สอนเสวนาสู่การเรียนรู้เชิงรุก  ๑๒. กรอบที่ ๘ โต้แย้ง (arguing)


 

บันทึกชุด สอนเสวนาสู่การเรียนรู้เชิงรุก นี้    เขียนเพื่อชี้แนวทางจัดการเรียนรู้แบบที่เรียกว่า active learning (ที่ในบันทึกชุดนี้ใช้คำว่า การเรียนรู้เชิงรุก) แนวทางหนึ่ง     โดยมีเป้าหมายเพื่อฝึกนักเรียนให้เรียนรู้จากการปฏิบัติตามด้วยการคิดที่เรียกว่า การใคร่ครวญสะท้อนคิด (reflection)    ที่นำไปสู่การฝึกทักษะการเรียนรู้ที่นักเรียนกำกับการเรียนรู้ของตนเอง (self-directed learning) เป็น    ผ่านกระบวนการ สานเสวนา (dialogue) ระหว่างนักเรียนกับครู และระหว่างนักเรียนกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน    เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่สนุกเร้าใจ (student engagement)    กระตุ้นสมองให้เจริญงอกงาม   และสร้างพัฒนาการรอบด้านตามแนวทางของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑    เป็นบันทึกที่เขียนขี้นจากการตีความหนังสือและรายงานวิจัยของศาสตราจารย์ Robin Alexander    นักวิจัยผู้ยิ่งใหญ่ด้านการศึกษาของอังกฤษ    สังกัดมหาวิทยาลัย  Warwick และมหาวิทยาลัย Cambridge     คือหนังสือ A Dialogic Teaching Companion (2020) (๑)  และรายงานวิจัย Developing  dialogic teaching : genesis, process, trial (2018) (๒)    บันทึกนี้ใช้คำไทยว่า “สอนเสวนา” ในความหมายของ dialogic teaching

บันทึกนี้ตีความจากหนังสือ A Dialogic Teaching Companion (2020) บทที่ ๗ หัวข้อ Repertoitre 8 : Arguing   และส่วนหนึ่งของ Appendix I

คำว่าการโต้แย้ง (arguing)  ต่างจากความขัดแย้ง (conflict)    ตรงที่การโต้แย้งเป็นคำกลางๆ ไม่ขัดแย้งกัน    และในที่นี้ การโต้แย้งในกระบวนการเรียนรู้ผ่านสานเสวนา ช่วยให้เกิดมุมมองที่หลากหลาย    เกิดการเรียนรู้ที่ทั้งลึกและกว้างขวาง   

ในสังคมไทย คนมักเข้าใจผิด คิดว่าการมีการโต้แย้งก็จะเกิดสภาพแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขัดแย้งเป็นศัตรูกัน    ครูต้องมีทักษะในการจัดการสานเสวนาและนักเรียนได้ฝึกใช้การโต้แย้งในเชิงบวก    รู้สึกธรรมดาต่อการใช้ถ้อยคำเชิงโต้แย้ง  หรือเมื่อเพื่อนนักเรียนโต้แย้งตน    ให้นักเรียนเข้าใจว่าการโต้แย้งเป็นเครื่องช่วยการเรียนรู้ที่ลึกและเชื่อมโยง     รวมทั้งต้องฝึกนักเรียนให้รู้จักวิธีใช้ถ้อยคำโต้แย้งที่สุภาพ และให้เกียรติเพื่อนที่ถูกแย้ง     มีวิธีโต้แย้งในลักษณะที่เพื่อนไม่เสียหน้า 

การพูดเชิงโต้แย้งมีหลายขั้นตอน    หนังสือเอ่ยถึงนักวิชาการหลายสำนักที่แบ่งขั้นตอนละเอียดมากน้อยแตกต่างกัน ดังสอนเสวนาสู่การเรียนรู้เชิงรุก  ๑๒. กรอบที่ ๘ โต้แย้ง (arguing)  

บันทึกชุด สอนเสวนาสู่การเรียนรู้เชิงรุก นี้   เขียนเพื่อชี้แนวทางจัดการเรียนรู้แบบที่เรียกว่า active learning (ที่ในบันทึกชุดนี้ใช้คำว่า การเรียนรู้เชิงรุก) แนวทางหนึ่ง    โดยมีเป้าหมายเพื่อฝึกนักเรียนให้เรียนรู้จากการปฏิบัติตามด้วยการคิดที่เรียกว่า การใคร่ครวญสะท้อนคิด (reflection)   ที่นำไปสู่การฝึกทักษะการเรียนรู้ที่นักเรียนกำกับการเรียนรู้ของตนเอง (self-directed learning) เป็น    ผ่านกระบวนการ สานเสวนา (dialogue) ระหว่างนักเรียนกับครู และระหว่างนักเรียนกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน    เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่สนุกเร้าใจ (student engagement)   กระตุ้นสมองให้เจริญงอกงาม  และสร้างพัฒนาการรอบด้านตามแนวทางของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑    เป็นบันทึกที่เขียนขี้นจากการตีความหนังสือและรายงานวิจัยของศาสตราจารย์ Robin Alexander    นักวิจัยผู้ยิ่งใหญ่ด้านการศึกษาของอังกฤษ    สังกัดมหาวิทยาลัย  Warwick  และมหาวิทยาลัย Cambridge     คือหนังสือ A Dialogic Teaching Companion (2020) (๑)  และรายงานวิจัย Developing  dialogic teaching : genesis, process, trial (2018) (๒)    บันทึกนี้ใช้คำไทยว่า “สอนเสวนา” ในความหมายของ dialogic teaching

บันทึกนี้ตีความจากหนังสือ A Dialogic Teaching Companion (2020) บทที่ ๗ หัวข้อ Repertoitre 8 : Arguing   และส่วนหนึ่งของ Appendix I

คำว่าการโต้แย้ง (arguing)  ต่างจากความขัดแย้ง (conflict)    ตรงที่การโต้แย้งเป็นคำกลางๆ ไม่ขัดแย้งกัน    และในที่นี้ การโต้แย้งในกระบวนการเรียนรู้ผ่านสานเสวนา ช่วยให้เกิดมุมมองที่หลากหลาย    เกิดการเรียนรู้ที่ทั้งลึกและกว้างขวาง   

ในสังคมไทย คนมักเข้าใจผิด คิดว่าการมีการโต้แย้งก็จะเกิดสภาพแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขัดแย้งเป็นศัตรูกัน   ครูต้องมีทักษะในการจัดการสานเสวนาและนักเรียนได้ฝึกใช้การโต้แย้งในเชิงบวก    รู้สึกธรรมดาต่อการใช้ถ้อยคำเชิงโต้แย้ง  หรือเมื่อเพื่อนนักเรียนโต้แย้งตน    ให้นักเรียนเข้าใจว่าการโต้แย้งเป็นเครื่องช่วยการเรียนรู้ที่ลึกและเชื่อมโยง     รวมทั้งต้องฝึกนักเรียนให้รู้จักวิธีใช้ถ้อยคำโต้แย้งที่สุภาพ และให้เกียรติเพื่อนที่ถูกแย้ง    มีวิธีโต้แย้งในลักษณะที่เพื่อนไม่เสียหน้า 

การพูดเชิงโต้แย้งมีหลายขั้นตอน   หนังสือเอ่ยถึงนักวิชาการหลายสำนักที่แบ่งขั้นตอนละเอียดมากน้อยแตกต่างกัน ดังตัวอย่าง

  • (๑) ขั้นเปิดฉาก (opening stage) โดยยกคำถาม ปัญหา ข้ออ้าง หรือข้อเสนอที่มีมาก่อน ขึ้นมาเสนอ  (๒) ขั้นโต้แย้ง (argumentation stage) โดยมีการพูดโต้ตอบไปมา ยกเหตุผล  ข้อมูลหลักฐาน  ขึ้นมาสนับสนุน หรือแย้งวิธีการที่มีการเสนอเพื่อแก้ปัญหา หรือตอบคำถาม   (๓) ขั้นปิดฉาก (closing stage) มีการชั่งน้ำหนักความเห็นและข้อมูลหลักฐาน นำไปสู่ข้อสรุปหรือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแก้ปัญหาหรือตอบคำถามนั้น     
  • (๑) ยื่นข้อเสนอ (position),   (๒) ให้เหตุผล (reasons),  (๓) ให้ข้อมูลหลักฐาน (evidence),   (๔) พูดท้าทายข้อมูลหลักฐาน (challenges to evidence),   (๕) พูดโต้คำท้าทาย (responses to challenge)

หนังสือแนะนำ ๔ ขั้นตอนหลัก  และ ๑๒ ขั้นตอนย่อย ของการสอนการพูดโต้แย้งดังนี้

  • เสนอและตรวจสอบหลายมุมมอง
  1. กำหนดคำถาม ข้ออ้าง หรือปัญหา สำหรับนำมาโต้แย้งกัน :  ‘วันนี้คำถามของเราคือ...’
  2. รับผิดชอบร่วมกัน :  ‘จับคู่อภิปรายกันสามนาที’
  3. ‘ต้องการเสนอบุคคลอื่นมาจัดการปัญหานี้ไหม’
  4. อภิปรายทางเลือกต่างๆ :  ‘ส่วนไหนที่เธอไม่เห็นด้วย’    ‘มีคำอธิบายนี้เพียงอย่างเดียวหรือ’    ‘มีใครสามารถยกตัวอย่างที่ต่างไหม’    ‘ทางเลือก....เป็นอย่างไร’
  • ใช้ภาษาและโครงสร้างที่มีความชัดเจน
  1. ช่วยให้เข้าใจความหมายชัดเจน : ‘เธอหมายความว่าอย่างนี้ใช่ไหม’   ‘เธอพูดว่า...ใช่ไหม’   ‘ที่พูดตรงกับ....ไหม’
  2. เชื่อมโยงความคิด :  ‘ข้อเสนอนี้เชื่อมโยงกับที่สมคิดพูดอย่างไร’   ‘ดวงดาว เธอจะตอบดวงใจว่าอย่างไร’  ‘คำพูดนี้มีความหมายต่อคำถามตอนเริ่มอภิปรายอย่างไร’
  3. ระบุกระบวนการให้เหตุผล และ/หรือส่วนของการโต้แย้ง : ‘ที่จันทราพูดเป็นเหตุผลสนับสนุนหรือโต้แย้ง....’    ‘สนอง เธอกำลังตั้งคำถามต่อสมมติฐานของเสนอใช่ไหม’  ‘ที่พูดมานี้เป็นประเด็นที่ต่างออกไป หรือจริงๆ แล้วเป็นวิธีพูดเรื่อง ก อีกวิธีหนึ่ง’    ‘เราควรเขียนข้อเสนอของนิยมไว้ที่คอลัมน์นี้ หรืออีกคอลัมน์หนึ่ง’
  4. ทบทวนเส้นทางของการตั้งคำถาม :  ‘เรามาทบทวนกันว่าเราไปถึงไหนแล้ว’    ‘เราช่วยกันเขียนรายการของเหตุผลทั้งหมดที่รวบรวมได้’    ‘ถึงตอนนี้เหตุผลไหนที่น่าเชื่อถือที่สุด’    ‘ส่วนไหนที่ตัดออกได้’
  • ใช้เหตุผลและข้อมูลหลักฐานที่ถูกต้องแม่นยำ
  1. ประเมินข้อเท็จจริง :  ‘เรารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร’   ‘ได้ข้อมูลนี้มาจากไหน’   ‘แหล่งข้อมูลนี้น่าเชื่อถือไหม’   ‘เรื่องนี้เป็นจริงในทุกกรณีหรือไม่’   ‘ข้อมูลหลักฐานนี้น่าเชื่อถือเพียงพอที่เราจะใช้ตัดสินใจหรือไม่’
  2. ประเมินคุณค่า  :  ‘ใครเป็นคนพูด’    ‘ที่เขาพูดน่าเชื่อถือไหม’    ‘สองเรื่องนี้เป็นจริงในเวลาเดียวกันได้ไหม’    ‘เรื่องนี้สำคัญเท่ากับเรื่องก่อนไหม’    ‘นี่เป็นข้อเท็จจริงหรือเป็นข้อคิดเห็น’   
  • เชื่อมโยงข้อเสนอหรือจุดยืนกับข้อมูลหลักฐานอย่างสมเหตุสมผล
  1. พูดบอกเหตุผล :  ‘เหตุผลที่เธอว่าอย่างนั้นคืออะไร’  ‘อธิบายได้ไหมว่าทำไมเธอจึงไม่เห็นด้วย’  ‘ข้อมูลหลักฐานที่ทำให้เธอว่าอย่างนั้นคืออะไร’   
  2. ประเมินข้อสรุป  :   ‘ข้อสรุปนี้ตรงกับที่เอนกพูดใช่ไหม’    ‘เราสรุปเร็วไปไหม’    ‘เธอมีสมมติฐานว่า....ใช่ไหม’    ‘เหตุผลที่ให้เพียงพอที่จะให้เรายอมรับข้อสรุปของเธอไหม’    ‘ข้อสรุปหลักการนี้ใช้ได้ไหม’ 

จะเห็นว่าคำพูดของครูเป็นคำถามทั้งหมด    เท่ากับเป็นการ “ถามและท้าทาย” ไปในตัว    ซึ่งจะชักจูงให้นักเรียน “ยืนยัน”  “โต้แย้ง”  “ยอมรับ”  หรือ “ยอมถอน”    ทั้งหมดนั้น นำไปสู่การดำเนินกระบวนการในลักษณะของการโต้แย้ง   เป็นการฝึกให้นักเรียนคุ้นเคยกับการสานเสวนาแบบโต้แย้ง

วิจารณ์ พานิช

๑๙ เมษายน ๒๕๖๔  ปรับปรุง ๒๔ เมษายน ๒๕๖๔

    

          

หมายเลขบันทึก: 691497เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2021 18:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม 2021 19:18 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท