ตื่นตระหนก(โรคแพนิค) ...ไม่อยากจะเชื่อเลย


ยาแก้แพ้ ....กินแล้วไม่ง่วง อย่าเชื่อ!!!

ขับรถ ง่วง อย่าฝืน จอดรถนอน...เชื่อเถอะ เจอมาแล้ว!!!


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว คันมือ กินยาแก้แพ้(คนขายบอก กินแล้วไม่ง่วง...ไอ้เรา ก็เชื่อคนง่าย 555+) เดินเที่ยวชมงานที่เมืองทองธานี มีความรู้สึกซึมเซา ไม่กระปี้กระเปล่า...ง่วงจัง กลับบ้านดีกว่า

ระหว่างทางแวะซื้อกาแฟ ดื่มกระตุ้น สมอง เรียกสติ สักหน่อย น่าจะดี อีก 20 กิโลเมตรใกล้ จะถึงบ้านล่ะ! ง่วงจังเลยยยย                                  ตบหน้าก็แล้ว ตบหัวก็แล้ว ช.ม.ด.(ช่วยไม่ได้) ...จอดรถนอนพักดีกว่า สอดส่ายสายตาหาที่จอด ข้างทาง 

อะไร จะซวยปานนั้น รถจอดเต็มไปหมด ไม่มีที่ให้เราเลย ...วูป หลับในไปชั่วขณะ ตื่นมารถกำลังเฉออกซ้าย ข้างทาง ป๊ะ! กระจกข้างของรถกระบะจอดข้างทาง ฉันเอากระจกบานนี้ของเขาไปแน่ๆ  และข้างหน้า ก็ท้ายกระบะของรถอีกคันที่จอดอยู่ คนขับกำลังจะเดินมาท้ายรถ ชนคนแน่ๆ...

นั่งพิงพนัก หายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติ จับพวงมาลัยให้แน่น  ตายเป็นตาย กระชั้นชิดมาก ทำอะไรไม่ได้แล้ว 

>>> โครม !!! เงยหน้าขึ้นมา ควันหน้ารถเต็มไปหมด สำรวจตัวเองไม่เป็นอะไร รถจะระเบิดมั๊ย ...รีบเปิดประตู ออกจากรถ เดินไปดูหม้อน้ำหน้ารถ หม้อน้ำพัง เครื่องพัง แต่มองอาการแล้ว โอ้! โชคดี รถไม่น่าจะระเบิด

เดินไปดูคนเจ็บที่นั่งอยู่บนถนน มีเลือดออกเล็กน้อย ที่ขา แขน มือ โทรศัพท์มือถือแตกกระจาย คนเจ็บบอกว่า " พี่ขับรถเร็วมากทับไปบนขาผม" จึงมองที่ขาคนเจ็บ เอ๊ะ! เลือดก็น้อยน่ะ! กระดูกก็ไม่น่าจะแตก แล้วรถเราขับทับขาเขาหรือ? ได้แต่ครุ่นคิด และบอกคนเจ็บว่า " อย่าขยับน่ะ! เดี๋ยวจะเรียกรถพยาบาลให้ " 

คนมามุงดูเหตุการณ์โทรแจ้งรถพยาบาลให้ รถพยาบาลนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เราจึงโทรแจ้งประกันภัย รอประกันและตำรวจ ยอมรับว่าตนเองผิด แต่ไม่กล้าบอกตำรวจว่าหลับใน(บอกว่าก้มหยิบแก้วกาแฟ เสียหลัก...กลัวสามีด่า เพราะชอบนอนดึกตี2-3 แล้วตื่นเช้า ใช้กาแฟปลุก กระตุ้นร่างกาย เช้า เที่ยง เย็น) ตำรวจตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ...เวลานั้น มึน งง ใครให้ทำอะไร ก็ทำทั้งนั้นแหละ หากใคร่ครวญแล้วว่า ไม่เหลือกำลังที่จะทำได้

คืนนั้น หลับตาเห็นแต่ภาพเหตุการณ์รถชนทั้งคืน  แต่ตื่นเช้ามาก็ยังขับรถอีกคันตามปกติไปทำธุระต่างๆด้วยตนเอง ไม่มีอาการอะไร(เป็นคนพยายามใจแข็ง สะกดความตื่น ตระหนก กลัวไว้ข้างใน...ประมาณว่าเก็บกดอ่ะ!)

ผ่านไป 2 เดือน ขับรถบนทางด่วนมอเตอร์เวย์จะไปสมุทรปราการ ขับไปกลางทาง รู้สึก ตาลาย ใจสั่นหวิว เต้นรัวเร็ว เสมือนว่าจะขับรถเข้าไปชนคันข้างๆ มือสั่น เหงื่อออกมือ เหยียบคันเร่งไม่ไป ขาสั่น มองกระจกหลัง กระจกข้างไม่ได้ มองหน้าตรงสั้นๆได้อย่างเดียว หากมีรถคนใดแซงหรือขับไวๆ เราเหมือนจะตายให้ได้ ...พูดง่ายๆ อย่าจอดรถแล้วเดินน่ะ...แต่ก็มีความคิดขึ้นมาว่า " อาการเราตอนนี้ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้กับรถคันหน้า หรือข้างๆ ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่รู้เลยว่า เราขับอยู่ข้างๆเขาแล้วมีอาการอย่างนี้ " 

หาที่จอดรถ ตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ จิบน้ำเปล่า ดมยาดม อาการค่อยดีขึ้น ค่อยๆขับช้าๆ มองแต่ท้ายคันหน้า ประคองรถถึงที่หมายทรมารมาก ขอบอก...

หาหนังสือ ข้อมูลในอินเตอร์ ว่าอาการแบบที่เราเป็นคืออะไร จะรักษาอย่างไร...รู้ว่าอาการแบบนี้เป็นโรคตื่นตระหนก(โรคแพนิค : Panic Disoder)จะรักษาได้ต้องรู้ก่อนว่า สาเหตุเกิดจาก ร่างกายผิดปกติ หรือจิตใจผิดปกติ ...ตอนแรกคิดจะไปตรวจร่างกายเพื่อจะได้ชัดเจนว่าเกิดจากจิตใจแน่นอน แต่จนแล้ว จนรวดก็ไม่ได้ไปตรวจ รักษาตัวเอง(หมอจิตวิทยาก็ไม่ไป...ไม่มีเงินจ่าย 555+) 

วิธีการรักษาตนเอง 

  1. ยังคงฝืนขับรถต่อไป แต่จะนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ หากรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องขับรถ
  2. ระหว่างขับรถ ไม่ดื่ม ชา กาแฟ หรือเครื่อมดื่มกระตุ้นใดๆ 
  3. มียาดม น้ำเปล่า เตรียมไว้ในรถ
  4. ระหว่างขับรถ หากมีอาการ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ ตั้งสติให้มั่น ดมยาดม จิบน้ำเปล่า ขับเลนซ้าย มองหาที่จอด เพื่อจอดพักให้อาการค่อยดีขึ้นแล้วเดินทางต่อ...แรกๆ จอดพักแล้วขับไม่ไหว ต้องรอให้คนที่บ้านมาขับรถกลับ
  5. ไม่คิดเรื่องอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้น ไม่คิดถึงอาการที่เคยเป็น ว่าจะเกิดอีกมั๊ยในขณะขับรถ โดยใช้วิธีการเปิดเพลงฟัง ร้องเพลงตาม...แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ผลน่ะ ขณะที่มีอาการฟังเพลงที่จังหวะเร็วๆ แล้วจะยิ่งทำให้ใจเต้นแรง จะขับลงข้างทางให้ได้ ต้องปิดเพลง( เปิดเพลงช้าก็เอาไม่อยู่)

ปฏิบัติอย่างงี้มาเรื่อยๆ อาการค่อยๆดีขึ้น จากที่มีอาการทั้งภาคพื้นดิน(ถนนด้านล่าง 555+) และบนทางด่วนสูงๆ 

ผ่านไป 1เดือน จะมีอาการขณะขับที่ภาคพื้นดินก็ต่อเมื่อมีรถมาขับแรงๆ เร็วๆ อยู่ข้างๆ หากไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว ขับได้ไม่มีอาการอะไร แต่ขับบนทางด่วนสูงๆทีไร อาการกำเริบทุกครั้ง จึงให้มีคนนั่งข้างๆ เพื่อว่าหากเกิดอาการ จะได้เปลี่ยนคนขับ 

ผ่านไป 3 เดือน ไม่ต้องมีคนนั่งข้างในขณะขับบนทางด่วนสูงๆ แต่อาการจะเกิดบางครั้ง ที่เราขับรถไปด้วยและคุยโทรศัพท์ หรือบางครั้งที่เราหวนคิด หวั่นวิตกว่า อาการจะกำเริบมั๊ย หากขับบนทางด่วนสูงๆ ...คิดถึงทีไร อาการก็กำเริบทุกครั้ง (ก็ฉันเป็นมนุษย์นี้ มีชีวิต จิตใจ ห้ามลำบากมากจะไม่ให้คิด)

ปัจจุบัน โรคนี้หายแล้ว...ก็ไม่มีอาการน่ะ ถือว่าหายก็แล้วกัน รักษารวมเวลามา 6 เดือน(ไม่มีอาการ) จึงมาเล่าสู่กันฟังเผื่อใครมีอาการคล้ายๆกันอย่างนี้ ไม่ต้องวิตกกังวล ว่าจะรักษาไม่หาย สนใจรายละเอียดเหตุการณ์ใด สอบถามมาเป็นการส่วนตัวได้นะคะ 

ปล. ได้ประสบการณ์เยอะมาก หลากหลายเรื่องราว จากการหลับใน แล้วขับรถชนรถกระบะ 2 คัน บ้าน 1 หลัง 

หมายเลขบันทึก: 686714เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2020 15:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม 2020 16:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท