ช่วงนี้กุ้งมีเคสคนไข้เด็ก Palliative care ให้มีโอกาสได้ร่วมดูแลถี่ๆ
ประเด็นที่มักจะพบในการดูแลผู้ป่วยเด็กในช่วงนี้ก็มักจะเป็นเรื่องการสื่อสาร
ทำให้ย้อนนึกถึงผู้ป่วยเด็กคนหนึ่งที่เคยได้ดูแลและได้บันทึกไว้เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้
และวันนี้อยากจะแบ่งปันให้ทุกท่านได้ร่วมเรียนรู้
ถอดบทเรียน กระบวนการสื่อสาร และการดูแลผู้ป่วยเด็กระยะท้าย
19 กันยายน 2561 : แรกรับ
8 ตุลาคม 2561 : สื่อสารเรื่องตัวโรคและค้นหาการรับรู้และการยอมรับ
19/9/2561 : วันแรกสื่อสารกับคุณพ่อ คุณแม่
ประเด็นของการรับรู้ตัวโรคของพ่อแม่ พ่อแม่ทราบว่าโรครักษาไม่ได้แล้วอาจารย์รัฐพล แพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้าน CHEST ในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้ให้ข้อมูลถึงการดำเนินโรคและการจัดการตัวโรคมาสุดหนทาง แต่เมื่อถามพ่อแม่ว่า น้องรู้หรือไม่ว่าโรครักษาไม่หายพ่อ แม่บอกว่าน้องยังมีหวังว่าจะรักษาให้หาย รอ MRI รอฉายแสง
จากนั้นติดตามเยี่ยมทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์ -อาทิตย์
แต่ละวันที่เข้าเยี่ยม
Best score 0-1-2 และคะแนน 4 ขึ้นไปคือเหนื่อยแล้ว
ช่วงแรกที่เข้าไปดูแลร่วม แพทย์ ให้ยา fentanyl infusion continuous
ในบทบาทการทำงานของ PPC SPECIALIST สามารถให้ข้อ suggest เรื่องการจัดการ symptom เสนอหารืออาจารย์รัฐพล และ Resident ขณะ ward round
อาจารย์ agree และ ให้ปรับเป็น morphine ซึ่ง morphine จะ effective ในการจัดการ dyspnea ได้ดีกว่า fentanyl
Symptomatic Drug Treatment for Breathlessness (รศ.ศรีเวียง ไพโรจน์กุล)
Morphine
ถ้าได้ opioid อยู่ให้เพิ่มขนาดขึ้น 30-50 %
Benzodiazepines
คือตอนนี้ คนไข้ใช้ fentanyl ต่อมา switch เป็นมอร์ฟินแล้วได้ mo 30 mg per day
สรุปได้เริ่มเป็นมอร์ฟีนและประเมินอาการในแต่ละวัน ดีขึ้น dyspnea score 0 บางวัน 2
2. ประเมินพ่อแม่ แต่ละวันอยู่อย่างไร ทำอะไร ใครหารายได้ พบว่า พ่อแม่ไม่มีรายได้เพราะต้องลาออกจากงานมาดูแลลูก จะประสานทีม plan นักสังคมมาช่วย approach
3. เขียน card ส่งกำลังใจให้น้องนักศึกษาพยาบาล พยาบาล PICU เขียนการ์ดให้กำลังใจด้วย ผู้ป่วยเริ่มยิ้ม เราเรียกน้องว่า “น้องเณร สกาย (นามสมมุติ)” น้องเณรมีเพื่อนสนิทชื่อเณรกั๊ก(นามสมมุติ)
และเพื่อนสนิทมาเยี่ยมแล้ว สิ่งที่ค้นพบเพิ่มเติมคือ น้องเณรสามารถเขียน บันไดการศึกษาจากระดับเปรียญธรรมชั้นต้น จนถึงจบ ดอกเตอร์ ทำให้เห็นความฝัน ของน้องเรื่องการเรียน
4. พยายามค้นหาว่า นอนบนเตียงนานๆ น้องเณรเป็นอย่างไร น้องบอกว่า “เบื่อ”
เรียนหนังสือ วิชาที่หนูอยากเรียนคือ วิชาคณิตศาสตร์ อันดับ 1และวิทยาศาสตร์อันดับ 2
ดังนั้น จึงได้ประสานทีมจิตอาสาบ้านชีวาศิลป์และลงตัวที่วันนี้ วันที่ 8 ตุลาคม 2561 พี่เสกเริ่มเข้ามา
5. การตัดสินใจที่จะสื่อสารกับเด็กเรื่องตัวโรค วันนี้ประเมินได้ว่าน้องเหนื่อยมากขึ้น
การทำ MRI ยังมองว่าจะเกิดประโยชน์หรือไม่ แต่ทางอาจารย์ chest ผู้เชี่ยวชาญ มองว่าถ้าพบรอยโรค รูรั่วที่ทำให้เกิด pleural effusion อย่างมาก และถ้าหากมี plan จะทำ palliative RT น่าจะช่วยยืดเวลาได้ระดับหนึ่ง เราต้องให้ เครดิตเจ้าของไข้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นวันนี้ ทำ MRI จึง go on และรอผล ถ้าผลออกมาอย่างไร ทีมจะคุยกันอีกที
“HOW BEST TO TALK”
การสื่อสารวันนี้ จึงเป็นการนั่งข้างเตียง และ พูดคุยโดยใช้ การทำ MRI เป็นตัวนำ
พยาบาล : น้องเณรคิดว่าการไปทำ MRI วันนี้ คาดหวังอะไรกับการไปทำ
เณร : คิดว่า อยากให้เจอจุดที่มันรั่วหรือผิดปกติแล้วมีวิธีรักษาให้หาย
พยาบาล ถ้าสามารถจัดการได้ในจุดที่ผิดปกติ คุณหมอจะจัดการให้หลังผล MRI ออกมานะ
คะ งั้นไปทำ MRI แล้วผลเป็นอย่างไรแล้วรอฟังจากคุณหมอพร้อมกัน
แต่ ถ้าเจอจุดที่ผิดปกติ แล้วจัด การมันไม่ได้ นั่นหมายถึงโรคมาสุดหนทาง สกาย คิดอย่างไร
เณร : “ก็ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น”
พยาบาล : หมายถึงโรคจะรักษาไม่หายสกายเข้าใจใช่มั๊ย
ผู้ป่วยผงกศีรษะ
สรุปการสื่อสารวันนี้จบลงด้วย ทิ้งท้ายเรื่องการที่เราทราบว่า เด็กการยอมรับตัวโรคที่มาถึงระยะท้าย และได้เล่าประเด็นการสื่อสารให้คุณพ่อฟัง
แผนการสื่อสารพรุ่งนี้ คือ place of care
และอาจจะได้ WISH ที่เป็น real wish
แบ่งปันหลักการเพิ่มอีกนิดนะคะ
General guidelines communication with children
ที่มา หนังสือ Pediatric Psycho oncology aspects and clinical intervention
ข้อ 1 ก่อนคุยกับเด็กคุยกับพ่อ แม่ก่อนเพื่อวางแผนกับพ่อ แม่ว่า “HOW BEST TO TALK”
ข้อ 2 เลือกวิธีการสื่อสารกับเด็ก
@วิธีที่1 เป็นไปได้ที่จะคุยกับเด็กพร้อมๆกับการคุยกับผู้ปกครอง
@วิธีที่ 2คุยกับเด็กเดี่ยวๆโดยที่ผู้ปกครองพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยตรงนั้น
@วิธีที่ 3 พบกับเด็กพร้อมพ่อแม่หลังที่แยกคุยกับเด็กแล้ว
ข้อที่ 3 เป็นสิ่งสำคัญถ้าหากเราให้โอกาสเด็กกรณีเด็กโตคุยกับแพทย์พยาบาลด้วยตัวของเขาเอง
- มั่นใจว่าสถานที่นั่งคุยกันมีความเป็นส่วนตัวพอ
- ถามเด็กว่าเขาอยากรู้ตัวโรค การพยากรณ์โรคและแผนการรักษาของเขาหรือไม่
- ถามเด็กว่าเขาอยากรู้ มากน้อยแค่ไหน อะไรที่เขาอยากรู้
- อธิบายด้วยภาษาที่เด็กเข้าใจง่ายตามช่วงวัยและพัฒนาการที่จะทำให้เขาเข้าใจ
- Check กลับว่าสิ่งที่เราอธิบาย เขาเข้าใจมากน้อยและถามซ้ำว่า “หนูมีคำถามจะถามหรือเปล่าคะ”
- Check feeling เด็กค่ะว่าขณะนี้เขารู้สึกอย่างไร ถ้าเห็นว่าเด็กเริ่มกังวลเราจะจัดการอย่างไร
- ทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะมีใครสักคนที่เขาจะคุยด้วยเมื่อเขารู้สึก upset หรือเมื่อเขามีคำถามอยากจะถามทุกครั้งที่สงสัย
จบบันทึกเรื่องเล่า
“HOW BEST TO TALK” ขอบคุณตัวเองที่บันทึกไว้หลังดูคนไข้เสร็จแล้วรู้สึกตัวเองได้เรียนรู้จากผู้ป่วย
จึงรีบบันทึกไว้ทันที ตั้งแต่เรื่องยังสดอยู่
ดีค่ะ สรุปทุกวันเป็นบันทึกกิจกรรมการดูแลก็ได้นะคะ แล้วค่อยมาขมวดเรื่องราวอีกทีก็ได้