GotoKnow

ไตร่ตรองให้ดีก่อนพูดย่อมนำประโยชน์สุขมาให้

ถวิล อรัญเวศ
เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2565 02:27 น. ()
คนที่มีทักษะในการพูดหรือการนำเสนองาน ถือว่ามีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้น ในการทำสงครามหรือกิจการในระหว่างประเทศ เขาจึงมีการทูตไว้เจรจาเพราะเชื่อว่า จะต่อสู้กันเพียงอาวุธหรือพละกำลังเพียงอย่างเดียวก็ไม่ สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้ มีแต่ทรัพยากรบุคคลจะสูญเสียหรือตายเปล่าเท่านั้น ท่านจึงกล่าวไว้ว่า "จะพูดจะจาอะไรให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนพูด” พูดแล้วเอากลับมาไม่ได้ จะพูดให้พูดคำพูดดี ๆ ให้คนสบายใจ ดีกว่าทำให้คนทุกข์ใจ เพราะคำพูดตามใจตามอารมณ์ของเราส่งผลร้ายต่อจิตใจผู้อื่น ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดี เป็นตรา” (ตรวจตรา) ต้องให้ความสำคัญอันดับหนึ่งดังคำกลอนที่สุนทรภู่ว่า "ถึงบางพูด พูดดี เป็นศรีศักดิ์ มีคนรัก รสถ้อย อร่อยจิต แม้พูดชั่ว ตัวตาย ทำลายมิตร จะชอบผิด ในมนุษย์ เพราะพูดจา" (จากนิราศภูเขาทอง ของสุนทรภู่)

ไตร่ตรองให้ดีก่อนพูดย่อมนำประโยชน์สุขมาให้

 

ไตร่ตรองก่อนพูดย่อมนำประโยชน์สุขมาให้

ดร. ถวิล  อรัญเวศ

          จากบทกลอน สุภาษิต คำพังเพย หรือนิทานชาดกและนิทานปรัมปราหลายเรื่อง สะท้อนให้เห็นว่า การพูดจากของคนเรานั้น สามารถจะทำให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จได้

          คนที่มีทักษะในการพูดหรือการนำเสนองาน ถือว่ามีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้น ในการทำสงครามหรือกิจการในระหว่างประเทศ เขาจึงมีการทูตไว้เจรจาเพราะเชื่อว่า จะต่อสู้กันเพียงอาวุธหรือพละกำลังเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้ มีแต่ทรัพยากรบุคคลจะสูญเสียหรือตายเปล่าเท่านั้น

          ท่านจึงกล่าวไว้ว่า "จะพูดจะจาอะไรให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนพูด

พูดแล้วเอากลับมาไม่ได้ จะพูดให้พูดคำพูดดี ๆ ให้คนสบายใจ ดีกว่าทำให้คนทุกข์ใจ เพราะคำพูดตามใจตามอารมณ์ของเราส่งผลร้ายต่อจิตใจผู้อื่น ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดี เป็นตรา” (ตรวจตรา) ต้องให้ความสำคัญอันดับหนึ่งดังคำกลอนที่สุนทรภู่ว่า

    "ถึงบางพูด พูดดี เป็นศรีศักดิ์  

    มีคนรัก รสถ้อย อร่อยจิต  

    แม้พูดชั่ว ตัวตาย ทำลายมิตร

      จะชอบผิด ในมนุษย์ เพราะพูดจา"  

                       (จากนิราศภูเขาทอง ของสุนทรภู่)

            ความสำคัญของการพูดนั้น จะขอยกนิทานชาดกเกี่ยวกับคำพูดมาเป็นอุทาหรณ์ นั้นคือ เรื่องโคนันทวิศาล เพราะทุกคนคงเคยเรียนกันมาในสมัยเรียนประถมศึกษา มีมาว่า ดังนี้   

           ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วันเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจของพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

           กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยของพระเจ้าคันธาระครองเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ พระโพธิสัตว์เกิดเป็นโคนามว่า นันทิวิสาล เป็นโคมีรูปร่างสวยงาม มีพละกำลังมาก มีพราหมณ์คนหนึ่งได้เลี้ยงและรักโคนั้นเหมือนลูกชาย โคนั้นคิดจะตอบแทนบุญคุณการเลี้ยงดูของพราหมณ์ในวันหนึ่ง ได้พูดกะพราหมณ์ว่า

            "พ่อ จงไปท้าพนันกับโควินทกเศรษฐีว่า โคของเราสามารถลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่ม ที่ผูกติดกันให้เคลื่อนไหวได้ พนันด้วยเงินหนึ่งพันกหาปณะเถิด"

            พราหมณ์ได้ไปที่บ้านเศรษฐีและตกลงกันตามนั้น นัดเดิมพันกันในวันรุ่งขึ้น ในวันเดิมพัน พราหมณ์ได้เทียมโคนันทิวิสาลเข้าที่เกวียนเล่มแรก เพื่อลากเกวียนหนึ่งร้อยเล่มผูกติดกันซึ่งบรรทุกทราย กรวดและหินเต็มลำ แล้วขึ้นไปนั่งบนเกวียน เงื้อปฏักขึ้นพร้อมกับตวาดว่า

           "ไอ้โคโกง โคโง่ เจ้าจงลากเกวียนไปเดี๋ยวนี้"

           ฝ่ายโคนันทิวิสาลเมื่อได้ยินพราหมณ์พูดเช่นนั้น ก็คิดน้อยใจว่า

     "พราหมณ์เรียกเราผู้ไม่โกง ว่าโกง ผู้ไม่โง่ ว่าโง่"

จึงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว โควินทกเศรษฐีจึงเรียกให้พราหมณ์นำเงินหนึ่งพันกหาปณะมาให้แล้วกลับบ้านป

          ฝ่ายพราหมณ์ผู้แพ้พนันเงินหนึ่งพันกหาปณะ ปลดโคแล้วก็เข้าไปนอนเศร้าโศกเสียใจอยู่ในบ้าน

         ส่วนโคนันทิวิสาลเห็นพราหมณ์เศร้าโศกเสียใจเช่นนั้น จึงเข้าไปปลอบและกล่าวว่า

         "พ่อ ฉันอยู่ในเรือนของท่านตลอดมา เคยทำภาชนะอะไรแตกไหม เคยเหยียบใครๆ เคยถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะในที่อันไม่ควรหรือไม่ เพราะเหตุใด ท่านจึงเรียกเราว่า โคโกง โคโง่ ครั้งนี้เป็นความผิดของท่านเอง ไม่ใช่ความผิดของฉัน บัดนี้ ขอให้ท่านไปเดิมพันกับโควินทกเศรษฐีใหม่ด้วยเงินสองพันกหาปณะ ขออย่างเดียว ท่านอย่าได้เรียกฉันว่า โคโกง โคโง่ ท่านจะได้ทรัพย์ตามที่ท่านปรารถนา ฉันจะไม่ทำให้ท่านเศร้าเสียใจ"

             พราหมณ์ได้ทำตามที่โคนันทิวิสาลบอก ในวันเดิมพัน พราหมณ์จึงพูดหวานว่า

           "นันทิวิสาลลูกรัก เจ้าจงลากเกวียนทั้งร้อยเล่มนี้ไปเถิด"

           โคนันทวิสาลได้ลากเกวียนร้อยเล่มที่ผูกติดกัน ด้วยการออกแรงลากเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้เกวียนเล่มสุดท้ายไปตั้งอยู่ที่เกวียนเล่มแรกอยู่ ทำให้พราหมณ์ชนะพนัน ด้วยเงินสองพันกหาปณะพระพุทธองค์เมื่อนำอดีตนิทานมาสาธกแล้วตรัสว่า

             "ภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่า คำหยาบ ไม่เป็นที่ชอบใจของใครๆ แม้กระทั่งสัตว์เดียรัจฉาน" แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า

              "บุคคลควรพูดแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น ไม่ควรพูดคำที่ไม่น่าพอใจ

ในกาลใด ๆ”

              เมื่อพราหมณ์พูดคำที่น่าพอใจ โคนันทิวิสาลได้ลากสัมภาระอันหนักได้ ทั้งยังทำให้พราหมณ์ผู้นั้นได้ทรัพย์อีกด้วย ส่วนตนเองก็เป็นผู้ปลื้มใจ เพราะการช่วยเหลือนั้นด้วย

            จะเห็นได้แล้วว่า การพูดทำให้สามารถชนะใจคนฟังได้ เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่มีอะไรจะผูกมัดใจคนได้เท่ากับคำพูดดี มีมธุรสวาจาแม้จะมีเงินมากมายก่ายกองสักปานใด ถ้าพูดไม่ได้ใจแล้วไซร้ ก็เปล่าประโยชน์ และถึงแม้จะไม่มีเงิน แต่พูดดีฟังสบายหู ดูสบายตา พาสบายใจ ก็จะทำให้คนฟังมีใจเกินร้อยพร้อมจะคอยเป็นพันธมิตรสนับสนุนกิจการให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ จึงควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนค่อยพูด  หรือคิดก่อนพูด ก่อนทำนั้นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แหล่งข้อมูล

 

http://www.dhammathai.org/chadoknt/chadoknt317.php

https://www.gotoknow.org/posts/688907

 

 

 


 

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย