นกมีหู หนูมีปีก


นกมีหู หนูมีปีก

ค้างคาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในอันดับ Chiroptera เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่บินได้จริงและต่อเนื่องด้วยขาหน้าที่ปรับตัวกลายเป็นปีก ค้างคาวบินได้คล่องตัวกว่านก เนื่องจากขาที่ยื่นยาวออกมาและคลุมไปด้วยเยื่อบุผิวบางๆ หรือ พาทาเจียม ค้างคาวขนาดเล็กที่สุด คือ ค้างคาวคุณกิตติ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่สุด ลำตัวยาว 29-34 มิลลิเมตร เมื่อกางปีกออกมีความยาว 15 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 2-2 .9 กรัม ส่วนค้างคาวขนาดใหญ่ที่สุด คือค้างคาวในสกุล Pteropus และ Acerodon jubatus ซึ่งหนักได้ถึง 1.6 กิโลกรัม และมีความยาวตลอดปีก 1.7 เมตร

ค้างคาวเป็นอันดับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากอันดับสัตว์ฟันแทะ ค้างคาวคิดเป็น20%ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด โดยมีชนิดมากกว่า1,400 ชนิด แต่เดิมค้างคาวจำแนกออกเป็นสองอันดับย่อย ได้แก่ ค้างคาวผลไม้ที่เป็นส่วนใหญ่ และค้างคาวกินแมลงที่สามารถใช้เสียงสะท้อนระบุตำแหน่งที่ตั้งได้ จากหลักฐานใหม่เมื่อไม่นานนี้สนับสนุนการจำแนกอันดับออกเป็นอันดับย่อย Yinpterochiroptera และ Yangochiroptera โดยจัดค้างคาวผลไม้บางกลุ่มรวมกับค้างคาวกินแมลงหลายชนิดในอันดับย่อยแรก

ค้างคาวจำนวนมากกินแมลงและส่วนใหญ่ของค้าวคาวที่เหลือกินผลไม้ ค้างคาวบางชนิดกินสัตว์อื่นเป็นอาหารแทนแมลง เช่น ค้างคาวแวมไพร์ที่กินเลือด ค้างคาวส่วนใหญ่เป็นสัตว์ออกหากินตอนกลางคืน และส่วนใหญ่ในจำนวนนี้ก็เกาะอาศัยอยู่ในถ้ำหรือที่พักอื่น ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าค้างคาวมีพฤติกรรมเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงจากผู้ล่าเหยื่อ ค้างคาวพบได้ทั่วโลก ยกเว้นในบางบริเวณที่หนาวจัด ค้างคาวเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศในการผสมเกสรดอกไม้และกระจายเมล็ดของดอกไม้ไปตามที่ต่างๆ พืชเขตร้อนจำนวนมากต้องพึ่งพาค้างคาวเหล่านี้ในการผสมเกสรและการกระจายเมล็ด

ค้างคาวให้ประโยชน์บางอย่างแก่มนุษย์ แต่แลกมากับภัยคุกคามบางอย่าง มูลค้างคาวสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยได้ ค้างคาวยังกินแมลงศัตรูพืช ลดความต้องการในสารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ บางครั้งค้างคาวก็มีจำนวนมากพอที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และใช้บริโภคเป็นอาหารในทวีปเอเชียและขอบแปซิฟิก ค้างคาวยังเป็นพาหะธรรมชาติของจุลชีพก่อโรคหลายชนิด เช่น โรคพิษสุนัขบ้า และไวรัสโคโรนา เนื่องจากค้างคาวเคลื่อนไหวได้ง่ายมาก ชอบสมาคม และมีอายุยืน ค้างคาวจึงแพร่โรคได้อย่างรวดเร็ว ค้างคาวมักมีความเกี่ยวข้องกับความมืด ความประสงค์ร้าย เวทมนตร์ แวมไพร์ และ ความตาย

มีนิทานเก่าเรื่อง "นกมีหู หนูมีปีก" สำนวนดั้งเดิมผู้แต่งคือ พระยาวิจิตร์ธรรมปริวัตร (คำ พรหมกสิกร) เล่ากันสืบต่อมา ดังนี้

เดิมค้างคาวได้อาศัยกินอยู่กับฝูงนก มีนกตัวหนึ่งเป็นนาย ครั้นอยู่มาวันหนึ่งนกที่เป็นนายสั่งให้พวกนกและค้างคาวที่เป็นบริวารให้ทำรังอยู่ ค้างคาวก็ไม่ทำตามคำสั่ง
นายนกจึงต่อว่าค้างคาวว่า " เราสั่งให้ทำรังอยู่ ทำไมจึงไม่ทำ" ค้างคาวก็เอาหูออกมาอวด แล้วพูดว่า " เรามีหู เราไม่ใช่พวกของท่าน เราเป็นหนูต่างหาก"

นายนกจึงตอบว่า "อ้าว! ถ้าท่านเป็นพวกหนู ก็ไปอยู่กับพวกหนูสิ"

ครั้นค้างคาวถูกไล่แล้ว ก็ไปอาศัยอยู่กับพวกหนู อยู่มาได้สักพักหนึ่งนายหนูก็สั่งให้พวกบริวารช่วยกันทำรูอยู่ ค้างคาวก็ไม่ยอมทำ นายหนูจึงว่า "เราสั่งให้ทำรูอยู่ ทำไมจึงไม่ทำ"

ค้างคาวก็กางปีกออกให้ดู แล้วพูดว่า "เรามีปีก เราไม่ใช่พวกของท่าน เราเป็นพวกนกต่างหาก" หนูจึงตอบว่า " เมื่อเจ้าเป็นนก ก็ไปอยู่กับพวกนกสิ"


ค้างคาวก็กลับไปหานก กระพือปีกให้ดูแล้วบอกว่า "เราเป็นพวกนก" ฝ่ายนกจึงว่า "เอ๊ะ! เจ้าค้างคาวนี่พูดสับปลับ เมื่อเราสั่งให้ทำรัง ก็เอาหูออกอวด บอกว่าเป็นพวกหนู เดี๋ยวนี้สิ กลับเอาปีกออกมาอวด บอกว่าเป็นพวกนก เราไม่ยอมให้อยู่ด้วย"

ค้างคาวก็กลับไปหาหนู เอาหูอวดแล้วบอกว่า "เราเป็นพวกของท่าน" หนูจึงว่า " เออ! เมื่อเราสั่งให้ทำรูอยู่ เจ้าก็เอาปีกออกมาอวดบอกว่าเป็นพวกนก บัดนี้สิ กลับเอาหูออกมาอวด บอกว่าเป็นพวกของเรา เจ้านี่สับปลับมาก เราไม่ยอมให้อยู่ด้วย"

เมื่อความนี้รู้ไปถึงนายนกและนายหนูทั้ง 2 ข้างว่าค้างคาวเที่ยวพูดตลบตะแลงมาทั้งสองแห่ง นายทั้ง 2 จึงปรองดองกัน นัดประชุมปรึกษาโทษค้างคาว

จึงตกลงพร้อมกันว่า ค้าวคาวนี้มีโทษมาก เพราะเที่ยวทำสับปลับตลบตะแลง ไม่ควรจะอยู่ในโลกต่อไป
ค้างคาวครั้นรู้คำปรึกษาดังนั้น ก็มีความเศร้าโศกมาก จึงอ้อนวอนขอโทษว่า " ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่ประพฤติตนสับปลับตลบตะแลงเช่นนี้อีกเลย

ที่ประชุมเห็นค้างคาวรู้สึกสำนึกความผิดของตัวเองเช่นนั้นแล้ว จึงยอมผ่อนโทษโดยฐานกรุณา ให้ค้างคาวอยู่ในโลกได้ แต่ห้ามไม่ให้ใครคบหาด้วย แม้จะกินจะอยู่หรือนอน ก็ห้ามไม่ให้กิน ไม่ให้อยู่ ไม่ให้นอน เหมือนนกเหมือนหนู ให้ห้อยหัวกิน ห้อยหัวอยู่ ห้อยหัวนอน และห้ามไม่ให้ออกหากินในเวลาเดียวกันกับนกและหนูด้วย

นิทานเรื่องนี้จึงเป็นที่มาของสำนวน "นกมีหู หนูมีปีก" ซึ่งหมายถึง คนที่ทำอะไรกลับกลอก เข้าพวกกับทั้งสองฝ่ายเพื่อหวังประโยชน์ของตนเอง

ตัวอย่าง

อย่างนายมันก็แค่นกมีหู หนูมีปีก ไม่ได้มีความจริงใจให้ใคร แค่หาผลประโยชน์เข้าตัวแค่นั้นแหละ

ค้างคาวโด่งดังในโลกภาพยนตร์จาก Batman ซึ่งเป็นซุปเปอร์ฮีโรแห่งเมืองก็อตแทม ที่โด่งดังมาก่อนจากหนังสือการ์ตูนอเมริกัน ตีพิมพ์โดยดีซีคอมิกส์ ในปี 1939 โดยมีฉายาต่างๆ ได้แก่ มือปราบใต้ผ้าคลุม (Caped Crusader) อัศวินรัตติกาล ,( Dark Knight) และยอดนักสืบของโลก (World's Greatest Detective)

Batman สร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง และแต่ละครั้งได้นักแสดงนำผู้รับบทเป็นแบทแมนเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้าค่าตัวสูงลิบลิ่ว ซึ่งมีส่วนทำให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จด้านรายได้

1. Michael Keaton - Batman(1989) , Batman Return (1992)

2. Val Kilmer-Batman forever (1995)

3. George Clooney-Batman & Robin (1997)

4. Christain Bale - Batman begins (2005) ,Dark Knight (2008), The Dark Knight Rises (2012)

5. Ben Affleck- Batman V Superman : Dawn of Justice (2016)

6. Robert Pattinson - The Batman (2022) 

โรเบิร์ต แพททินสัน ได้รับบท Batman คนล่าสุด ด้วยค่าตัวถึง 5 ล้านดอลล่าร์ การถ่ายทำ The Batman มีอุปสรรคบ้างจากสถานการณ์โควิด และโรเบิร์ต แพททินสัน ก็ติดไวรัสโควิดด้วย อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในปี 2022

คนไทยไม่นิยมนำค้างคาวมาประกอบอาหาร แต่มีอาหารว่างโบราณชนิดหนึ่ง ชื่อ "ค้างคาวเผือก" เป็นขนมที่ทำมาจาก เผือกผสมแป้ง ปั้นเป็นสามเหลี่ยม มีไส้ทำด้วยกุ้งและมะพร้าวขูด ลักษณะเดียวกับหน้ากุ้ง นำไปทอด และกินคู่กับอาจาด โดยขนมนี้ไม่มีค้างคาวเป็นส่วนประกอบเลย เพียงแค่ปั้นแป้งเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายปีกค้างคาวเท่านั้น

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

 

หมายเลขบันทึก: 692686เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2021 14:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2023 11:09 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท