ประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก : ฮ่องกง


ก่อนจะบันทึกความคิดอ่านเรื่องนี้ ขออัญเชิญพระราชดำรัสในหลวงราชการที่ ๙ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔ ดังนี้ว่า 

"...เราไม่เป็นประเทศที่ร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้ แต่ไม่เป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมาก เพราะถ้าเราเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมากก็จะมีแต่ถอยหลัง ประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้า จะมีแต่ถอยหลังและถอยหลังอย่างน่ากลัว แต่ถ้าเรามีการบริหารแบบเรียกว่าแบบคนจน แบบที่ไม่ติดตำรามากเกินไป ทำอย่างสามัคคีนี่แหละคือเมตตากัน จะอยู่ได้ตลอดไป..." 

ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินของระบบทุนนิยมเสรีมานานกว่า ๑๐๐ ปี จนปัจจุบันนี้ฮ่องกงเป็นประเทศที่ก้าวหน้าอย่างมาก คอนโดมิเนี่ยมทั่วไปในไทยราคา ๓ ล้าน ที่ฮ่องกงอยู่ที่ ๓๐ ล้าน คนฮ่องกงส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่ต้องจ่ายค่าเช่าแสนแพง คนรวยเพียง ๐.๑ เปอร์เซ็นต์ ซื้อตึกเป็นตึก ๆ ซื้อทีทั้งถนน แล้วมาจัดสรรปั่นราคาให้คนฮ่องกงมาอยู่แล้วหาเงินส่งค่าเช่า คนส่วนใหญ่ในฮ่องกงไม่ได้กินดีอยู่ดี และกำลังจะไม่พออยู่พอกิน ทุนนิยมการเงินทำให้เงินเฟ้อวิ่งไวกว่าที่คนทำงานจะวิ่งทัน จนขณะนี้ฮ่องกงเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกแล้วสำหรับใคร ๆ ที่จะไปอยู่ (อ่านที่นี่)

ผมตั้งคำถามกับตนเองว่า ทำไมในระบบวรรณะจึงแบ่งคนออกเป็น ๔ วรรณะ ทำไมไม่แบ่งเป็น ๓ หรือ ๕ ชนชั้น เมื่อคิดพิจารณาด้วยปัญญาหางอึ่งแล้วได้คำตอบว่า แม้ทุกวันนี้เราก็ใช้ ๔ วรรณะนั้นอธิบายกลุ่มคนในสังคมได้เสมอเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไป เราสามารถแบ่งคนออกเป็น ๔ กลุ่มที่คุม ๔ สิ่ง ได้แก่ ๑) กลุ่มคุมอำนาจและระบบ ๒) กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจ ๓) กลุ่มใช้ปัญญาวิชาการ และ ๔) คนใช้แรงงานรับจ้าง 

๑) กลุ่มคุมอำนาจส่วนใหญ่ในโลกขณะนี้ไม่ใช่กษัตริย์แล้ว แต่เป็น "นักลงทุน"  ซึ่งรวมถึงรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเป็นคนคุมอำนาจเงินตราและอสังหาริมทรัพย์ คนกลุ่มนี้มีเพียง ๑ เปอร์เซ็นต์ของคนในโลก  บางคนหรือบางองค์กรในวรรณะนี้สามารถสั่งพิมพ์เงินได้เป็นหมื่นล้านบาทต่อวัน.... คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้หาเงินล้านบาทได้ภายในเวลา ๑ วัน 

๒) กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจ กลุ่มนี้ไม่ได้หมายถึงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด หรือพ่อค้าแม่ค้าอาหารตามสั่ง แต่หมายถึง กลุ่มคนที่ทำธุรกิจเป็น มีบริษัทหรือกิจกการเป็นของตนเอง ในยุคก่อนส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าคนกลาง แต่ยุคนี้ส่วนใหญ่คือคนที่มีไอเดีย ความรู้ และเทคโนโลยีในมือ คนกลุ่มนี้ สามารถหาเงินล้านบาทได้ ภายในเวลา ๑ เดือน 

๓) กลุ่มใช้ปัญญาวิชาการ คือ กลุ่มคนชนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย นับแต่ข้าราชการ หมอ วิศวกร สถาปนิค ลูกจ้างบริษัท นักวิชาการ นักปราชญ์  นักคิด นักเขียน นักเรียน นักร้อง ... สรุปคือทุก "นัก" ที่ยังไม่รู้จักทำธุรกิจเป็นของตนเอง  คนกลุ่มนี้สามารถหาเงินล้านบาทได้ แต่ต้องใช้เวลา ๑ ปี (ยกเว้นบางอาชีพ เช่น นักบิน นักกฎหมาย หมอ ฯลฯ)

๔) กลุ่มใช้แรงงาน กลุ่มนี้เป็นควรส่วนใหญ่ในโลก ไม่รู้เรื่องเงินตรา ไม่รู้ระบบทุน ไม่รู้วิธีทำธุรกิจ ไม่มีความรู้หรือวิชาชีพชั้นสูงที่จะมีคนมา "จ้างทางปัญญา"  คนกลุ่มนี้ทำงานหลากหลายอาชีพ ทำทุกวิถีทางเพื่อเลี้ยงปากทองและครอบครัว ทั้งรับจ้างเป็นกรรมการรับค่าแรงขั้นต่ำ หรือจะทำมาค้าขายรายปลีก ขายข้าวอาหารตามสั่ง กลุ่มที่ผลิตแบบทาสการเกษตร หรือรวมถึงลูกจ้างชั่วคราว พนักงาน ที่รับเงินเดือนขั้นต่ำในระบบราชการด้วย คนกลุ่มนี้การหาเงินล้านบาทในชาตินี้ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย 

วันนี้มีข่าวว่า ผู้ว่าการแบงค์ชาติญี่ปุ่นประกาศว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อ คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็คือต้องพิมพ์เงินออกมาอัดฉีดเข้าไปในระบบอย่างน้อย ๆ ต้องหลายหมื่นล้านเหรียญ ซึ่งจะทำให้เงินเยนเฟ้อขึ้นทันที  นี่คือพฤติกรรมของคนกลุ่มที่ ๑) คนกลุ่มที่ ๒) แฮ๊ปปี้ดีใจไปต่อ คนกลุ่มที่ ๓) ไม่กระทบ ไม่รู้ตัว ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ะคนกลุ่มที่ ๔) เงินที่เก็บหอมรอมริดมาจะลดค่าลงไปทันทีตามอัตราเงินเฟ้อ

คนกลุ่มที่ ๑) เจ้าสัวไม่ต้องทำอะไร หุ้นและทุนก็ทำกำไรให้หลายล้านต่อนาที คนกลุ่มที่ ๒) นักธุรกิจก็มีสิทธิ์จะรวยได้เป็นสิบล้านโดยไม่ต้องซื้อหวย คนกลุ่มที่ ๓) บางคนไปเป็นวิทยากร สอนบรรยาย ชั่วโมงหนึ่งก็ได้หลายพันบาท แต่กลุ่มคนที่ ๔) กว่าจะมีทุกบาททุกสตางค์นั้นยากแสนเข็ญ ไปทำงานทั้งวันได้ ๓๐๐ บาท ... ความเท่าเทียมมันไม่มีอยู่จริงดอก ... ด้วยเหตุนี้ผมจึงเห็นด้วยว่าต้องเอางบประมาณมาพัฒนาคนจนคนกลุ่มที่ ๔) ... เพียงแต่จะทำด้วยวิธีใด ให้มันแม่นยำกับคนที่ทำงานจริง ๆ

คำสอนของศาสนาพุทธ ไม่มีระบบวรรณะ ๔ นี้ ความพอเพียง พออยู่ พอกิน พึ่งตนเอง ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสอน ก็ไม่มีระบบ ๔ วรรณะนี้ มีแต่ความเมตตาต่อกัน สามัคคี และแบ่งหน้าที่กันทำ เรามีที่ดินเราปลูก เราผลิต โดยมีคุณธรรมนำความรู้ ความขยัน ประหยัด อดทน ทำให้เราตั้งตนอยู่ในกุศลมูล จึงมีความสุขอยู่ได้ตามอัตภาพ แบบนี้คนส่วนใหญ่จะอยู่ได้ ... ไม่อย่างนั้น เราก็จะไปถึงจุดที่ฮ่องกงเป็นอยู่ ณ ขณะนี้ 

... นี่คือความเข้าใจในคำสอนในหลวงของผม

คำสำคัญ (Tags): #ปศพพ.#ฮ่องกง
หมายเลขบันทึก: 667560เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2019 02:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน 2019 04:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท