โครงการคนไทย ๔.๐ เป็นหนึ่งในโครงการ Spearhead research ด้านสังคม ที่ให้ทุนโดย วช. ปี ๒๕๖๒ ที่เป็นโปรแกรม ๓ ปี งบประมาณ ๒๗๐ ล้านบาท แบ่งเป็นปีละ ๙๐ ล้านบาท มี ศ. ดร. มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด เป็น Program Chair มีการสื่อสารสาธารณะมากพอสมควร เช่นที่ (๑) ผมเป็นกรรมการอำนวยการแผนงาน (PPC – Program Promoting Committee) ด้วยคนหนึ่ง จึงได้อ่านรายงานการดำเนินการ ๑ ปี (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ - กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) ที่สะท้อนความสามารถสูงของท่านประธานโปรแกรม จึงนำมาบันทึกไว้
เป้าหมายของแผนงานวิจัยคือ สร้างกระแสสังคม ๔.๐ ที่ผลักดันให้เกิดคนไทย ๔.๐ ที่มีคุณลักษณะ พอเพียง มีวินัย สุจริต มีจิตสาธารณะ และมีความรับผิดชอบ และกระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการขับเคลื่อนสังคมไปในตัว งานวิจัยนี้จึงถือได้ว่า เป็นงานวิจัยขับเคลื่อนสังคม ท่านประธานโปรแกรมก็คือผู้อำนวยการโปรแกรมนั่นเอง
แผนงานนี้ในปีแรกได้งบประมาณ ๘๕ ล้านบาท ในเวลา ๑๒ เดือน และขอขยายเป็น ๒๔ เดือนในวงเงินเดิม ในสายตาของผม เป็นการบริหารเงินวิจัยแบบร้อนรนของหน่วยงานแหล่งทุน ที่เป็นข้อจำกัดของการทำงานวิจัยแบบนี้ให้เกิดคุณภาพและผลกระทบที่หนักแน่นคุ้มค่า แผนงานจึงตกอยู่ใต้ข้อจำกัดนี้ โดยที่ข้อเสนอโครงการของแผนงานเป็นเวลา ๓ ปี เพื่อสร้าง impact ให้ได้จริงๆ ตามเป้าหมายของการจัดการงานวิจัยแบบ spearhead
อย่างไรก็ตาม ผมดีใจที่ท่านประธานแผนงานมีความคล่องตัวในการปรับแผนงาน ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีแรก ได้คิดโครงการวิจัยที่มีคุณค่ายิ่งขึ้นมาอีก ๓ โครงการใหญ่ คือ (๑) ความสามารถของมหาวิทยาลัยในการสร้างคนไทย ๔.๐ (๒) การสร้างผู้ประกอบการดิจิทัล (๓) การศึกษาด้านจริยธรรมในมหาวิทยาลัย
อ่านรายงานผลงาน ๑ ปี (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ - กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) ของท่านประธานแผนงาน และรายงานอีก ๓ ชุด จบด้วยความอิ่มเอม และได้ความรู้หลากหลายด้านเกี่ยวกับการจัดการงานวิจัยด้านสังคมศาสตร์ เพื่อสร้างผลกระทบต่อสังคม เห็นชัดว่า โครงสร้างการจัดการในลักษณะ PC + ODU ใช้ได้ผลในกรณีนี้ ยิ่งมีกลไกทีมประเมินที่ใช้แนวทาง EE (Empowerment Evaluation) หรือ DE (Developmental Evaluation) ยิ่งช่วยเสริมความเข้มแข็งในการจัดการ รวมทั้งสร้างกลไกการเรียนรู้วิธีจัดการงานวิจัยเพิ่มขึ้น (ดูบันทึกตอนที่ ๔)
เห็นได้ชัดเจนว่า ความสำเร็จของโปรแกรมนี้ ปัจจัยหลักมาจากความสามารถของ ท่านประธานโปรแกรม ที่ทีมติดตามและประเมินผลภายในบอกว่าท่านทำหน้าที่ต่อคุณภาพของผลงาน คือเป็น coach และ mentor ให้แก่ทีมจัดการ ODU และแก่นักวิจัยในโครงการ
ผมมองภาพใหญ่ว่า งบประมาณ ๘๕ ล้านบาทในเวลา ๒๔ เดือน กับผลงานในระดับนี้ ถือว่าคุ้มค่า ผมมองว่ามีผลกระทบต่อเนื่องได้มาก คำถามของผมคือ (๑) จะมีกลไกวางโครงสร้างพื้นฐานของงานวิจัยด้านสังคมศาสตร์ ให้ผลงานใน ๓ ปี สร้างความเข้มแข็งของงานวิจัยในระยะยาวได้อย่างไร (๒) สร้างโจทย์วิจัยเชื่อมสู่ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ในสังคม ที่ต้องใช้ความรู้สหศาสตร์เชื่อมกับสังคมศาสตร์ได้อย่างไร โดยที่ในปีที่ ๑ นี้ เน้นการดำเนินการในกลุ่มคนมหาวิทยาลัยเป็นหลัก ในปีต่อๆ ไปจะเคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัยสู่สังคมวงกว้างอย่างไร
ที่จริงที่ประธานแผนงานได้เสนอแนวทางการดำเนินการปีที่ ๒ ไว้ ๖ ข้อ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีมาก แต่ผมยังอยากเห็นการดำเนินการเชื่อมลงสู่ชุมชน ในลักษณะปลุก (empower) ชุมชนให้ลุกขึ้นมาเป็นผู้กระทำการ ตามในหนังสือ สิ่งใดเล่าทำให้เราเป็นมนุษย์ และ A World of Three Zeros เพื่อให้เกิดการพัฒนาคนไทย ๔.๐ ที่ลุกขึ้นมาร่วมกันกระทำการเพื่อแก้ปัญหาของตน และพัฒนาชุมชน พัฒนาบ้านเมืองของตน โครงการนี้ก็จะเชื่อมโยงจากวิชาการสู่สังคมภาพรวมได้อย่างแท้จริง คนไทย ๔.๐ ต้องพัฒนาขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคม
วิจารณ์ พานิช
๒๘ มี.ค. ๖๓ ปรับปรุง ๓๑ มี.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น