การเดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) กับชาว มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2563 ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการผู้นำนิสิตระดับสูง ประจำปี 2563 ในช่วงท้ายได้แจกกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้ผู้นำนิสิตคนละใบ เขียนคำถามคนละหนึ่งคำถาม เพื่อผมจะได้ตอบคำถามของน้อง ๆ ไม่ได้ตั้งกรอบของคำถาม บอกน้องไปว่าจะถามอะไรก็ได้ ผมจึงได้คำถามมากมายจากน้อง ๆ ... การถามคำถามแบบฉับพลันโดยการเขียน ย่อมกลั่นกรองคกถามที่อยากรู้ น้องบางคนบอกว่าไม่ถามได้ไหมครับ ผมก็ตอบว่าไม่บังคับครับ แต่ส่วนใหญ่ก็เขียนคำถามแล้วรวบรวมเพื่อตอบและไขข้อข้องใจ ผมไม่แน่ใจว่าผมได้แนวคิดนี้มาจากไหน แต่ผมชอบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยการตั้งคำถาม แต่บ้านเรามักไม่ชอบยกมือถามในที่ประชุม ทั้ง ๆ ที่มีคำถามากมายในใจหรือมักจะกระซิบถามเพื่อนข้าง ๆ เมื่อมีข้อสงสัย และส่วนตัวก็ไม่อยากให้เกิดการจี้ถามแกนบังคับที่จะต้องสุ่มถามโดยการยื่นไมค์จ่อปากหรือเล่นเกมวัดดวงเพื่อหาคนถามคำถาม... ผมจึงขอความร่วมมือว่าอยากให้ทุกคนเขียนคำถามอะไรก็ได้ และก็นั่นแหละครับ เพราะเชื่อโดยส่วนตัวว่าการตั้งคำถามจะนำไปสู่การเรียนรู้และอาจเกิดปัญญาได้เป็นอย่างดี ด้วยเพราะคำถามนั้นถูกกลั่นกรองมาจากความรู้สึกนึกคิดอย่างใคร่ครวญแม้จะมีเวลาเพียงน้อยในการตั้งหรือเลือกเฟ้นคำถามก็ตาม...รวมถึงการเขียนคำถามลงในกระดาษ จะช่วยฝึกการกลั่นกรองความคิดของตนผ่านตัวหนังสืออีกด้วย
คำถามที่ผมชอบและตอบสั้น ๆ โดยไม่ลังเลน แล้ว ดร.โจ๊ก ก็มาสรุปถึงคำถามนี้อีกครั้งก่อนลาจากกัน คือ “ถ้าหมด Passion ทำอย่างไร?” ... ผมก็ตอบไปแบบสั้น ๆ ห้วน ๆ ว่า “หมดก็เติมสิ” แล้วก็ขยายความว่า หมดแล้วไปเติม เหมือนรถน้ำมันหมดก็ไปเติมน้ำมัน Passion หมด ก็ไปเติมได้เช่นกัน เรียนแล้วเหนื่อยก็พัก แต่พักอย่างไร ก็พักแล้วไปทำสิ่งที่อยากทำ อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากอยู่เฉย ๆ ก็หยุดอยู่เฉย ๆ อยากดูหนังฟังเพลงก็ทำ อยากกินหมูกระทะก็ไปกิน อยากอ่านหนังสือก็อ่าน อยากไปคุยเมาท์กับเพื่อนสนิทก็ไป การได้ทำอะไรที่มีความสุขผมคิดว่านั่นแหละคือการเติม Passion แล้วก็ย้ำกับน้อง ๆ ว่า จริง ๆ ไม่ต้องรอตอนตายก็ได้ เวลามีคนตายเราชอบบอกว่า “ไปที่ชอบ ๆ นะ” แต่จริง ๆ “ไปที่ชอบ ๆ” ควรจะไปตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละ มันเป็นการไปเติมพลังใจเพื่อที่จะก้าวต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
หลายต่อหลายครั้ง ผมก็เติม Passion ตัวเอง ไม่ใช่เราไม่เคยหมด แต่เมื่อเราใช้มันหมด เราก็ต้องรู้จักเติม สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ต้องรู้ใจตัวเอง” และการเติมในแต่ละช่วงจังหวะของชีวิตก็ไม่เหมือนกัน บางเวลาอยากอยู่กับธรรมชาติ บางเวลาอยากเติมจากคนอื่น บางเวลาอยากเติมจากหนัง หลายคราวก็ไปเติมระหว่างเดินทาง แต่บางทีการได้นั่งนิ่ง ๆ หรือยืนเฉย ๆ ให้ลมปะทะหน้าก็ทำให้มีพลังได้อย่างมหาศาล..... ถ้าเรารู้ใจตัวเอง
ไว้มีโอกาสจะมาเล่าเรื่องที่ไป ลปรร. อีกในตอนต่อไปนะครับ
ศุกร์ 7 สิงหาคม 63
ณ มอดินแดง
ไม่มีความเห็น