ทำไมครูจึงกล่าวว่าการฝึกสติคือการเปลี่ยนแปลงตัวงาน


สถาบัน Garrison มีลักษณะคล้ายๆกับ Hogwarts ศูนย์ที่เงียบสงบ (the retreat center) ได้รับการเฝ้าโดยอดีตพระท่ามกลางขุนเขาสีเขียวที่ร่มรื่น ที่ขนานไปกับแม่น้ำ Hudson ซึ่งอยู่ 60 ไมล์ไปทางเหนือ และเป็นโลกที่อยู่ห่างจากนิวยอร์ก

ภายใต้โบสถ์ที่โปร่งสบาย ในตอนบ่ายหน้าฤดูร้อนที่ไม่นานมานี้ มีนักการศึกษาจำนวน 35 คน จากสหรัฐ และมาจากประเทศอย่างน้อย 5 ประเทศ นั่งอยู่อย่างสงบ กำลังแสดงออกซึ่งบางสิ่ง

“พยายามสังเกตลมหายใจ, สัมผัสของลมที่กำลังเข้าและออก” กล่าวโดย Christa Turksma ซึ่งเป็นผู้หญิงชาวฮอลแลนด์ ที่นุ่งชุดสีขาว ไว้ผมสีขาวเทา หล่อนเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง ชมรมการปลูกฝังเรื่องตระหนักรู้ และการปรับตัวได้ของนักการศึกษา หรือย่อว่า CARE for Teachers.    

สำหรับ 9 ปีที่ผ่านมาแล้ว และตอนนี้ที่ศูนย์ความสงบช่วงหน้าร้อนจำนวน 5 วัน ที่เป็นวันครอบรอบ ศูนย์ CARE เพื่อเพื่อนครูได้จัดสิ่งที่เรียกว่า “สติ” ขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้หมายถึง การทำร่างกายให้และจิตใจให้ระงับ โดยผ่านการหายใจและการเคลื่อนไหว รวมทั้งใช้ญาณทัศนะ (insight) จากวิชาจิตวิทยาเพื่อการควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้น

พวกเขาได้ทำกิจกรรมการสวมบทบาท เพื่อฝึกฝนการฟัง และจัดการกับบทสนทนาที่ยากมากๆกับเจ้านาย, เพื่อนครู, พ่อแม่ หรือตัวนักเรียนเอง มันเป็นการฝึกสติเป็นครั้งแรกที่สนับสนุนบางส่วนโดยกระทรวงการศึกษาของสหรัฐ และเพื่อครูเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับนักเรียน

การสอนเป็นงานที่มีแต่ความเครียด และจากหลายๆการอธิบาย มันก็ยิ่งจะเลวร้ายมากขึ้น นักเรียนต่างพากันนำผลของความจนและบาดแผลมาถึงชั้นเรียน ผู้บริหารต่างแต่มุ่งไปสู่มาตรฐานที่จับต้องได้ และกดดันพวกครู เมื่อสัก 2-3 ปีที่ผ่านมา ความพึงพอใจในงานของครูต่างทิ้งดิ่งลงไปเหลือเพียง 25 ปี และการลาออกมีอยู่ในระดับสูง

Jennings เป็นคนก่อตั้งคนที่สองของ CARE (Richard Brown เป็นคนที่สาม) หล่อนมีผมสีเทาแบบหน้าม้า และมียิ้มที่สดชื่น Jennings มีวัยเด็กที่ข่มขื่น หล่อนเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุ 14 เมื่อแม่ของหล่อนกระทำอัตวินิบาตกรรม

ต่อมา ในฐานะที่เป็นนักศึกษาวิทยาลัยในยุค 1970 เมือง Arizona หล่อนได้ค้นพบการทำสมาธิแบบเซ็น ฉันเริ่มตระหนักรู้ว่าความทุกข์ทั้งมวล และความกระวนใจของฉัน เป็นเพียงความคิด และไม่ใช่ตัวเลย นั่นเป็นการเปิดเผยอันยิ่งใหญ่ การรู้สึกเช่นที่ว่านี้เป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ย่ำแย่ของฉัน และมันไม่ใช่เป็นของฉัน มันเพียงความคิด และฉันปล่อยวางมันได้แน่นอน

Jennings ได้ศึกษาที่มหาวิททยาลัยเชิงพุทธที่ Naropa ใน Boulder, Colo หล่อนได้รับปริญญาสาขาจิตวิทยา และเรื่องการสอนด้วย ต่อมาได้ตั้งโรงเรียนแบบ Montessori ที่หล่อนได้สอนเด็กๆในเรื่องการทำสมาธิตอนต้นยุค 1980

ในชั้นเรียนที่ใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ หล่อนต้องการที่จะใช้เทคนิคการฝึกสติแบบปากต่อปาก ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนกิจกรรมที่ราบเรียบ หรือการคำนวณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักเรียนที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ก็ตาม ต่อมาหล่อนได้ใช้การสอนเชิงบวก (position teaching) ให้แก่พวกครู และรู้ว่าพวกครูจะได้ใช้ประโยชน์จากเทคนิคเหล่านี้ด้วย

Jennings ตอนนี้เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางจิตวิทยา ที่มหาวิทยาลัย Virginia ซึ่งเป็นที่ที่หล่อนดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับ CARE สำหรับพวกครูโดยเฉพาะ

ในการศึกษาที่ใกล้จะตีพิมพ์ Jennings และผู้ร่วมตั้งของหล่อนได้นำเสนอการขยายของการฝึกปฏิบัติ CARE กับครูจำนวน 224 คน ที่มาจากโรงเรียนที่มีเด็กยากจนเป็นจำนวนสูงในเมืองนิวยอร์ก โดยมีการพบปะกันจำนวน 2 วันตลอดปีการศึกษา ผู้เข้าร่วมรายงานว่า ความกระวนกระวายใจ, ความกดดัน, ความรู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้น, หรือความรู้สึกรีบเร่ง, และความเครียดที่รับรู้ได้ต่างลดลงไปเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม  สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น และพวกครูต่างรู้สึกว่าการกระทำของเขามีการประเมินค่าน้อยลง

ถึงแม้ว่าผลกระทบที่น่าสนใจที่มาจากผู้สังเกตการณ์การสอนในชั้นเรียน เมื่อพวกครูมีสติ การตะโกนจะลดลง Jennings กล่าว ห้องเรียนถูกประเมินไปในแง่การสอนเชิงบวกและมีผลิตผลมากขึ้น และนักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ

 ในหมู่นักเรียนที่ได้รับการให้ระดับคะแนนว่าอ่อนในทักษะทางสังคม ในตอนเริ่มแรกกล่าวว่ารู้สึกอ่อนแอ แต่พอเข้าร่วมก็รู้สึกว่าดีขึ้น นอกเหนือจากนี้ผลกระทบยังมาจากการปฏิบัติกับครู ไม่เฉพาะกับนักเรียน

Bonnie Kirkwood และ Michele Coyle-Hughes ทำงานกับครูใน Bronx การเข้าร่วมของพวกเขานับตั้งแต่ 2014-2015 ตลอดปีการศึกษา พวกเขาใช้เวลาในโรงเรียนที่จบลงด้วยการช่วยสอนเทคนิคต่างๆให้กับครูคนอื่นๆ

เมื่อพวกเขากลับจากการฝึกอบรม CARE และคิดต่อว่ากำลังจะทำอะไรกับมันดี ในฐานะที่เป็นครูผู้ช่วยเหลือกล่าวว่า “ฉันได้รับเทคนิคต่างๆจากวิกฤตการณ์ ฉันเลยมองเห็นว่าพวกเขาต้องการเครื่องมือต่างๆ” Michele Coyle-Hughes กล่าว

ประมาณหนึ่งในสามของนักเรียนในโรงเรียนระดับ 8 เป็นคนไร้บ้าน จำนวนร้อยละของนักเรียนจำนวนมากมาจากพ่อแม่ที่ติดคุก และอยู่ในสถานรับเลี้ยงดู ผู้เรียนส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อ และมีคนอพยพอีกด้วย

Coyle-Hughes กล่าวว่า “เด็กของเราดำรงอยู่ในตึก เพราะว่าพวกเขาต้องการโครงสร้าง และงานประจำ”  Kirkwood ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ่านกล่าวว่า “เทคนิคที่ได้มาจาก CARE พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนักเรียนและเพื่อนร่วมงาน หล่อนพูดว่า “ฉันต้องการจะปล่อยวาง และปล่อยพระเจ้าไปพร้อมกัน”

ถึงแม้ว่าการปฏิบัติใน CARE จะมีผู้คนอยู่อย่างหลากหลาย แต่ Jennings ทำให้ชัดเจนว่าการฝึกเป็นเรื่องทางโลก (secular) และเหมาะสมกับโรงเรียนรัฐ เช่นพวกเขาจะใช้ การปฏิบัติเพื่อรู้ตัว แทนที่จะใช้คำว่า สมาธิ เป็นต้น

เหมือน Bonnie Kirkwood และ Michele Coyle-Hughes ตัว Willheimer เห็นด้วยที่จะช่วยเหลือในการฝึกปฏิบัติ CARE เพื่อเพื่อนร่วมงานของเขา Jennings และ Turksma พยายามที่จะขยายการอบรมนี้ในปีนี้ ที่เรียกกันว่า CARE Coordinator ด้วยแนวคิดที่ว่าเทคนิคเหล่านี้จะดีที่สุดในการส่งต่อจากเพื่อนสู่เพื่อน ไม่ใช่จากบนลงล่างเหมือนสั่งจากผู้อำนวยการ

Willheimer กล่าวว่าตัวโปรแกรมทำให้เธอประสานกับนักเรียนดีขึ้น เช่นแทนที่จะรู้สึกโมโหที่เด็กเคาะโต๊ะ แต่หล่อนกลับรู้สึกว่าหล่อนจะแก้ไขความไม่มีสมาธินี้อย่างไร ก็เหมือนครูคนอื่นๆ หล่อนกล่าวว่า CARE เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการกับเจ้านาย ยังไม่ต้องพะวงกับนักเรียนหรอกนะ

หล่อนพูดว่า “เมื่อผู้อำนวยการเรียกคุณ เธอไม่รู้ว่าเขาเรียกไปทำไม บางครั้งอาจเป็นพ่อแม่โมโหคุณ หรือคุณลืมบางสิ่งบางอย่าง ฉันเคยรีบไปประชุม หาที่นั่ง และกระตือรือร้นในทางทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ฉันฝึกการเดินอย่างมีสติ ฉันคิดเกี่ยวกับที่ที่ฉันจะไป เมื่อฉันไปถึง ฉันไม่เร่งแต่ถ่ายเดียว ฉันพร้อมที่จะรับฟังคำวิจารณ์ หรือบทสนทนาที่มีแต่ความจริง

ในการฝึก CARE ผู้เข้าร่วมมีการพูดถึง สิ่งกระตุ้น และ ต้นฉบับ รวมทั้งมีการโต้ตอบอย่างทันทีทันใด ประสบการณ์ย้อนหลังอาจปรุงแต่งการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ และนำมาสู่อารมณ์ที่ไม่เหมาะสมหรือโมโห หากเธอเป็นพวกโต้ตอบอย่างรวดเร็ว เธอเอาชนะอารมณ์เหล่านี้ ซึ่งส่งผลต่อจิตใต้สำนึกในการทำแบบนั้นด้วย แต่ถ้าเธอ “ครุ่นคิด” (reflective) เธอจะหยุด และอ่านสถานการณ์ได้ดีขึ้น

ในการพบกันครั้งหนึ่ง Jennings เล่าเรื่องราวในหนังสือของเธอ ชื่อ สติเพื่อครูทุกคน ที่ว่าด้วยผู้เข้าร่วมคนหนึ่งเจอเด็ก 7 ขวบที่มาสายทุกวัน และก่อกวนประสาทโดยการหัวเราะตลอดชั่วโมง ในการครุ่นคำนึง (reflection) ครูคนนี้เคยเจอเรื่องนี้กับครอบครัวของเขาเอง เพราะมีการทำโทษกันอย่างหนักในครอบครัว เธอนั่งลง และคุยกับเด็กหญิง และเรียนรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ทำงานในตอนกลางคืน และเด็กหญิงต้องรับผิดชอบในการมาโรงเรียนในตอนเช้า และกลอุบายของเด็กหญิงไม่ใช่ไม่เคารพ แต่มาจากความขายหน้า

หลังจากทานอาหารเที่ยง ที่มี Salad, quinoa และ สวนที่มีแต่สีเขียว พวกครูต่างพากันออกไปข้างนอกเพื่อออกกำลังกาย และพูดคุยกันเป็นคู่ ที่ตรงนี้มีดอกไม้ป่า และมีผีเสื้อบินตอม ช่างน่าทำสติเสียจริงๆ

แต่ในเวลาไม่นาน โรงเรียนกำลังใกล้เปิด ครูคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องรีบเร่ง เพราะใกล้กันยายนเข้ามาแล้ว ในเดือนกันยายน เราจะไม่มีพื้นที่ แล้วการฝึก CARE แล้วใครจะทำ?”

Jennings ตอบว่าหล่อนมีคำตอบที่ชัดเจน จากการฝึกคราวที่ผ่านมา มีครูบางคนถามแบบนี้เหมือนกัน คำตอบสุดท้ายของพวกเขาคือหยุดตนเอง เพื่อหายใจลึกๆสามครั้ง

คำตอบข้อที่สองคือการฝึกสติในชีวิตประจำวันในการกำหนดลมหายใจ, ฝึกสติด้วยการเดิน, ทำโยคะ, หรือพักผ่อนในรูปแบบอื่นๆ “นั่นเพียงพอสำหรับการหายใจลึกสามครั้ง เมื่อเธอต้องการแล้ว”

เทคนิคของ CARE ในการใช้ในห้องเรียน

สติสำหรับนักเรียนและครู

1. การเปลี่ยนแปลงที่สงบ

เมื่อเวลาเสร็จอาหารเที่ยงหรือพละ ให้นักเรียนหายใจอย่างยาวๆสัก 3 ครั้ง และให้ฟังเสียงระฆัง ให้นักเรียนฟังจนกระทั่งเสียงนั้นค่อยๆหายไป หลังจากนั้นจึงเคลื่อนไหวต่อไป

2. ทำสัก 5 ครั้ง

นำเสนอโดยผู้เข้าร่วม CARE สำหรับนักเรียนที่ยังเด็กเกินไป หรือเด็กที่อยู่ไม่นิ่งจนไม่สามารถทำสมาธิได้ ให้พวกเขานั่ง และให้จำของ 5 สิ่งแบบเงียบๆ ต่อมาให้เด็กๆหลับตา พร้อมกับนับ 1-5 และให้จับของต่างๆ และดูว่าจำได้หรือไม่?

3. มุมสงบ หรือมุมแห่งสันติภาพ

นำเสนอโดย Montessori จัดหามุมสักมุมหนึ่งในห้องเรียน ที่นี่เป็นที่ที่นักเรียนจัดการกับอารมณ์ที่ตนเองควบคุมไม่ได้ มันควรจะมีหมอน และรูปสัตว์ที่เป็นพลาสติกต่างๆ, หนังสือที่ทำให้สงบ รวมทั้งหินนุ่มๆ สิ่งที่สมควรระวังคือ การบอกควรเป็นการเชื้อเชิญ ไม่ใช่การทำโทษ

4. การเดินเพื่อฝึกสติ และการอยู่เป็นศูนย์กลาง

สำหรับคุณครู ที่ต้องเดินอยู่เสมอ เมื่อกำลังยืนอยู่ ให้รู้สึกถึงน้ำหนักบนเท้า และการกดของเท้าต่อพื้นดิน เมื่อเดิน ให้รู้สึกถึงการท้าวแต่ละก้าว

แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก

Anya Kamenetz. Why Teachers Say Practicing Mindfulness Is Transforming The Work

https://www.kqed.org/mindshift/46150/why-teachers-say-practicing-mindfulness-is-transforming-the-work

หมายเลขบันทึก: 669284เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2019 18:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน 2019 18:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท