การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ
เศรษฐกิจพอเพียง มีหลักพิจารณาอยู่ ๕ ส่วน ดังนี้
๑.กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย เพื่อความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
๒.คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบน ทางสายกลางและการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
๓.คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย ๓ คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
• ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
• ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ
• การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ
๔.เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน
๕.แนวทางปฏิบัติ ต้องพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี
อันนี้ไม่ใช่ของใหม่ต้องอ้างอิงที่มาตามสมควร
และควรแทรกความคิดตัวเองเข้าไปด้วยครับ จึงจะมีรสชาติในการพูดคุย
ให้กลับไปอ่านเกลียวคลื่นความรู้
จากหลักการ ทฤษฎีแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงทำให้มองภาพชัดขึ้นอีก เกษตรกรรมแบบพอเพียง จากกลุ่มตัวอย่างที่ทำในโครงการจัดการความรู้ของบุรีรัมย์
นั่นคือในกรณีของพ่อสำเริง เย็นรัมย์ ที่สามารถพึ่งตนเอง ลดการพึ่งพาภายนอก อยู่โดยไม่ต้องหวาดระแวงหนี้สินที่มี รายจ่าย ความทุกข์ ความไม่พออยู่พอกิน
กลายมาเป็นสามารถกำหนดชีวิต อนาคตตัวเองได้ ว่าจะทำมาหากินอย่างไร จะอยู่อย่างไร ยึนบนลำแข้งของตนเองได้อย่างมีความสุข มีอิสระในการใช้วิถีของตนเองด้วยการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช ผัก ไม้ยืนต้นให้เกื้อหนุนกัน สร้างระบบการจัดการน้ำ
สร้างความสมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติที่อยู่ร่วมกันได้ และสร้างเครือข่าย สร้างวิถีความพอเพียงที่สอดคล้องต่อการดำรงชีวิต และนำไปสู่ความมั่นคง ทั้งด้านทรัพยากร อาหาร สุขภาพ การมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น และการอยู่ร่วมกันในสังคมชุมชนต่อไป