน จะมองว่าสหรัฐฯ ปั่นหัวยูเครนได้อย่างไร
     ส่วนอีกสำนวนเด็ดว่า “ใครเอากระดิ่งไปผูกคอเสือ คนนั้นต้องเป็นคนแก้เอง” อันนี้เป็นปริศนาธรรมของสำนักเซ็นเชียวนะครับ ในยุคราชวงศ์ถังใต้ มีพระอาจารย์รูปหนึ่งตั้งปริศนาธรรมว่า “ใครจะสามารถแก้กระดิ่งจากคอเสือได้” ลูกศิษย์ที่นั่งฟังธรรมอยู่ไม่มีใครแก้ปริศนานี้ได้ แต่มีลูกศิษย์ไม่เอาไหนคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากเที่ยวเล่นเดินผ่านมา ตอบพระอาจารย์อย่างฉะฉานว่า “ก็ต้องคนที่เอากระดิ่งไปผูกคอเสือเป็นคนแก้” ลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ทั้งหมดฟังเสร็จก็เกิดซาโตริบรรลุธรรม
      ความหมายทางธรรมนี่ลึกซึ้งเกินไปที่ผมจะอธิบาย แต่ความหมายทางโลกก็คือ ใครเป็นต้นตอก่อเรื่องให้วุ่นวาย คนนั้นต้องเป็นคนแก้ไข ความหมายในวันนี้ที่คนจีนทุกคนฟังแล้วเข้าใจทันทีก็คือ สีจิ้นผิงบอกว่าสหรัฐฯ นั่นแหละเป็นคนก่อเรื่อง แล้วทีนี้จะมาขอให้จีนช่วยแก้ไขช่วยปรามช่วยหยุดปูตินได้อย่างไร สหรัฐฯ เรียนผูกต้องเรียนแก้เอง
     สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับมุมมองนี้แน่ๆ เพราะรัสเซียเป็นคนรุกรานเขาก่อน ส่วนปูตินก็เป็นอาชญากรสงครามไปแล้ว ไม่รู้ไบเดนจะคิดไปเองไหมว่า คนผูกกระดิ่งในทีนี้ก็คือปูติน แต่ความหมายของสีจิ้นผิงนั้นชัดเจน อุปมาเสือก็คือรัสเซีย คนที่ไปแหย่เสือก็คือสหรัฐฯ ที่ดันขยายนาโต้ไปปิดล้อมบ้านเขา
     ล่าสุดในบทความที่ฉินกัง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ เขียนแสดงจุดยืนจีนลงในหนังสือพิมพ์ Washington Post ก็ได้หยิบยกภาษิตจีนอีกบทมาใช้ว่า “น้ำแข็งก้อนใหญ่ไม่ได้แข็งเพราะความหนาวในวันเดียว”  (冰冻三尺非一日之寒) ซึ่งความหมายของภาษิตนี้ก็คือ วิกฤตและปัญหาใหญ่ไม่ได้ปะทุขึ้นในวันเดียว แต่มีปัจจัยและเหตุผลที่สะสมมายาวนานค่อยๆ ทำให้วิกฤตก่อตัวขึ้น
     ความหมายที่ซ่อนอยู่ก็เหมือนเดิมคือ จะโทษปูตินและรัสเซียฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะสงครามเกิดขึ้นเพราะปัจจัยทางประวัติศาสตร์และความขัดแย้งด้านความมั่นคงในยุโรปที่มีมาอย่างยาวนานและซับซ้อน การโทษปูตินโดยไม่มองรากฐานของปัญหาที่มาจากความไม่สมดุลของอำนาจในยุโรป (นาโต้โดยสหรัฐฯ ปิดล้อมรัสเซีย) จะทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน (เช่นเดิมว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มองแบบนี้แน่)
    การหยิบยกและเลือกใช้ภาษิตจีนนั้น เป็นวัฒนธรรมทางการทูตอย่างหนึ่งของจีน เล่ากันว่า เมื่อ 50 ปี ที่แล้วที่ประธานาธิบดีนิกสันของสหรัฐฯ ไปเยือนจีนครั้งแรกนั้น ถึงกับต้องไปเชิญผู้เชี่ยวชาญจีนให้ส่งลิสต์สำนวนภาษิตจีนโบราณที่สามารถเอาไว้ใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไปจนถึงทางออกเรื่องไต้หวันได้ ตอนที่นิกสันขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่ปักกิ่งยังหยิบยกกลอนของประธานเหมามาประกอบเพื่อซื้อใจฝ่ายจีนด้วย
     ขณะเดียวกัน ภาษิตจีนก็เป็นเหมือนรหัสลับ เป็นศิลปะทางการทูตเพราะไม่ต้องพูดออกมาตรงๆ แต่ความหมายแฝงนั้นรู้กันดีว่าหมายถึงอะไร ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังเป็นการสื่อสารถึงคนจีนโดยตรงด้วย ไบเดนฟังแล้วอาจไม่เข้าใจสำนวนจีน แต่คนจีนทุกคนอ่านบทพูดของสีจิ้นผิงแล้วเข้าใจความหมายแฝงทันทีว่าต้องการสื่ออะไรมีคนถามว่า จุดยืนของจีนเรื่องสงครามยูเครนคืออะไร คำตอบก็คือ “ไม่ประณามรัสเซีย สนับสนุนยูเครน” ข่าวในประเทศจีนตอนนี้เริ่มแสดงภาพซากปรักหักพังและความโหดร้ายของสงคราม รวมทั้งชื่นชมความกล้าหาญและพลังรักชาติของชาวยูเครน แต่ในขณะเดียวกันข่าวเมืองจีนก็ไม่ประณามว่าปูตินและรัสเซียเป็นผู้ร้ายที่ก่อสงครามครั้งนี้
       ฝรั่งมองว่าจีนไม่มีจุดยืน ไม่มีกระดูกสันหลังเพราะไม่กล้าประณามรัสเซียที่ก่อเหตุ ไม่ยอมร่วมคว่ำบาตรรัสเซีย บางฝ่ายในตะวันตกถึงกับเหมารวมว่าจีนสมคบคิดกับรัสเซียและจะสนับสนุนรัสเซียทางเศรษฐกิจ (และมีข่าวลือว่าอาจช่วยด้านการทหารด้วย ซึ่งจีนปฏิเสธเสียงแข็ง)
     มีนักวิเคราะห์อธิบายเรียกจุดยืนของจีนว่าเป็น “การวางตัวเป็นกลางแบบผู้ใหญ่ใจกว้าง” (Benevolent Neutrality) แบบผู้ใหญ่ใจกว้างเพราะตอนนี้พูดติดปากว่าต้องการสันติภาพ และพร้อมช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ยูเครน ส่วนที่เป็นกลางเพราะไม่โทษทั้งยูเครนและรัสเซีย
     แล้วจีนโทษใคร? ในมุมมองเรื่องเล่าของจีน ผู้ที่เป็นต้นเหตุของสงครามและความปั่นป่วนวุ่นวายทั้งหมดก็คือ สหรัฐฯ แต่ทั้งหมดนี้สื่อกันผ่านภาษิตและสำนวนจีน ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาตรงๆ
Cr.ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร 

หมายเลขบันทึก: 699707เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2022 20:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม 2022 20:05 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

Diplomatically, President Xi places China on a respectable and un-blame-able global position politically and socially. But when ‘peace’, ordinary people lives and livelihood, and ‘cultural concept of neighbor’ are factored in, we can only condemn the party who made the first-strike. What is wrong with blaming the more powerful and first striker, without reasonable attempts to settle the issues?

If the world is to find peace, we must not find rational for war.

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท