ทำอะไร..? หลังเกษียณ
.
1. เมื่อเกษียณแล้ว...คนที่ไม่ค่อยรู้จัก กลายเป็นคนไม่รู้จัก...
ร้อยละ 80 ของคนรู้จัก เลื่อนชั้นกลายเป็นคนไม่ค่อยรู้จัก...
ข้อดี ไม่ต้องเสียเวลาไปกับคนอื่น มีเวลาให้ตัวเอง และครอบครัวมากขึ้น...
ข้อเสีย ไม่มี
.
2. หลังเกษียณ...เมื่อไม่มีคนขับรถ และเลขาส่วนตัวแล้ว...
ต้องกลับมาหัดทำอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเองอีกเยอะ...
ได้ใช้เวลาที่คิดว่าเหลือมาก ให้เหลือไม่ค่อยมาก...
เป็นจุดเริ่มต้นของการลอกหัวโขนชั้นแรก
ก่อนเกษียณ ผมยังกดตู้เอทีเอ็มไม่เป็นเลย...
เดี๋ยวนี้เดินเข้าออกแบ้งค์ไปทำรายการเองได้อย่างคล่องปรื๋อ...
นอกจากเป็นคนขับรถแล้ว ยังต้องเป็นพ่อครัว เป็นคนสวน
เป็นช่างประจำบ้าน บางครั้งก็ต้องไปจ่ายตลาดเองด้วย
.
3. หลังเกษียณ...งานสังคมจะน้อยลง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานในอดีต
จะได้รับเชิญน้อยลงตามลำดับ จนไม่เหลือเลย...
ข้อดี ไม่ต้องเสียเวลาปั้นหน้าต่อคนหมู่มาก ไม่ต้องจ่ายภาษีสังคม ไม่ต้องเปลืองชุดออกงาน
มีเวลากินมื้อค่ำกับคนใกล้ชิดมากขึ้น...
ข้อเสีย ไม่มี...
เป็นการลอกหัวโขนชั้นที่สอง
.
4. หลังเกษียณ...ถือว่าท่อรายได้ประจำถูกปิดก๊อกแล้ว
ให้สำรวจดูว่าทรัพย์ที่สะสมไว้จากการทำงานหรือจากมรดกมีเหลือให้ใช้จ่ายได้อีกเท่าไหร่...
ต้องปรับวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือมีเท่าไหร่ก็ให้ใช้แบบสมฐานะ ไม่ให้เกินตัว...
เพราะตายแล้วยังใช้ไม่หมด ยังดีกว่าใช้หมดแล้วแต่ยังไม่ตาย...
เป็นการลอกหัวโขนชั้นที่สาม...
ชั้นนี้ลอกยากหน่อย บางคนได้กลายเป็นความเคยชินถาวรไปซะแล้ว
.
.5. หลังเกษียณ...จะมีสิ่งที่เคยคิดอยากทำเยอะแยะไปหมด...
อย่าละโมบ...ให้เลือกทำทีละอย่าง เอาอันง่าย ๆ ก่อน แล้วจะสำเร็จไปทีละอย่าง...
เชื่อเหอะ ว่าสิ่งที่เคยอยากทำ จะได้ทำไม่ถึงหนึ่งในสิบหรอก...
เพราะหลังเกษียณ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน คนรอบข้างเปลี่ยน ความคิดก็จะเปลี่ยน พลอยทำให้ความต้องการและเป้าหมายเปลี่ยนไปด้วย...
สิ่งที่อยากทำใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นและต่างไปจากเดิม...
ตอนนี้แหละ จึงเป็นชีวิตจริงที่ไร้หัวโขน
.
6. เมื่อมีวัยมากขึ้น...สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือสุขภาพ เพราะไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน...
การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง...
เมื่อเกษียณแล้ว ก็หมดข้ออ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย
หากจะอ้างว่าเล่นกีฬาไม่เป็นก็ฟังไม่ขึ้น เพราะคนเราทุกคนเดินและวิ่งเป็นมาตั้งแต่เด็ก...
เข้ายิม โยคะ เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน เดิน วิ่ง หรือแม้แต่แกว่งแขนเฉย ๆ ที่บ้าน ก็เลือกเอา...
ทำเพื่อใครต่อใครมามากแล้ว ก็ทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะ...
นั่นคือสิ่งที่ควรทำอันดับแรกหลังเกษียณ
.
7. หลังเกษียณ...การเดินทางท่องเที่ยว ควรทำอย่างสม่ำเสมอ...
เพื่อเปิดหู เปิดตา เปิดใจ และเปิดทัศนะคติใหม่ ๆ เมื่อได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย...
จะสร้างความกระตือรือร้นให้จิตใจ ไม่ให้เหี่ยวเฉากับบรรยากาศเดิม ๆ...
ควรเลือกท่องเที่ยวที่ไกล ๆ และลำบาก ๆ เป็นอันดับต้น เพราะยิ่งนานไป ความสามารถในการไปที่ไกล และลำบากจะลดน้อยลง จนถึงไปไม่ได้เลย...
การท่องเที่ยวหลังเกษียณ ให้ความรู้สึกที่ต่างจากลาพักร้อนไปเที่ยว แม้เป็นสถานที่เดียวกัน...
จะละเมียดกว่า ผ่อนคลายกว่า มีคุณค่ามากกว่า
ไม่รีบร้อน และกังวล เพราะกลับมาแล้วไม่ต้องรีบงก ๆ ไปทำงาน
.
8. หลังเกษียณ...มีโอกาสในการเดินทางท่องเที่ยว ดูและสัมผัสสิ่งที่อยู่นอกตัวออกไป...
ขณะเดียวกัน ก็ควรท่องเที่ยวภายในตัวเราด้วย คือการปฏิบัติธรรม...
เพื่อสัมผัสกับสิ่งที่เรามองข้ามมาตั้งแต่จำความได้ จะได้รู้ว่าโลกภายในตัวเราน่าพิศวงและลึกล้ำเพียงใด...
และเป็นการให้โอกาสแก่เราเอง คือเพิ่มทางเลือกว่าเมื่อได้รู้แล้ว จะเลือกดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรจนจบ...
เกิดมาชาตินี้ได้พบพระพุทธศาสนา ก็อย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดมาเลย
.
9. หลังเกษียณ...ไปที่ชอบที่ชอบกันเถิดครับ...
คนเราแต่ละคนมีที่ชอบไม่เหมือนกัน ต่างกันตามจริตและจิตเบื้องลึก...
เมื่อเกษียณแล้ว ไม่มีหัวโขนแล้ว ไม่มีกรอบจำกัดทางสังคมแล้ว ชอบทางไหนก็ให้ไปทางนั้นกันเอง โดยไม่ต้องรอเพื่อน ไม่ต้องรอโอกาสและเหตุผล...
และไม่ต้องรอให้ลูกหลานมาเคาะโลง เตือนว่าให้ไปที่ชอบที่ชอบ เอาตอนที่ไปไม่ได้แล้ว
.
10. หลังเกษียณ...เล่นเกมให้มากหน่อย...
อย่าไปหาว่าเป็นของเล่นเด็ก ๆ เพราะก็ใช่จริง ๆ...
เกษียณแล้ว ไม่มีหัวโขนให้ดำรงภาพลักษณ์แล้ว เติมชีวิตของเด็กให้ตัวเองบ้าง จะได้สดใสกระตือรือร้น ไม่เหี่ยวเฉาแห้งคาตอ...
เกมช่วยให้คนวัยนี้กระฉับกระเฉง ได้ฝึกประสาทสัมผัส สายตา สมองและกล้ามเนื้อให้ทำงาน แถมความตื่นเต้นให้หัวใจสูบฉีดอีกด้วย...
เดี๋ยวนี้เล่นเกมได้ง่าย มือถือก็มีเกมเยอะแยะ หรือลงทุนกับไอแพดซักตัว จะมีอะไรต่อมิอะไรให้เล่นอีกมาก...
แก่แล้ว มาเล่นเกมกันเถอะ
.
11. หลังเกษียณ...ให้เขียนบันทึกทุกวัน...
จะเรียกว่าไดอารี่ หรือบันทึกความทรงจำ หรือคำพร่ำเพ้อ หรืออะไรก็ได้...
แต่ให้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมื่อวานเท่านั้น...
จะเขียนในคอมพิวเตอร์ ในไอแพ็ด สมุด หรือกระดาษก็แล้วแต่ถนัด...
เขียนแค่สองบรรทัด หรือหนึ่งหน้า A4 ก็ไม่ว่ากัน เพราะนาน ๆ เข้า มันจะปรับทั้งความยาว เนื้อหา และสำนวนเป็นของตนเอง...
ไม่มีอะไรจะเขียน แค่เขียนว่าวันนี้กินข้าวกับอะไรก็ยังดี...
.
สิ่งที่ได้จากการเขียน...
1. ได้ฝึกทักษะการเขียนให้ดีขึ้นจากการเขียนทุกวัน...คนที่ไม่ค่อยอยากเขียนใน FB เพราะเขียนแล้วตัวเองอ่านเองยังบอกว่าไม่ได้เรื่อง ควรลองทำตามที่ว่านี้ด่วน...
2. มีบันทึกให้ตรวจสอบย้อนหลังว่าได้ทำอะไรไปแล้วมั่ง...เชื่อเหอะ อายุปูนนี้แล้ว รับรองว่าได้พลิกกลับไปตรวจสอบบ่อย ๆ แน่
3. อันนี้สำคัญ...เป็นเครื่องวัดคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ...เมื่อไหร่ที่ยังมีเรื่องราวให้เขียนมากมาย ถือว่ายังสอบผ่าน...
.
แต่ถ้าเมื่อไหร่เขียนได้แค่สองคำว่า "เหมือนเดิม"...
อันนี้อาการน่าเป็นห่วง แปลว่าชีวิตหลังเกษียณคุณภาพตกต่ำจนถึงพื้นแล้ว...
ต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสายเกินไปจนแก้ไม่ได้
.
12. หลังเกษียณ...ไปนวดบ่อย ๆ...
คนวัยเกษียณเส้นเอ็น และกล้ามเนื้อจะแข็งตึง ขาดความยืดหยุ่นไม่เหมือนสมัยหนุ่มสาว...
เป็นสาเหตุให้ปวดเมื่อย ก้มทีก็โอย ลุกทีก็โอย...
ออกกำลังกายก็เป็น ทำสวนก็เป็น เล่นเกมก็เป็น แม้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูทีวีก็ยังเป็น...
การนวดช่วยให้ดีขึ้น นวดแผนไทยช่วยยืดเส้น นวดน้ำมันช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ...
ตอนกำลังนวด จะเจ็บ ๆ มัน ๆ นวดเสร็จแล้วสบายตัว...
จะนวดที่ไหนก็ได้ ร้านนวดแผนโบราณเอย สปาทั้งหลายที่เห็นอยู่เกลื่อนเมืองเอย หรือจะว่ามาให้นวดที่บ้านก็ไม่ผิดกติกา...
ข้อสำคัญ สถานทีต้องถูกอุปนิสัย และต้องมีหมอนวดประจำตัว...
เพราะแต่ละที่บรรยากาศและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างกัน หมอนวดแต่ละคนก็มีลีลาลูกเล่นไม่เหมือนกัน...
แรก ๆ ให้เปลี่ยนสถานที่และคนนวดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอที่โดน ประเภทที่ไม่ต้องบอก แค่แตะตัวก็รู้แล้ว ว่าวันนี้ควรจะเน้นนวดตรงไหน...
เมื่อถูกใจ ก็ผูกปีนวดกันไปเลย....
สำหรับพวกผู้ชายที่ชอบนวดแผนปัจจุบันตั้งแต่หนุ่มเรื่อยมา ซึ่งก็ไม่ได้ชอบเพราะการนวดหรอก แต่ชอบของแถมมากกว่า ให้ลองมานวดแผนไทยและนวดน้ำมันที่ผมว่าดูมั่ง...
จะได้อรรถรสมากกว่า และเบาสบายตัวกว่าจริง ๆ...
ถ้าไม่รักกัน ไม่บอกนะเนี่ย
.
13. หลังเกษียณ...ตรวจสอบตัวเองว่ารู้สึกหมดคุณค่าหรือรู้สึกเป็นอิสระ...
ถ้าคุณรู้สึกเป็นอิสระ ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะคุณจะได้เริ่มโบยบินไปสู่โลกกว้างโดยไม่มีข้อจำกัด และไร้แรงถ่วงใด ๆ...
ทำงานทั้งชีวิตก็เพื่อมาถึงตรงนี้ไม่ใช่หรือ...
แต่ถ้ารู้สึกหมดคุณค่า ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะคุณถูกจัดชั้นให้เป็นทาสที่ถูกปลดปล่อยแล้วไม่ยอมไป...
ยังคุ้น และชินกับพันธนาการที่ผูกมัดรัดตัวมาตั้งแต่เริ่มทำงาน...
เปิดตาให้สว่าง มองรอบตัวให้กว้าง และไกลออกไปเถอะครับ...
ความอิสระไม่ได้น่ากลัว และลำบากอย่างที่คิดหรอก
.
14. หลังเกษียณ...อย่าเล่นหุ้น...
คำเตือนสำหรับคนที่เพิ่งคิดมาหัดเล่นหุ้นเอาตอนเกษียณ...
ฟังเหตุผลแล้ว มันฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งพวง...เพราะ....
ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ @ มีอีกเยอะเลยแหละ ที่น่าทำกว่าการนั่งเฝ้าจอทั้งวัน....
อยากมีรายได้เพิ่ม @ เขาเตือนเสมอว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน"
เกษียณแล้วจะไปเสี่ยงทำไม ปรับตัวเองให้เหมาะกับเงินที่มีอยู่ไม่ง่ายกว่าหรือ....
อยากศึกษาเรื่องหุ้น @ ช้าไปแล้วต๋อย ศึกษาเรื่องธรรมะในวัยนี้ให้ประโยชน์มากกว่า....
เพื่อนชวน @ เออ ก็โง่เชื่อเพื่อนนะ อายุปูนนี้คิดเองไม่เป็น....
เห็นคนอื่นรวยเพราะเล่นหุ้น @ แล้วเคยเห็นสภาพของคนที่จนเพราะเล่นหุ้นไหม....
อยากตื่นเต้น เร้าใจ @ มีอีกหลายอย่างให้เลือกทำที่ทั้งเสียวทั้งมันกว่าการเล่นหุ้นโดยไม่ต้องเสี่ยง....
สมัยนี้ใคร ๆ ก็เล่น เดี๋ยวตกเทรนด์ @ ให้เป็นเรื่องของคนในวัยทำงานเขาเถอะลุง อยากทันสมัยก็มาหัดเล่น FB เล่น Line หรือเล่นเกมดีกว่า ไม่เครียด แถมเข้าสมัย และมีคนเล่นเยอะกว่าด้วย....ฯลฯ
.
15. หลังเกษียณ...ถ้าลองทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ ให้รีบเลิก....
เวลามันเหลือน้อย เลือกทำอย่างอื่นในคิวต่อไปดีกว่า....
เกษียณแล้ว ไม่ต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่การงานแล้ว จึงไม่ต้องฝึกวินัย ไม่ต้องฝึกความอดทนให้เป็นพื้นฐาน เพราะจนป่านนี้ถ้ายังไม่มี ก็คงฝึกไม่ทันแล้ว...
สิ่งที่ได้ลองทำก็เพราะอยากทำ เมื่อได้ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ...
อย่าทู่ซี้ อย่ามีอัตตา ให้ยอมรับว่าเรื่องบางเรื่องเหมาะกับคนบางคนที่มีพรสวรรค์ เช่น อยากเล่นดนตรีให้เพราะ แต่จับบันไดเสียงไม่ได้ เคาะจังหวะไม่เป็น ก็ไปได้ไม่ไกล...
คนวัยนี้ ลองเล่นอะไรแล้วไปไม่รอด...เลิกเหอะ ไม่เสียหน้าหรอก
.
16. หลังเกษียณ...อย่าคิดเลี้ยงหลานเป็นงานหลัก...
เพราะสิทธิและหน้าที่เป็นของพ่อแม่เขา ส่วนเราได้ใช้สิทธิ และทำหน้าที่ไปแล้ว...
แล้วก็อย่าคิดเชียวว่า เคยเลี้ยงลูกมาหลายคน เลี้ยงหลานอีกซักคนสองคน จะเป็นไรไป...
ลองนึกดูว่าตอนเลี้ยงลูกอายุเท่าไหร่ ตอนนี้อายุเท่าไหร่...
ตอนนั้นก็แทบแย่ ตอนนี้จะไหวหรือ...
ที่สำคัญ ความคิดและแนวทางการเลี้ยงลูกของคนแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน เดี๋ยวเกิดขัดแย้งสร้างปัญหาระหว่างรุ่นขึ้นในครอบครัว กลายเป็นละครน้ำเน่าไปเปล่า ๆ...
เอาแค่หยิบฉวยมาครองเพื่อชื่นชมบ้างเป็นครั้งคราว...
เล่นบทปู่ย่าตายายใจดีตามใจหลาน ให้พ่อแม่เขาหงุดหงิดเล่น...เป็นสุขกว่าเยอะ
.
17. หลังเกษียณ...ทำทุกวันให้เป็นวันพิเศษ...
เมื่อได้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากหน้าที่ ความรับผิดชอบ ภาระ และหัวโขนแล้ว จะหายใจทิ้งนิ่งเฉยอยู่ทำไม ควรทำตัวกระตือรือร้นให้ชีวิตมีความหมายเหมือนได้พักร้อนตอนทำงาน...
จำไว้ว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว ถ้านับ 60 ถึง 80 ก็เหลือแค่ 7,300 วัน....
มีเงิน 7,300 บาทในกระเป๋า ตื่นมาต้องหยอดมิเตอร์ชีวิตวันละบาท ใช้งานหรือ ไม่ก็วันละบาท
เครดิต... ไม่ระบุ ชื่อผู้เขียน
เขียนได้ข้อคิดค่ะ