ความสุขทางพระพุทธศาสนาแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1.โลกียสุข เป็นความสุขของปุถุชน หรือฆราวาสผู้ครองเรือน ซึ่งยังคงพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติและวัตถุต่างๆ
2. โลกุตตรสุข เป็นความสุขของผู้สิ้นกิเลส ไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติหรืออารมณ์ใดๆเป็นความสุขของผู้สำเร็จอรหัตผลแล้ว
จะเห็นได้ว่าแม้พระพุทธศาสนาจะสอนเรื่องความสุขที่สูงกว่าเศรษฐกิจ แต่พระพุทธศาสนามิได้มองข้ามโลกียสุข ซึ่งเป็นความสุขทางเศรษฐกิจของฆราวาสผู้ครองเรือน
ทางพระพุทธศาสนานอกจากจะยอมรับความสุขทางเศรษฐกิจหรืออามิสสุขแล้ว ยังได้แนะนำให้รู้จักสุขอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ได้เจือด้วยอามิส ซึ่งเป็นความสุขที่เกิดจากการบรรเทาความต้องการและความทะยานอยากให้น้อยลง เป็นความสุขที่เกิดจากการเสียสละ คือแทนที่จะแสวงหาสิ่งของมาบำบัดความต้องการที่ไม่รู้จักพอ ก็หันมาหาความสุขจากการดับความต้องการ และแทนที่จะหาความสุขจากการแสวงหาทรัพย์ ก็หันมาหาความสุขจากการเสียสละทรัพย์เพื่อสาธารณประโยชน์หรือช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ในทางเศรษฐกิจเศรษฐีมีทรัพย์ย่อมมีความสุขมากกว่ายาจกที่ยากไร้ แต่ในทางพระพุทธศาสนา ยาจกอาจมีความสุขมากกว่าเศรษฐีก็ได้ ในทางพระพุทธศาสนาผู้มีทรัพย์หรือยากไร้ อาจหาความสุขได้เท่าเทียมกัน หากรู้จักควบคุมจิตใจและความอยากของตน
จะเห็นได้ว่าพระพุทธศาสนาได้ให้ความสุขกว้างขวางกว่าเศรษฐกิจมาก พระพุทธศาสนามีความสุขที่จะให้แก่คนทุกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะมีทรัพย์หรือยากไร้ โดยต้องมีธรรมะเป็นเครื่องป้องกันและแก้ไขมิให้จิตใจเป็นทาสของความโลภ โกรธ หลง จนเกินไป
(ธเนศ ขำเกิด ประมวลสรุปจากหนังสือพื้นฐานวัฒนธรรมไทย ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2555)
ไม่มีความเห็น