หนังสือ Future Skills : The Future of Learning and Higher Education เขียนโดย Ulf-Daniel Ehlers ศาสตราจารย์ด้าน Lifelong Learning and Educational Management แห่ง University of Augsburg เยอรมนี และ University of Maryland สหรัฐอเมริกา ในบทที่ 2.1 Towards a Postknowledge Era : The Relativity of Knowledge บอกว่า ผลการวิจัยในโครงการ NextSkills บอกว่าความรู้มีความหมายต่างกันในต่างยุคสมัย
เขาแบ่งยุคสมัยตามความหมายของความรู้ออกเป็น ๓ สมัย คือ ยุคอุตสาหกรรม ยุคความรู้ และ ยุคหลังความรู้ (post-knowledge age)
ในยุคอุตสาหกรรม (industrial age) เครื่องจักรเป็นจ้าว มนุษย์ต้องทำงานตามข้อกำหนดของเครื่องจักร ความรู้ไม่สำคัญมากนัก
ในยุคความรู้ (knowledge age) เป็นช่วงที่มีการจัดการศึกษาเพื่อมวลชน (massification of education) ความรู้เป็นจ้าว เป็นกลไกขับเคลื่อนสังคม
บัดนี้ เข้าสู่ยุคหลังความรู้ (post-knowledge age) ความรู้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมรรถนะเพื่อปฏิบัติการในสภาพที่ไม่เคยประสบมาก่อน เป็นสภาพที่มีความซับซ้อนและเป็นพลวัตอยู่ตลอดเวลา
เขาบอกว่า ในสมัยก่อน ความรู้เป็นเสมือนสิ่งของ จับต้องได้ วัดว่ารู้หรือไม่รู้ได้ แต่สมัยนี้ความรู้เป็นคล้ายพลังงาน มีตัวตนแต่จับต้องไม่ได้ และเลื่อนไหล ไม่วัดความรู้โดยตรง แต่วัดที่สมรรถนะในปฏิบัติการ
สำหรับมนุษย์ ความหมายของความรู้เคลื่อนจากตัวความรู้ ไปเป็นการนำความรู้ไปใช้ และในยุค post-knowledge era เราไม่มองความรู้แบบขนมชั้น แต่มองเป็นขนมเปียกปูน คือเป็นความรู้ที่ผสมผสานกันเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยส่วนผสมของขนมเปียกปูนแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมต่อสถานการณ์ ผมจึงแย้งว่า ชื่อ post-knowledge ไม่ดีนัก น่าจะใช้ว่า Meta-knowledge era หรือ Super-knowledge era มากกว่า
โดย meta- หรือ super-knowledge เรียกชื่อใหม่ว่า สมรรถนะ (competencies) สำหรับกระทำการ คือในยุคนี้ รู้เฉยๆ ไร้ความหมาย ต้องสามารถใช้ความรู้นั้นไปผสมกับความรู้อื่น และผสมกับคุณค่า เจตคติ และทักษะ ในองค์ประกอบและสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อการใช้งานที่จำเพาะสถานการณ์
กล่าวใหม่ว่า ในยุคหลังความรู้ ตัวความรู้ที่ต้องการเกิดจาก self-organization โดยมีการผุดบังเกิด (emergence) ของความรู้สำหรับใช้งาน ณ สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง คือเป็นความรู้ที่มีส่วนผสมซับซ้อน และจำเพาะเพื่อการใช้งานในสถานการณ์หนึ่งๆ
ในยุคความรู้ ความรู้เป็นสิ่งที่ชัดเจนแน่นอน จับต้องได้ มีตัวตนให้พิสูจน์ แต่ในยุคหลังความรู้ ความรู้ยังไม่มีจนกว่าจะเกิดความต้องการ ภายใต้สถานการณ์ที่จำเพาะ มนุษย์จะบันดาลให้มี “ความรู้” ที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ออกมากระทำการ ความรู้ในยุคนี้ เป็นสิ่งผุดบังเกิด โดยที่ผุดบังเกิดขึ้นมาเพื่อสนองสถานการณ์ที่จำเพาะ
ในยุคความรู้ ความรู้เป็นผลผลิต แต่ในยุคหลังความรู้ ความรู้ในรูปแบบเดิมเป็นวัตถุดิบ สำหรับสร้างสมรรถนะ เพื่อใช้กระทำการในสถานการณ์จำเพาะ
ในยุคความรู้ ความรู้เป็นสิ่งแน่นอนตายตัว ในยุคหลังความรู้ ความรู้เป็นสิ่งที่เลื่อนไหล
ในยุคความรู้ การศึกษาช่วยให้บุคคลสั่งสมความรู้ใส่ตน แต่ในยุคหลังความรู้ การศึกษาช่วยให้มีทักษะค้นหาความรู้ ประเมินความถูกต้องน่าเชื่อถือเหมาะสมของความรู้ และเลือกความรู้ที่เหมาะสมสำหรับใช้งานตามบริบทที่จำเพาะ และมีทักษะในการผสมความรู้ที่หลากหลายเพื่อการใช้งานที่จำเพาะนั้นๆ รวมทั้งทักษะร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น เท่ากับรู้จักใช้ความรู้ของคนอื่นด้วย
โลกเปลี่ยนจาก Knowledge era ไปเป็น Competence era
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ธ.ค. ๖๔