ต่อจากบันทึกที่ ๒๖
วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ เป็นวันที่ ๒ ของ การอบรมเชิงปฏิบัติการ Developmental Evaluation (DE) ช่วงกลางน้ำ (ครั้งที่ ๒)จัดโดยมูลนิธิสยามกัมมาจล ให้แก่สำนักพัฒนาคุณภาพครู นักศึกษาครู และ สถานศึกษา ของ กสศ. ที่ต้องการใช้การประเมินในแนวทาง Developmental Evaluation มาเสริมพลังของภาคี เครือข่ายและโรงเรียนในโครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง รุ่น ๑ และรุ่นที่ ๒
Workshop กลางน้ำนี้มีการออกแบบกระบวนการและกิจกรรม และทดลองใช้ในทีมกระบวนกรถึง ๓ รอบ มีการปรับปรุงทุกรอบ จนเอามาใช้จริงในวันนี้ ในเวลา ๒ วันมีกิจกรรม ๖ ขั้นตอนคือ
ในวันแรกกิจกรรมดำเนินมาถึงขั้นตอนที่ ๕ การประเมินผลลัพธ์ และประเมินปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
วันที่สองคาบแรกทำกิจกรรมประเมิน ซ้ำอีกรอบหนึ่ง ตอบโจทย์ “วิเคราะห์ศักยภาพของเราและทีม มีเรื่องอะไรที่ต้องพัฒนา/ปัญหา เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย” โดยมีไกด์ให้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อควาสำเร็จได้แก่ (๑) วิชาการ (๒) ระบบไอที (๓) การออกแบบกระบวนการ และเกณฑ์ในการประเมิน (๔) กลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้เข้าร่วม (๕) การจัดการ เช่น เวลา สถานที่ การเดินทาง วิธีการสื่อสาร (๖) การติดตามความสำเร็จ
ผมตั้งข้อสังเกตกับตนเองว่า ขั้นตอนการประเมินนี้มีจุดอ่อน เพราะเป็นการประเมินตนเอง มองข้ามบางประเด็นได้ง่าย ตามธรรมชาติของมนุษย์ เป็นเหตุให้ขั้นตอนนี้ยากที่จะได้ข้อมูลที่เข้มงวดจริงจัง
คาบที่สอง ดำเนินกิจกรรมที่ ๖ โดยระดมความคิดตอบสองคำถาม (๑) จะเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาตนเองอย่างไร (๒) จะปรับปรุงวิธีทำงานอย่างไร
คาบที่สามเป็นการแยกห้องย่อย ๓ ห้อง แต่ละทีมโค้ชเสนอ ๓ ประเด็นคือ (๑) ความสำเร็จที่ระบุในขั้นตอนที่ ๓ ให้ข้อเรียนรู้อะไร (๒) ปัญหาที่ค้นพบในขั้นตอนที่ ๕ บอกข้อแก้ไขอะไร (๓) จากแผนปรับการดำเนินงานในขั้นตอนที่ ๖ จะกลับไปปรับศักยภาพของทีม และวิธีทำงานของทีมอย่างไร ผมไปเป็นวิทยากร ร่วมกับคุณหยกแห่ง กสศ. ในห้องย่อยที่ ๑ มีทีมโค้ช ๔ ทีมอยู่ในห้องคือ มูลนิธิลำปลายมาศพัฒนา, ศูนย์ยวพัฒน์ มูลนิธิรัฐบุรุษ, มูลนิธิสยามกัมมาจล, และมรภ. กาญจนบุรี
ผมตกลงกับคุณหยกว่า เราจะเป็นวิทยากรที่เน้นตั้งคำถาม ให้ทีมโค้ชได้คิด และเนื่องจากคุณหยกเป็นผู้ทำ สัญญา จำเป้าหมายที่จะต้องส่งมอบของแต่ละโครงการได้ จึงขอให้คุณหยกเน้นตั้งคำถามโยงไปยัง deliverables ดังกล่าว
เมื่อกลับมาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุม ผมตีความว่า ทีมโค้ชเข้าใจประเด็นที่ต้องเสนอไม่ชัดเจน ทำให้การนำเสนอไม่คมชัด เป็นข้อเรียนรู้ว่า วิทยากรกระบวนการต้องระบุประเด็นของแต่ละขั้นตอนให้คมชัด และเมื่อมีการนำเสนอไม่ตรงคำถาม ต้องเข้าไปปรับความเข้าใจทันที ไม่ปล่อยให้ความคลุมเครือผ่านไป
พิจารณาโจทย์ในคาบที่ ๓ จะเห็นว่าเป็นโจทย์ที่ดีเยี่ยม หากทีมโค้ชเข้าใจชัดว่ามันเป็น feedback กับ response ซึ่งหากกระบวนกรช่วยชี้ให้ชัด ทีมโค้ชจะได้ประโยชน์มาก
ข้อสังเกตของผมคือ ทีมโค้ชที่มีความมั่นใจในตนเองสูง แม้มาผ่านกระบวนการ DE ก็ยังไม่ค่อยเรียนรู้ ไม่ค่อยเปิดใจ เพราะข้อมูล feedback ไม่แข็งแรงพอ เนื่องจากไม่ได้เก็บโดยบุรุษที่สาม (third party) เป็นข้อมูลที่ทำเองเก็บข้อมูลเอง
คาบที่สี่Reflection ของทั้งสองวัน คุณเปาให้โจทย์การ AAR ไว้ว่า (๑) การมาเข้า สองวันนี้ ทำให้มองโครงการต่างไปจากเดิมอย่างไรบ้าง (๒) เห็นสถานการณ์ของทีมต่างออกไปอย่างไร ในทางปฏิบัติ เป็นการสะท้อนคิดลงบัตร ซึ่งจะได้ข้อมูลภายหลัง แต่ก็มีการให้ตัวแทนของแต่ละทีมโค้ชนำเสนอ ทีมโค้ชที่เก่งบอกว่าจะเอาวิธีการ DE ไปใช้ในการทำงาน สมาชิกของทีมโค้ชที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่าจะเอาไปใช้ในโรงเรียน
ผมคิดว่า โจทย์สองข้อของคุณเปาเป็นคำถามที่สุดยอด แต่การตอบต้องการการใคร่ครวญสะท้อนคิดสูง จึงน่าจะถามใหม่ด้วยคำถามเดิม หลังจบ workshop หนึ่งสัปดาห์ ให้แต่ละทีมปรึกษากันและตอบมาสั้นๆ ข้อละสองสามประโยค น่าจะได้คำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อผลลัพธ์ของโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเองเป็นอย่างมาก
Reflection ของผม
ผมได้รับมอบหมายให้กล่าวปิดและสรุป โดยบอกว่ามีเวลา ๓๐ นาที แต่เมื่อถึงเวลาจริงมีเวลาเหลือเพียงไม่ถึง ๑๐ นาที ผมจึงกล่าวปิดสั้นๆ ว่า DE เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานที่มีความซับซ้อนสูง ประสบผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น ทำงานแบบไม่เปะปะ จับเป้าชัด โดยมองที่ผล มีการกำหนดผลเป็น KRA/KPI แล้วจึงเอามากำหนดกิจกรรมเพื่อการบรรลุเป้า หลังดำเนินการ มีการทบทวนว่าแต่ละกิจกรรมให้ผลอย่างไร เอามาคิดทบทวนว่าแต่ละกิจกรรมมีผลกระทบสูง-กลาง-ต่ำ และมีความซับซ้อนสูง-กลาง-ต่ำ เลือกเอากิจกรรมที่ทั้งผลกระทบสูง และความซับซ้อนสูง เอาไปดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นการช่วยให้มีการทำงานอย่างมีการจัดลำดับความสำคัญ คือ DE เป็นเครื่องมือให้ทำน้อย ได้ผลมาก
ขอยก ๑๐ ประเด็นที่ผมเตรียมสรุป แต่ไม่มีเวลาพูดในที่ประชุม เอามาเสนอไว้ดังต่อไปนี้ จะเห็นว่าเมื่อเขีนยเข้าจริงๆ มีถึง ๑๑ ประเด็น
วิจารณ์ พานิช
๒ มี.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น