ความเป็นมา;วันทานทิ้งกระจาดเทศกาลกินเจ


ความเป็นมา;วันทานทิ้งกระจาดเทศกาลกินเจ
สุภัชชา.พันเลิศพาณิชย์

ในภาพอาจจะมี อาหาร



“วันทิ้งกระจาด” (อูลั้งเส่งหวย)หรือเรียว่า “ซีโกว” แปลว่า การบริจาคทานให้แก่ดวงวิญญาณไร้ญาติ ซึ่งบางแห่งก็เรียกว่า “โพวโต่ว” แ
ปลว่า การโปรดสัตว์ ซึ่งมีที่มาจากพระสูตรจีนที่ชื่อ “เปรตมุขอัคนีชวาลยศรการนามธารณีสูตรซึ่งได้สาธยายเอาไว้ดังต่อไปนี้
สมัยหนึ่ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จประทับนั่งแสดงธรรมเทศนา ณ นิโครธาราม นครกบิลพัสดุ์ ซึ่งในขณะนั้นพระอานนท์ได้ทำการปลีกวิเวกไปเข้าฌานสมาบัติอยู่ที่ใต้ต้นโคนต้นไม้ใหญ่ ขณะที่พระอานนท์กำลังนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่นั้น ได้มีอสูรกายตนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าสีเขียว แสยะแยกเขี้ยว ลำคอเท่ารูเข็ม ปากมีเปลวไฟออกจากปากโชติช่วงตลอดเวลา เนื้
อตัวมีแต่หนังหุ้มกระดูกนามว่า “อัคนีชวาลมุขเปรต” มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า 
อัคนีวาลมุขเปรตได้กล่าวกับพระอานนท์ โดยบอกว่า พระอานนท์จะถึงกาลมรณะในอีกเพียง 3 วันข้างหน้าจากนั้นท่านต้องไปเกิดในเปรตภูมิได้รับความทุกข์ทรมานด้วยความหิวโหยอย่างแสนสาหัส หากพระเถระเจ้าปรารถนาจะมีอายุยืนยาว ขอให้ท่านได้ทำพิธีมหาทานอุทิศข้าวของเครื่องใช้และเค
รื่องบริโภคเป็นไทยทานแก่ฝูงเปรตด้วย

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน


เมื่อเปรตตนนั้นกล่าวจบแล้วก็หายไปทันที พระอานนท์นั้นยังไม่ได้บรรลุในอรหันต์จึงเกิดความตกใจกลัว จึงไปเข้าเฝ้าทูลถามพระพุทธองค์เพื่อขอให้พระพุทธองค์แถลงไขในเรื่องนี้พระพุทธองค์เมื่อได้ฟังเรื่องราวของ อัคนีวาลมุขเปรตแล้วจึงได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่าในอดีตเมื่อพระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ในสำนักพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์ได้ตรัสเทศนาถึง “พิธีโยคเปรตพลี” เพื่อโปรดเหล่าเปรตและสัตว์ทั้งหลาย ดังนั้น อัคนีชวาลมุขเป
รตตนนั้น ซึ่งก็คือ พระอวโลกิตเตศวรโพธิสัตว์ หรือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ผู้มีปณิธานที่จะโปรดสัตว์ให้หลุดพ้นจากทุกข์ได้นิรมิตกายมาเพื่อเป็นอุบายให้พระพุทธองค์แสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับพิธีโยคเปรตพลีอุทิศแก่พระอานนท์เพื่อโปรดสัตว์ไตรภูมิเป็นปฐมกาลหลังจากนั้นพิธีนี้ได้เป็นแนวทางปฏิบัติของนิกายมนตรยาน เพื่อแสดงพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระโพธิสัตว์ต่อเหล่าสัตว์ โลกทั้งหลาย เมื่อมีการแปลพระสูตรเป็นภาษาจีน พิธีนี้จึงมีการถ่ายทอดสืบเนื่องต่อมาเรื่อยๆ แม้หลังสมัยพระพุทธเจ้าปรินิพพานต่อมาภายหลังราชวงศ์ถังของประเทศจีนพิธีนี้จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายออกไป จนเป็นที่นิยมของประชาชนมีการประกอบพิธีทั่วไปทั้งในงานศพ ในงานวันเกิด ในเทศกาลสารทจีนเดือน 7 และในเทศกาลอื่นๆ รวมทั้งในเทศกาลกินเจ

ก็จะต้องมีพิธีกรรมนี้ ซึ่ง แม้แต่ในศาสนาเต๋าก็รับแนวคิดนี้จากพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน นอกจากนี้ยังเป็นประเพณีนิยมในประเทศที่รับพระพุทธศาสนาจากจีน เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลี ก็ได้รับความนิยมด้วยพิธีกรรมทิ้งกระจาดจึงมีที่มาของความเชื่อตามคติของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ว่า มนุษย์และสัตว์เมื่อถึงแก่กรรมแล้วยังคงมีดวงวิญญาณอยู่ และถูกกักขังอยู่ในนรกทั้ง 18 ขุม พระยายมราชเป็นผู้ควบคุมดวงวิญญาณเหล่านั้น โดยมีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรคอยควบคุมพระยายมราชอีกทีหนึ่ง

ในภาพอาจจะมี ตาราง, สถานที่ในร่ม และอาหาร


พิธีทิ้งกระจาดจึงถือเป็นการทำบุญเพื่อเชิญดวงวิญญาณทั้งหลา
ยมารับส่วนบุญและรับ การเซ่นไหว้ เพื่อให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นได้อยู่อย่างสุขสงบไม่ไปรบกวนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเพื่อเป็นการแจกทานให้แก่ดวงวิญญาณที่ไร้ญาติรวมทั้งเป็นการโปรยทานให้แก่ผู้ที่ยากจนขัดสนที่ยังมีชีวิตอยู่อีกทางหนึ่งด้วย
ขอบคุณแหล่งที่มา; https://torthammarak.com

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง และอาหาร


หมายเลขบันทึก: 670576เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2019 13:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม 2019 13:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท