เมื่อเป็นความต้องการของน้อง ๆ ครูของโรงเรียน ที่จะ " พาพี่ใหญ่"
ก็คือ " ครูมะเดื่อ" ไปพักผ่อนหย่อนใจ ก่อนที่จะ " อำลาสีกากี" ในอีก
๒ เดือนข้างหน้า คุณมะเดื่อก็ขอตามใจน้อง ๆ โดยที่น้อง ๆ ถามคุณมะเดื่อ
ว่า...จะไปที่ไหนดี...คุณมะเดื่อจึงบอกว่า ...." ไปพะโต๊ะกันไหม...
เพราะคุณมะเดื่อก็มีโปรแกรมที่จะลงไปพะโต๊ะอยู่แล้ว...เนื่องจากช่วงนี้
เป็นช่วงที่ ... ทุเรียน...และ ... มังคุด กำลังสุกพอดี..."
น้อง ๆ ครู ก็ตอบตกลง...และให้คุณมะเดื่อจัดโปรแกรมการทัวร์ด้วย...
คุณมะเดื่อจึงจัดรายการให้คือ....เข้าพักแรมที่ " ภูขวัญเมืองรีสอร์ท"
ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่คุณมะเดื่อไปพักอยู่ประจำเมื่อไปพะโต๊ะ เป็นรีสอร์ท
ที่บรรยากาศดีมาก ๆ จากนั้นก็จะเป็น..." ล่องแพ..แลสวน...ชวนไปออนเซ็น"
น้อง ๆ ครู ก็ตกลงเพราะยังไม่เคยไปสัมผัสกับบรรยากาศพะโต๊ะเลย...
( แล้วอย่างนี้...ตกลงว่า...ใครพาใครไปเที่ยวกันแน่เนี้ยะ...! )
โปรแกรมทัวร์พะโต๊ะ ก่อนอำลาสีกากี ดูลงตัวมาก เมื่อติดต่อจองรีสอร์ท
เรียบร้อยแล้ว และตกลงว่า จะเดินทางโดยรถบัสนำเที่ยวของครูต้อย
และกำหนดวันและเวลาในการเดินทางเรียบร้อยแล้ว...แต่จู่ ๆ ครูต้อย
ต้องเข้าผ่าตัดไส้ติ่งด่วนก่อนหน้าวันเดินทางเพียงวันเดียว...ทำให้
พ่อบ้านของครูต้อยไม่สามารถขับรถไปให้พวกเราได้...! พวกเราจึง
ต้องคิดแก้ไขปัญหาเป็นการด่วน ครั้นจะเปลี่ยนรถก็น่าจะติดต่อไม่ทันแล้ว
จะเลื่อนกำหนดไป ก็กระทบกับทางรีสอร์ทที่เขาปิดรีสอร์ทเพื่อให้คณะเรา
ได้เข้าพัก เขาก็จะเสียลูกค้าอื่น ๆ ที่จะเข้าพัก จะทำไงดีล่ะ..!
คุณมะเดื่อจึงเสี่ยงดวงให้น้องครูอีกคนหนึ่งติดต่อไปที่รถทัวร์อีกคันหนึ่ง
ที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น...โชคดีจริง ๆ รถคันนั้นไม่ติดงานที่อื่น ทำให้สามารถ
พาพวกเราล่องพะโต๊ะได้....ทำให้ทุกคนพากันหายใจอย่างโล่งอก...เฮ้อ..!
คุณมะเดื่อ และพ่อบ้านได้ติดต่อไปทางหลาน ๆ ที่เป็นญาติ ๆ ซึ่งอยู่
ที่พะโต๊ะไว้แล้ว ในเรื่องของการล่องแพ การเที่ยวสวนผลไม้ และ
การบริการรถกระบะสำหรับเดินทางจากรีสอร์ทเพื่อเข้าสวน
เมื่อถึงเวลาเดินทาง...คุณมะเดื่อกับพ่อบ้านเดินทางไปด้วยรถส่วนตัว
ก่อน เพื่อติดต่อประสานงานกับหลาน ๆ ส่วนคนอื่น ๆ นั่งรถบัส
ตามไป ก็รวม ๆ ลูกเด็กเล็กแดงด้วยแล้ว ประมาณ ๓๐ คนเศษ ๆ
เมื่อเดินทางไปถึงรีสอร์ท ฝนก็ตกลงมาค่อนข้างหนาเม็ด...ทุกคน
เริ่มใจฝ่อ...เพราะฝนจะเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งกับทุกรายการที่จัดไว้
คุณมะเดื่อจึงขอพึ่งบารมีของ " หลวงพ่ออินทร์" แห่งวัดอู่ตะเภา
ขอให้ท่านช่วยหยุดฝนไว้สัก ๒ วัน ให้ทุก ๆ คนได้พักผ่อนและ
มีความสุขกับกิจกรรมต่าง ๆ นั้น.....ท่าน ผอ.รร.แซวว่า.." หลวงพ่ออินทร์
อยู่โน่น...จะได้ยินหรือ " คุณมะเดื่อตอบว่า..." กระแสจิตส่ื่อถึงท่านได้นะ"
และ....ก็เป็นไปอย่างที่คุณมะเดื่อขอกับหลวงพ่ออินทร์...
เพราะไม่กี่นาทีต่อมาฝนก็หยุดตก เหลือแต่ความเย็นชื่น
จากสายลมและละอองฝนที่พัดผ่านไป...! ( ต้องบอกว่า
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ) คุณมะเดื่อจึงบอกน้อง ๆ ครูว่า ..." กลับไปถึง
โรงเรียนต้องช่วยกันปิดทองหลวงพ่ออินทร์นะ..."
(ถึงตอนนี้...คุณมะเดื่อก็ปิดทองหลวงพ่อแล้วนะ
แต่น้อง ๆ ครูไม่ได้ไปช่วย เด็ก ๆ ป.๑ ของคุณมะเดื่อไปช่วยกัน
ปิดทองแทน..คุณมะเดื่อจึงถือโอกาสสอนวิชาสังคมศึกษา
ให้กับเด็ก ๆ เรื่อง ประวัติหลวงพ่ออินทร์ และการปิดทองพระ
ไปด้วยเลย )
เมื่อฝนหยุด หลานเล็ก และหลานดำ ที่คุณมะเดื่อติดต่อไว้ ก็นำรถกระบะ
พาคณะครูไปชมสวนผลไม้ของหลานดำทันที ที่สวนของดำ มีทั้งมังคุด
และทุเรียน และยังมีผลไม้อื่น ๆ ปะปนกันไป น้อง ๆ ครูตื่นเต้นกับการ
เก็บมังคุดสุก และกินทุเรียนใต้ต้นทุเรียนกันมาก ทั้งเก็บทั้งกินสนุกสนาน
กับการเที่ยวสวนผลไม้ ในวันนี้ บางคนอาจเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเก็บมังคุด
สุก ๆ บางคนไม่เคยเห็นลองกองสุกคาต้น ก็ได้เห็นในครั้งนี้ หลานดำเจ้าของสวน
ก็บริการดีเหลือเกิน ใครจะเก็บใครจะกินเท่าไรก็ตามสะดวก
เกือบสองชั่วโมงในสวนผลไม้นี้....ก่อนออกจากสวนหลานดำ น้อง ๆ ครูได้ซื้อ
มังคุดติดมือกันมาด้วยคนละหลายกิโล .... ออกจากสวนของหลานดำ ก็ไปยัง
สวนผลไม้ของพี่ดา ญาติอีกคนหนึ่งของคุณมะเดื่อ ซึ่งที่สวนนี้ คนงานกำลัง
เก็บมังคุดอยู่ มีมังคุดที่เก็บจากต้นใหม่ ๆ ให้ได้ซื้อหากัน นอกจากนี้
ยังมีสะตอสด ๆ ฝักสวย ๆ และทุเรียนให้ได้ชิมและช้อปกันอีกด้วย
น้อง ๆ ครูจึงได้เพลิดเพลินกับการชิมและช้อปกันอีกครั้ง
ออกจากสวนผลไม้เกือบ ๆ บ่ายโมง แม้จะเลยเที่ยงแต่ดูว่า อาการหิว
ยังไม่ปรากฏชัดเจนจากทุก ๆ คนนัก คงเป็นเพราะมีผลไม้ตุนอยู่
ตลอดเวลานั่นเอง....มื้อเที่ยงนี้ ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากหลาน ๆ
เจ้าของบ้านและเจ้าของสวนอีกเช่นกัน...อาหารพื้นบ้านที่ปรุงจาก
วัสดุธรรมชาติสด ๆ รสอร่อยถูกปากทุก ๆ คน น้อง ๆ บอกว่า...
อร่อยสุด ๆ โดยเฉพาะน้ำพริกและผักกูดลวก ที่เก็บมาสด ๆ
ทั้งกรอบ ทั้งหวานอร่อยมาก ๆ
อิ่มกับมื้อเที่ยง พักกันเล็กน้อย ก็ได้เวลารายการ " ล่องแพพะโต๊ะ"
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีน้อง ๆ หลายคนบอกว่า จะไม่ลงแพ เพราะเกรง
น้ำจะลึก กลัวอันตราย แต่...พอได้เห็นน้ำที่ใสไหลรินและตื้นมาก
ก็เปลี่ยนใจกันเกือบทุกคน มีเพียง ผอ.รร.และน้องครูที่เป็นหวัด
กับลูกของน้องอีกคนที่ไม่ลงแพ นอกนั้นเดินลิ่วลงแพทันที
ครูน้องแป้งบอกว่า..." เข้าสวนก็เรียกว่าไฮไลท์แล้ว พอลงแพ
ก็กลายเป็นไฮไลท์สุด ๆ ไปเลย"
ตลอดเวลาเกือบสามชั่วโมงของการล่องแพ หลานดำ หลานเล็ก
และเหลนตัวน้อย (ลูกของหลานดำ) ซึ่งรับหน้าที่เป็นสารถีถ่อแพ
พาพวกเราล่องกระแสน้ำใส ๆ คลองพะโต๊ะ ได้หยุดแพให้พวกเรา
ได้เล่นน้ำ กระโดดน้ำ กันอย่างสนุกสนานสุด ๆ เป็นระยะ ๆ
น้อง ๆ ครูเล่นน้ำกันจนเหนื่อย แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะขึ้น
จากแพ แม้แพจะจอดเทียบท่าแล้ว... ! เล่นน้ำกันไปก็ตะโกนกัน
โหวกเหวก หยอกล้อกันเฮฮา ลั่นคลองทีเดียว นับเป็นความสนุกที่
ประทับใจของทุก ๆ คนไปอีกนาน...ขึ้นจากแพ รถกระบะของหลาน ๆ
พาเราไปส่งที่รีสอร์ท และนัดหมายกับหลาน ๆ ว่า เย็นนี้ให้มากินมื้อเย็น
ที่รีสอร์ทด้วยกัน
คืนนั้น ทุกคนคงนอนหลับอย่างง่ายดาย ด้วยคงเหนื่อยและเพลีย
จากการเดินทางและการ ล่องแพ แลสวน กันมาทั้งวัน แต่ทุกคน
ก็บอกว่า จะตื่นแต่เช้าเพื่อดูหมอกที่อยู่ตามหุบเขารอบ ๆ ที่พักใน
ยามเช้า.....
เช้าตรู่ น้อง ๆ ครูตื่นมาเดินรอบ ๆ ที่พัก ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก แต่หมอก
ในวันนี้ มีไม่มากนัก คงเพราะ ปีนี้ฝนมีน้อย ความชื้นจึงไม่มากก็เป็นได้
แต่อากาศยามเช้าที่สดชื่นเย็นสบาย ทำให้ทุกคนสดชื่นเป็นพิเศษ
อาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้คือ ข้าวต้ม กาแฟ โอวัลติน ปลาท่องโก๋
และผลไม้ตามฤดูกาลที่พูนถาด คือ เงาะและมังคุด ทุกคนรับประทาน
กันอย่างไม่รีบร้อน
เช้าวันนี้ตรงกับวันที่ ๒๙ กรกฎา เป็นวันคล้ายวันเกิดของเจ้าตัวเล็ก
ครบ ๖ ขวบ พอดี จึงมีการอวยพรเล็ก ๆ กันนิดหน่อย
หลังอาหารเช้า พวกเราก็อำลา " ภูขวัญเมืองรีสอร์ท" มุ่งหน้าสู่
" อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว " แห่งระนอง โดยที่หลานดำ หลานเล็ก
และน้อง ๆ มาส่งพวกเราด้วย คุณมะเดื่อกับเจ้าตัวเล็กเดินทางกลับ
กับรถบัส ส่วนพ่อบ้าน ต้องเอารถไปเช็คระบบแอร์ก่อน และแวะขึ้นไป
ที่สวนบนภูเขาของหลานอีกคน เพื่อเก็บเงาะและทุเรียนเป็นการฆ่าเวลา
ระหว่างรออู่เช็คแอร์ สวนบนภูเขานี้ ก็เป็นอีกสวนที่คณะครูจะเดินทาง
ขึ้นไปชมและชิมผลไม้ แต่เมื่อวันที่มาถึงฝนตก ทางลื่น รถไม่สามารถ
ขึ้นได้สะดวกจึงไม่ได้ขึ้นไปชม
จากน้ำตกหงาว คุณมะเดื่อก็พาทุก ๆ คนมา " ออนเซ็น" ที่น้ำพุร้อนพรรั้ง
ซึ่งที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่มีเสียงบ่นจากน้อง ๆ ครูว่า ..." มีเวลาแวะน้อยจัง..เสียดาย"
ทุก ๆ คนติดอกติดใจกะการแช่น้ำแร่อุ่น และความสวยงามของธรรมชาติมาก
ออกจากน้ำตกหงาว จึงมุ่งสู่ " ทับหลี" ดินแดนซาลาเปาเลี่องชื่อ
แวะกินมื้อเที่ยง ซื้อซาลาเปาเป็นของฝากทางบ้าน และแวะร้านทุเรียน
รายทางเพื่อซื้อกลับบ้านกันอีก....ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ...ก้อ...สามทุ่มกว่า
ต้องขอขอบคุณน้อง ๆ ครูที่กรุณา...พาคุณมะเดื่อ...ไม่ใช่สิ...
ให้คุณมะเดื่อพาเที่ยว... จึงจะถูก...ฮ่า ๆๆๆๆ
แต่...ที่คุณมะเดื่อประทับใจสุด ๆ ในทริปนี้ก็คือ...น้ำใจไมตรี...
ของหลาน ๆ และญาติ ๆ ของพ่อบ้านและของคุณมะเดื่อที่พะโต๊ะ
ที่ให้การต้อนรับอย่างดียิ่งจนต้องบอกตามตรงว่า...เกรงใจสุด ๆ
น้อง ๆ ครูเองก็บอกว่า ประทับใจมาก ๆ กับการต้อนรับที่เป็นกันเอง
ถ้าจะมีการให้คะแนนกับการต้อนรับในครั้งนี้ ก็จะให้เต็ม ๑๐๐ คะแนน
ไปเลย...ขอบคุณจริง ๆ ทุก ๆ คน โอกาสหน้าหากได้มาสามอ่าว
คุณมะเดื่อจะขอต้อนรับทุก ๆ คนอย่างเต็มที่และเต็มกำลัง
เป็นการตอบแทนจ้ะ ขอบคุณอีกครั้งจากใจจริง
ไม่มีความเห็น