ที่ต้องใช้คำนี้ เพราะผมเชื่อว่าคงจะไม่เหลืออาคารแบบนี้ ในประเทศไทย หรือถ้ายังมีอยู่ก็ไม่น่าจะเกิน ๑๐๐ หลัง ส่วนใหญ่จะรื้อถอนไปสร้างอาคารเรียนใหม่ และถ้ายังมีอยู่อาจต้องเตรียมรื้อถอน เนื่องจากชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
ชื่อแบบอาคารเรียนว่า ป.๑ ก. สร้างในปีพ.ศ.๒๕๒๒ ระยะเวลา ๔๓ ปี ถือว่านานมาก ผมไม่ทราบเลยว่าตัวย่อ ป.๑ ก. มาจากอะไร ป.อาจหมายถึง ประชาบาล ไม่น่าจะใช่ประถมศึกษา เพราะตอนนั้นโรงเรียนสังกัดอยู่กับองค์กรท้องถิ่น (อบจ.)
ส่วนเลข ๑ น่าจะหมายถึงแบบที่ ๑ หรือเป็นแบบชั้นเดียว ส่วนอักษร ก. ผมเดาว่ากาญจนบุรี แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้ความหมายว่า...เก่าแก่..ก็แล้วกัน
ปัจจุบันนี้..แบบแปลนอาคารเรียนชั้นเดียวของสพฐ.ศธ.ไม่มีแบบนี้แล้ว เท่าที่เห็นและเป็นอยู่ แบบจะสวยสง่า ราคาสูง แต่โครงสร้างจะบอบบาง สู้อาคารวินเทจของผมไม่ได้เลย ที่มีเสาต้นใหญ่ คานใหญ่มาก ห้องเรียน ๔ ห้องกว้างขวางได้มาตรฐาน
ผมสำรวจตรวจสอบอาคารเรียนมาตลอด ๑๐ ปี ปีละหลายครั้ง เพื่อหาจุดซ่อมบำรุง เจตนาก็เพื่ออนุรักษ์และบำรุงรักษาไว้ให้ดีที่สุด เพราะผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า ข้าราชการคนใดที่รัก “ของหลวง” จะเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและอายุยืนยาว
ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ....ผมคนหนึ่งที่กล้าคุยว่าก้าวหน้าในการรับราชการมิใช่น้อย ทำงานหนักแต่ไม่เจ็บป่วยง่าย แต่อายุจะยืนยาวหรือเปล่า อันนี้ไม่ค่อยกังวล
๔ – ๕ ปีมานี้ อาคารเรียนพบรอยร้าวบ้างเล็กน้อย ช่องลมที่เป็นไม้เริ่มผุ ประตูหน้าต่างเริ่มจะพังเพราะปลวกและความชื้น ในขณะที่อาคารเริ่มผุกร่อน แต่ก็แปลกที่มีครูและผู้บริหารมาเยี่ยมเยือน ก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้งบซ่อมแซมหรือ ฝ้าเพดานดูใหม่ ห้องเรียนแต่ละห้องสดใส ที่แปลกตาก็คือมีกันสาดหน้าอาคารด้วย
กันสาดจริงๆ กันได้ทั้งแดดและฝน ทำให้บรรยากาศภายในห้องเรียน เย็นสบายตลอดทั้งวัน ไม่ว่าแดดจะร้อนอบอ้าวแค่ไหนก็ตาม นี่คืออานิสงส์อันยิ่งใหญ่ของอาคารเรียนย้อนยุค แบบ ป.๑ ก.นั่นเอง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมไม่ได้ดูแลเพิ่มเติมเฉพาะกันสาดเท่านั้น แต่ยังได้รักษาสภาพพื้นห้องเรียนที่ชำรุดด้วยการปูกระเบื้องทั้งในห้องเรียนและหน้าอาคาร ปรับปรุงระบบไฟฟ้า ต่อเติมด้านหลังให้เป็นห้องเรียนพิเศษ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นอาคารอเนกประสงค์หรือโรงอาหารไปแล้ว
ในความคิดที่เป็นวินเทจ ผมจึงติดตั้งระฆังไว้ที่เสา เพื่อตีบอกสัญญาณแทนกริ่งไฟฟ้า ดูแลรักษาเก้าอี้ที่ทำจากปูน มีพนักพิงแบบโค้ง ซึ่งอยู่หน้าอาคารเรียนมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ ตอนนี้ยังอยู่ที่เดิม และด้วยความทนทาน จึงอยู่ครบทุกตัว
เสาทุกต้นหน้าอาคาร ผมประดับด้วยกระถางต้น “เงินไหล” ใบเป็นมันวาว เพราะความสมบูรณ์ มีหลายคนถามว่าเงินไหลเข้าหรือไหลออก ผมบอกอย่างไม่ต้องปิดบังว่าส่วนใหญ่ไหลเข้า ทำให้บ้านหนองผือ..มีเงินพัฒนาคุณภาพชนิดที่ไม่เคยขาดมือเลย
จึงขอสื่อสารถึงครูอาจารย์และศิษย์เก่า..ผมได้ดูแลและรักษาอาคารเรียนที่ท่านได้สร้างกันไว้อย่างดีที่สุดแล้ว ปีพ.ศ.๒๕๖๔ ของบซ่อมแซม(ทาสี) แต่สพฐ.ไม่ยอมให้ บอกจะเอางบไปช่วยโควิด ผมไม่ติดใจ...
แต่มารู้ภายหลังว่า เขา(สพฐ.) เอาไปให้โรงเรียนคุณภาพชุมชน...ที่เตรียมไว้สำหรับยุบโรงเรียนเล็กๆมารวมอยู่ด้วยกัน....โดยลืมนึกไปว่า สถานการณ์ของโรคขณะนี้ การรวมกันอาจตายหมู่..แยกกันอยู่และรักษาระยะห่างน่าจะดีกว่านะครับ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๐ มกราคม ๒๕๖๕
ติดตามการทำงานของท่านผ่านทางเฟสบุคอยู่เสมอ ทั้งทุ่มเททำงานเพื่อนักเรียนอย่างแท้จริงบนพื้นฐานของทรัพยากรที่มี บริหารงานด้วยศาสตร์และศิลป์แสดงผ่านผลงานการพัฒนาอย่างประจักษ์แจ้งจริงๆ ครับ, ขอคารวะและเรียนรู้เป็นแบบอย่างครับ
ขอบคุณคุณวศิน ที่กรุณา และให้กำลังใจ..ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ฝึกเขียนหนังสือ ฝึกปรือเอาไว้หลังเกษียณครับ..ผ่านประสบการณ์จริง ที่เป็นเรื่องเล่า ที่ไม่มีเจตนาโอ้อวด หรือสร้างผลงานทางวิชาการ แต่อาจเป็นตำนานชีวิตลิขิตไว้ให้ตัวเองและลูกหลานดู ส่วนงาน(หนัก) ที่อยากทุ่มเท..เพราะเวลามีค่า และเหลือน้อยเต็มที ไม่อยากจะมานั่งเสียดายทีหลัง ที่สำคัญคือ..บุญเหลือเกินที่ได้เป็นข้าราชการ..หากไม่ทำงานทิ้งไว้ให้แผ่นดิน มันน่าจะบาปมากและเสียชาติเกิด ตลอดจน…ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำมีคุณค่าและเป็นสิ่งดี..”ความดี”จะมีคุณค่าในตัวเองเสมอ….สู้สู้ ครับ