การนำเสนอผลของการประเมินกิจกรรมหรือโครงการพัฒนาทำได้ ๒ แบบ คือนำเสนอแบบรวบยอด ตีความจากประมาณการค่าเฉลี่ย กับ นำเสนอแบบแยกแยะ จัดกลุ่มผลงานดี ปานกลาง และต้องปรับปรุง
การเสนอแบบแรก นิยมในการประเมินเพื่อบอกว่าโครงการนั้นดำเนินการได้ผลดีหรือไม่ดี เน้นที่ summative evaluation ซึ่งสังคมไทยคุ้นกับการประเมินแบบนี้ ประเมินแล้วก็จบ
แต่ผมชอบการนำเสนอแบบหลังมากกว่า คือการนำเสนอแบบแยกแยะ โดยอาจแยกแยะได้หลายแบบ รวมทั้งมีการนำเสนอตัวอย่างที่ดำเนินการได้ดีเยี่ยม กับตัวอย่างที่ต้องแก้ไขสุดๆ ด้วย ในลักษณะนำเสนอแบบตอบคำถาม why ... ทำไมจึงได้ผลดีเลิศ ทำไมจึงต้องแก้ไขอย่างยิ่ง การนำเสนอแบบนี้นำไปสู่การคิดอ่านดำเนินการปรับปรุง และนี่คือการนำเสนอในลักษณะของ DE – Developmental Evaluation ซึ่งเป็นการประเมินเพื่อช่วยให้การดำเนินโครงการบรรลุผลสำเร็จ
การนำเสนอแบบแยกแยะอาจแยกแยะได้หลายแบบ อย่างโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเองของ กสศ. (๑)ดำเนินการพัฒนาโดย ๕ สำนัก สำนักละ ๒๐ - ๗๕ โรงเรียน รวม ๒๙๐ โรงเรียน ทีมประเมินสามารถเก็บข้อมูลความก้าวหน้า วิเคราะห์ และนำเสนอแบบแยกแยะได้หลายชั้น ที่ทำอยู่แล้วคือแยกแยะเป็นรายสำนักพี่เลี้ยงหรือโค้ช แต่ผมคิดว่าในกลุ่มโรงเรียนของแต่ละสำนักพี่เลี้ยงก็น่าจะแยกแยะ เป็นโรงเรียนที่ดำเนินการก้าวหน้าดี ปานกลาง และ ต้องปรับปรุง
และน่าจะแยกแยะเป็นราย Core Learning Outcome ที่คาดหวัง ซึ่งได้แก่ (๑) ทักษะ (skills) มี ๕ ตัวคือ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking), คิดสร้างสรรค์ (creativity), การสื่อสาร, อาชีพ, และ ทักษะชีวิต (๒) คุณลักษณะ (character) มี ๓ ตัวคือ มีวินัย ซื่อสัตย์ จิตสาธารณะ โดยอาจรายงานว่ามีกี่โรงเรียน ที่พัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ได้ดี ปานกลาง และต้องปรับปรุง ใส่ชื่อโรงเรียนไว้ด้วย
เมื่อรายงานผลแยกแยะทีละ CLO ก็จะทำให้มีการสานเสวนาและเรียนรู้ข้ามโรงเรียน ข้ามสำนักโค้ช ในวิธีการพัฒนา CLO แต่ละตัว
หัวใจคือ การนำเสนอผลการประเมิน ต้องเป็นเครื่องมือให้เกิดการเรียนรู้และปรับปรุง
วิจารณ์ พานิช
๗ พ.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น