60 ปีที่พากเพียรสู่วันเกษียณที่ภาคภูมิ
“บำนาญ (บำเหน็จ) ตกทอด คืออะไร ?”
ดร.ถวิล อรัญเวศ
อาชีพรับราชการ แม้จะเป็นอาชีพที่มีรายได้ในสายตาของ
หลาย ๆ คน อาจจะไม่สูงนัก แต่ก็เป็นอาชีพที่มีเกียรติ และ
สามารถคุ้มครองตนเองและบุคคลในครอบครัวได้ แม้ว่า
สวัสดิการพยาบาลปัจจุบันอาจจะไม่แตกต่างกันสำหรับ
ข้าราชการและประชาชนทั่วไปก็ตาม เพราะคนเข้าถึง
สาธารณสุขได้ถ้วนหน้าทุกวันนี้ แต่ก็ถือว่าก่อนที่เราจะ
ได้มาเป็นข้าราชการหรือข้าฯของแผ่นดิน เราได้ผ่าน
การแข่งขันกับผู้คนเป็นจำนวนมากมาหลายด่าน คู่ต่อสู้ฃ
หลายคน กว่าจะผ่านเกณฑ์และเข้าเส้นชัย จนบางคน
อาจจะท้อใจก่อนเลยไม่สู้ต่อ เช่น ผ่านด่านความสามารถทั่วไป
ความสารถเฉพาะตำแหน่ง และความเหมาะนสมกับตำแหน่ง
ถือว่าเป็นอาชีพที่เข้ายากและอาจจะออกง่ายถ้าไม่สามารถ
ดำรงตนอยู่ในจรรยาบรรณของวิชาชีพ และสิ่งที่ภาคภูมิใจ
คือเราได้ผ่านการฝึกฝนอบรมมามาก โดยเฉพาะวิชาชีพครู
ซึ่งเป็นวิชาชีพชั้นสูงอีกวิชาชีพหนึ่ง เพราะคนที่จะมาเป็นครูได้
ต้องจบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางการศึกษา
หรือปริญญาตรีด้านอื่น ๆ ที่ ก.ค.ศ.รับรอง เช่นเดียวกับ
คนที่จะมาเป็น ส.ว.ได้ ต้องจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่าก่อน
สิ่งที่น่าภาคภูมิใจอีกอย่างคือ ข้าราชการที่เกษียณและได้รับ
บำนาญ เวลาตายยังให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง
คือจะมีบำนาญตกทอดให้ด้วย (กรณียังไม่ได้รับบำนาญ ก็จะเป็น
บำเหน็จตกทอด และถ้ายังไม่ได้รับเงินดำรงชีพ ก็จะได้รับ
บำเหน็จตกทอดเต็มจำนวน)
บำนาญ (บำเหน็จ) ตกทอด คืออะไร ?
ผู้เขียน ขออนุญาตใช้คำว่า “บำนาญตกทอด” (ก็อันเดียวกันกับบำเหน็จนั้นแหละ)
คือ เงินที่รัฐจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ทายาทของผู้รับบำนาญที่ถึงแก่ความตาย
ซึ่งจ่ายเป็นเงินก้อนครั้งเดียว (ทายาท คือบุตร คูสมรส บิดามารดา) หรือบุคคลที่
ผู้รับาราชการบำนาญระบุชื่อไวในหนังสือแสดงเจตนา (กรณีไมมีทายาท)
โดยจายเปนเงินกอนครั้งเดียว
เปนเงิน จำนวน 30 เทาของบำนาญรายเดือน หักบำเหน็จ
ดำรงชีพ (ถามี) วิธีคำนวณบำเหน็จตกทอด คือ (เงินบำนาญเดือน
สุดท้าย + ช.ค.บ. (ถ้ามี) x 30) – บำเหน็จดำรงชีพที่ได้รับไปแล้ว
สูตรคำนวณบำนาญตกทอด
= บำนาญ + ช.ค.บ. (ถ้ามี) ) x 30–บำเหน็จดำรงชีพที่
ได้รับไปแล้ว
เช่น คุณขาว รับบำนาญเดือนละ 47,000 บาท
ก่อนตายได้รับบำเหน็จดำรงชีพไปแล้ว 2 ครั้ง ๆ ละ 200,000
บาท รวม 400,000 บาท (ไม่มีเงิน ช.ค.บ.)
เงินบำนาญตกทอด คือ 47,000x30= 1,410,000 บาท
และนำเงินบำเหน็จดำรงชีพที่รับไปแล้ว 400,000 บาท ก็จะเหลือ
สุทธิ 1,010,000 บาท
สัดส่วนการจ่ายเงินบำเหน็จตกทอดให้ทายาทตามกฎหมาย ดังนี้
1. คู่สมรส 1 ส่วน
2. บุตร 2 ส่วน (บุตร 3 คนขึ้นไปให้ได้รับ 3 ส่วน)
3. บิดา/มารดา 1 ส่วน
ลองนำไปหารดู (เช่น ทั้งหมด 5 ส่วน)
หมายเหตุ :
1.ถ้าไม่มีทายาทตามลำดับ 1 –3 ให้จ่ายให้แก่ผู้ที่ผู้รับบำนาญได้
แสดงเจตนาจะมอบให้ฯไว้ ตามแบบแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับ
บำเหน็จตกทอด
2. หากผู้รับบำนาญไม่มีทายาทและไม่ได้แสดงเจตนาฯ ตามแบบที่กำหนด
ถือว่าการจ่ายบำเหน็จตกทอดเป็นอันยุติ (เงินตกเป็น
ของแผ่นดินก็เรียก)
ตัวอย่างที่ 2
นางดำรับบำนาญเดือนละ 24,000 บาท + ชคบ.1,500 บาท
ได้รับบำเหน็จดำรงชีพที่รับไป 2 ครั้ง คือครั้งแรก
ตอนเกษียณ 200,000 บาท ครั้งที่ 2 ตอนอายุ 65 ปี 160,000บาท
บำนาญตกทอด = 25,500 x 30 เท่า = 765,000 บาท
หัก บำเหน็จดำรงชีพที่รับไป 2 ครั้ง (200,000 + 160,000)
บำนาญตกทอดที่ทายาทจะได้รับทั้งหมด
= 765,000 – 360,000 = 405,000 บาท
เอกสารสำหรับการขอรับบำนาญตกทอด
กรณีผู้รับบำนาญเสียชีวิตทายาทตามกฎหมายหรือผู้ที่ผู้รับบำนาญได้แสดงเจตนา
ระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอดไว้ ต้องจัดเตรียมเอกสาร หลักฐานมาติดต่อกับส่วนราชการผู้เบิก
เช่น ถ้าครูสังกัด สพฐ. ก็คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
เพื่อดำเนินการยื่นเรื่องขอรับเงินบำเหน็จตกทอดดังนี้
1. สำเนาใบมรณะบัตรของผู้รับบำนาญ
2. หลักฐานของทายาทตามกฎหมาย หรือ ผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดง
เจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด แล้วแต่กรณี คือ
2.1 หลักฐาน – บิดาของผู้รับบำนาญ
ที่ เอกสาร-หลักฐาน
1. สำเนาทะเบียนบ้าน
2. สำเนาใบมรณะบัตร/หนังสือรับรองการตายของผู้ที่ควรเชื่อถือได้กรณีบิดาตายไปก่อนแล้ว
3. สำเนาทะเบียนสมรส/ใบสำคัญการสมรส/หลักฐานการหย่ากับมารดา /หนังสือรับรองของ
ผู้ควรเชื่อถือได้ที่รับรองว่า บิดามารดาสมรสก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2478 (กรณีไม่มี
หลักฐานสมรส) /ทะเบียนบ้าน/สูติบัตรของบุตรร่วมบิดามารดาเดียวกันซึ่งเกิดภายในปี 2478 หรือก่อนนั้น
4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชีเงินฝากฯ ประเภทออมทรัพย์ สะสมทรัพย์
หรือกระแสรายวัน ยกเว้นบัญชีเงินฝากประเภทประจำ
2.2 หลักฐาน – มารดาของผู้รับบำนาญ
เอกสาร-หลักฐาน
1. สำเนาทะเบียนบ้าน
2. สำเนาใบมรณบัตร/หนังสือรับรองการตายของผู้ที่ควรเชื่อถือได้กรณีมารดาตายไปก่อนแล้ว
3. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชีเงินฝากฯประเภทออมทรัพย์
สะสมทรัพย์ หรือกระแสรายวันยกเว้นบัญชีเงินฝากประเภทประจำ
2.3 หลักฐาน – คู่สมรสตามกฎหมายของผู้รับบำนาญ
เอกสาร-หลักฐาน
1. สำเนาทะเบียนบ้าน
2. สำเนาทะเบียนสมรส/ใบสำคัญการสมรส
3. สำเนาใบมรณบัตร/หนังสือรับรองการตายของผู้ที่ควรเชื่อถือได้กรณีคู่สมรสตายไปก่อนแล้ว
4. สำเนาทะเบียนการหย่า/ ใบสำคัญการหย่า/คำสั่งศาลกรณีที่มี
การหย่า
5. สำเนาคำพิพากษา/คำสั่งศาลที่แสดงว่าคู่สมรสคนใดเป็นคู่
สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่มีการสมรสซ้อน
6. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชีเงิน
ฝากฯประเภทออมทรัพย์ สะสมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน
ยกเว้นบัญชีเงินฝากประเภทประจำ
2.4 หลักฐาน – บุตรของผู้รับบำนาญ
1. สำเนาทะเบียนบ้าน
2. สำเนาทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม กรณีที่เป็นบุตรบุญธรรม
3. สำเนาใบมรณะบัตร /หนังสือรับรองการตายของผู้ที่ควรเชื่อถือได้
กรณีบุตรคนใดได้ตายไปก่อนแล้ว
4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชีเงิน
ฝากฯประเภทออมทรัพย์ สะสมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ยกเว้น
บัญชีเงินฝากประเภทประจำ
(กรณีไม่มีทายาทตามกฎหมาย)
2.5 หลักฐาน –บุคคลที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับ
บำเหน็จตกทอด
เอกสาร-หลักฐาน
1. สำเนาทะเบียนบ้าน/สำเนาบัตรประชาชน
2. แบบหนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด
3. สำเนาใบมรณะบัตร /หนังสือรับรองการตายของผู้ที่ควรเชื่อถือได้ กรณีบิดา มารดา
ของผู้รับบำนาญเสียชีวิต
4. กรณีผู้รับบำนาญมีคู่สมรส และ หรือ บุตร และเสียชีวิต
ให้แนบสำเนาใบมรณบัตร/หนังสือรับรองการตายของผู้ที่ควรเชื่อถือได้
5. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชีเงินฝากฯประเภท
ออมทรัพย์สะสมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ยกเว้น
บัญชีเงินฝากประเภทประจำ
สรุป
บำนาญตกทอด (บำเหน็จตกทอด) คือ เงินที่รัฐจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ให้แก่ทายาทของผู้รับบำนาญที่ถึงแก่ความตาย ซึ่งจ่ายเป็นเงินก้อนครั้งเดียว
สูตรการคิดบำเหน็จตกทอด
= เงินบำนาญ + ช.ค.บ. (ถ้ามี) ) x 30–บำเหน็จดำรงชีพที่ได้รับไปแล้ว ตอนเกษียณ
และรับอีกครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 65 ปีและครั้งที่ 3
เมื่ออายุ 70 ปี (ถ้าเงินบำนาญมีคุณสมบัติครบ)
สัดส่วนการจ่ายเงินบำนาญตกทอด (บำเหน็จตกทอด)
ให้ทายาทตามกฎหมาย ดังนี้
1. คู่สมรส 1 ส่วน
2. บุตร 2 ส่วน (ถ้ามีบุตร 3 คนขึ้นไปให้ได้รับ 3 ส่วน)
3. บิดา/มารดา 1 ส่วน
หลักฐานการรับเงินบำเหน็จตกทอดดังนี้
1. สำเนาใบมรณะบัตรของผู้รับบำนาญ
2. หลักฐานของทายาทตามกฎหมาย หรือ ผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดง
เจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด แล้วแต่กรณี คือ สำเนา
ทะเบียนบ้าน สำเนามรณบัตรบิดามารดาหรือบุตร(กรณี
ซึ่งตายไปก่อนแล้ว) และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชีเงินฝากฯประเภทออมทรัพย์
สะสมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน ยกเว้นบัญชีเงินฝาก
ประเภทประจำ
หมายเหตุ
เงินช่วยพิเศษ 3 เดือน
(การขอรับเงินช่วยพิเศษ ต้องยื่นขอรับภายใน 1 ปี
นับแต่วันที่ข้าราชการ ผู้รับบำนาญ ลูกจ้างประจำ หรือ
ลูกจ้างชั่วคราว ผู้มีสิทธิได้รับเงินเดือน
บำนาญ หรือค่าจ้าง แล้วแต่กรณี
ถึงแก่ความตาย)
เงินที่เมื่อผู้รับบำนาญเสียชีวิตแล้ว รัฐจะจ่ายเงิน
ช่วยเหลือให้แก่บุคคลที่
ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาให้เป็นผู้รับเงินช่วยพิเศษ
หรือทายาทตามกฎหมายของผู้รับบำนาญ เพื่อใช้ใน
การจัดการงานศพให้แก่ผู้รับบำนาญ
สูตรคำนวณ
เงินช่วยพิเศษ = (บำนาญ+ช.ค.บ.(ถ้ามี) ) x 3 เท่า
ตัวอย่าง ครูเขียว รับเงินบำนาญเดือนละ 40,700 บาท
ทายาทก็จะได้รับเงินช่วยพิเศษ 3 เดือน
การจ่ายเงินช่วยพิเศษ จะจ่ายตามลำดับผู้มีสิทธิ ดังนี้
1. ผู้ที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับเงินช่วยพิเศษ
2. คู่สมรส (กรณีถ้าผู้รับบำนาญไม่ได้แสดงเจตนาระบุตัวผู้รับเงินช่วยพิเศษ)
3. บุตร (กรณีมีบุตรหลายคน บุตรจะต้องลงชื่อยินยอมให้บุตรคนใด
คนหนึ่งขอรับ และต้องไม่มีบุคคลตามลำดับที่ 1 และ 2 แล้ว)
4. บิดามารดา (กรณีไม่มีบุคคลตามลำดับที่ 1 – 3 แล้ว)
5. บุคคลใดบุคคลหนึ่ง/หน่วยงานต้นสังกัดที่ดำเนินการจัดงานศพ
ให้ผู้รับบำนาญ(กรณีไม่มีบุคคลตามลำดับที่ 1 – 4 แล้ว)
http://www.bophoyhealth.com/images/sub_1572590775/retire-gov.pdf
ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์ ดร. ถวิล อย่างสูงที่กรุณาเขียนเรื่องนี้อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา ส่วนตัวคงต้องรีบรวบรวมหลักบานต่าง ๆให้พร้อมแล้ว หลังจากที่คิดจะทำทุกปีที่ผ่านมา เป้นบทความที่มีประดยชนืมากค่ะ
อย่างไรก็ดี ขอคำแนะนำอาจารย์ด้วย กรณีสามีภรรยาเป้นข้าราชการทั้งคู่ ไม่มีบุตร และบิดามารดาทั้งสองฝ่ายเสียชิวิตแล้ว ดังนั้นต่างก็เป็นทายาทของกันและกัน การทำหนังสือแสดงเจตนา ต้องทำหรือไม่ และจะระบุชื่อบุคคลอื่นอีกหนึ่งคนเป้นทายาทเพิ่มไว้ด้วย ได้หรือไม่ ขอบคุณค่ะ