เขย่าเลือกตั้งท้องถิ่น : ตอนที่ 2


เขย่าเลือกตั้งท้องถิ่น : ตอนที่ 2

13 กรกฎาคม 2562

ทีมวิชาการสมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย [1] 

ผลสรุปนิด้าโพลพบว่ามีคนอยากไปเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นรวมร้อยละ 76.95 ที่ไม่อยากไปเพียงร้อยละ 20.66 เป็นตัวเลขที่น่าสนใจ [2] แสดงให้เห็นว่าต้องมีผลมากต่อการพัฒนาท้องถิ่นสูง เพราะปกติในการเลือกตั้งมักมีข้อต่อรองทางการเมืองกัน การอยากให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นมาก แน่นอนว่าการต่อรองทางการเมืองในระดับชาติที่ลงตัวยาก กำลังเคลื่อนย้ายกันไปต่อรองในระดับท้องถิ่น เป็นการวิเคราะห์การเมืองท้องถิ่นที่ค่อนข้างยาก การมองการเมืองท้องถิ่นนอกจากมองในระดับมหภาคแล้ว ยังต้องมองไปที่จุดเล็ก ๆ ด้วย ความแตกต่างระหว่าง อปท.เล็ก ๆ กับ อปท. ใหญ่ ในเขตเมืองย่อมมีบริบทที่แตกต่างกันมากในตัวของมันเอง ดังนั้นการเลือกตั้งท้องถิ่นย่อมแตกต่างกันระหว่าง อปท.ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อปท.ในชนบท กับ อปท. ในเมือง อปท. ระดับบน กับ อปท.ระดับล่าง รวมทั้งแตกต่างจาก อปท. เมืองพิเศษ เช่น กทม. และ เมืองพัทยา

แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของการเมืองท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นมีวัฒนธรรมขององค์กร (Organization Culture) [3] ที่เป็นของตัวเองค่อนข้างสูง โดยเฉพาะท้องถิ่นที่ยังมีความเป็น “ชนบทหรือกึ่งเมืองกึ่งชนบท” ที่มีจำนวนมากเกินกว่าร้อยละ 50 ของ อปท.ทั่วประเทศ จากประสบการณ์ของท้องถิ่นที่เริ่มตั้งไข่จากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เกิด “องค์การบริหารส่วนตำบล” (อบต.) พ.ศ. 2537 และ การยกฐานะ “สุขาภิบาล” เป็น “เทศบาลฯ” (ตำบล) พ.ศ. 2542 พัฒนาการท้องถิ่นเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดด มีการยื้ออำนาจการถ่ายโอนภารกิจ และ การควบคุมกำกับดูแลมาตลอดถึงปัจจุบันรวม 20-25 ปี หากนับจากกฎหมายกระจายอำนาจปี 2543 [4] ที่มี “แผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.” ในปี 2544 รวม 18 ปี หากเป็นคนก็ถือว่าเป็นวัย “หนุ่มสาว” นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงการจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2546 [5] รวม 15 ปี จากกระทรวงมหาดไทยมาให้ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) ดูแลการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่มองเห็นความล้มลุกคลุกคลานของท้องถิ่นได้

สับสนมากกับวันเวลาแห่งการรอคอย(การเลือกตั้ง)

ข่าวการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ค่อนข้างสับสนและไม่แน่นอน แม้ ณ เวลาที่เขียนบทความฉบับนี้ คนท้องถิ่นเริ่มขาดความเชื่อมั่น เพราะผู้มีอำนาจในการกำหนดว่าให้มีการเลือกตั้ง อปท. ได้ ก็คือ (1) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ (2) คณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น [6] แม้ข่าวการเลือกตั้งท้องถิ่นมีเบาะแสค่อนข้างเชื่อจะมีมาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2562 แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ร่วมสามเดือนแล้ว ยังไม่มีวี่แววใด ๆ ที่ชัดเจนจากผู้มีอำนาจดังกล่าวว่าจะให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น แม้ข่าวเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2562 กกต. ให้ข่าวว่าต้องให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้เสนอกำหนดวันเลือกตั้ง แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ข่าวว่าต้องให้ คสช.เป็นผู้พิจารณา ทั้ง ๆ ที่ คสช. กำลังจะหมดอายุ เพราะหากมี ครม.เมื่อใด คสช.ก็หมดอำนาจ ซึ่ง ณ วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ก็ได้มีพระบรมราชโองการฯประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีแล้ว [7] ดังนั้น อำนาจในการกำหนดวันเลือกตั้งจึงเป็น ของ ครม. รอจนกว่า ครม.จะเข้ารูปเข้ารอย แต่หวังว่าคงไม่มีการตีลูกยาวนานหลายเดือนแน่นอน เพราะ ประชาชนคนท้องถิ่นนั่งเฝ้ารอวันเลือกตั้งมานานร่วม 5 ปีแล้ว หรือว่า คน อปท.เคยชินที่ถูกกดทับมานานด้วยอำนาจสารพัด [8] หรือ คสช.ไม่แตะต้อง อปท. เป็นสื่อนัยว่า ไม่ได้เลือกตั้งท้องถิ่น รัฐบาลก็อยู่ได้ อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่า เป็นวิกฤติในการตัดสินใจอย่างยิ่งว่า “แล้วแต่การตัดสินใจของ ครม. ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์โดยรวมของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะมันมีทั้งคนได้โอกาสกับคนที่เสียโอกาส”

ด้วยสถานการณ์ที่มักพลิกผัน และการจัดสรรผลประโยชน์ทางการเมืองที่ลงตัว​ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการขยับวันเลือกตั้งท้องถิ่นออกไปเรื่อยๆ คนท้องถิ่นมีความหวังลึกๆว่า ให้รัฐบาลรีบจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นตามกติกาโดยเร็ว ปัญหาต่างๆ ในท้องถิ่นก็จะลดลง ไม่จำต้องชะลอหรือดองเรื่องไว้ เพราะว่าประชาชนยังทุกข์ไม่พอหรือจนยังไม่พอหรือเดือดร้อนยังไม่พอ จึงยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ให้ฉายาประเทศไทยย้ำไว้เด็ดขาดว่า “ไทยเป็น 'ผู้ป่วย' แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” [9] เพราะ การเมืองที่อ่อนแอ และ เศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศไทย รวมถึงการส่งออก

ห้วงเวลาแห่งการรอคอย(การเลือกตั้ง)

การเริ่มรอการนับวาระเวลาการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นห้วงเวลาแห่งการตกแต่งเตรียมการ เช่น [10](1) การรอประกาศ อบต. ยกฐานะเป็นเทศบาลจำนวน 58 แห่ง (2) การให้นายอำเภอประกาศเขตหมู่บ้านเป็นเขตเลือกตั้ง อปท.กรณี ควบรวม (3) การส่งคนลงสมัครเลือกตั้ง ใน อปท.ใกล้เคียง ในกลุ่มเครือญาติธุรกิจของนักการเมือง (4) ว่าที่ผู้สมัครนายกฯและสมาชิกสภาฯ ต้องศึกษานิยาม กฎระเบียบ เลือกตั้งท้องถิ่นให้เข้าใจเสียก่อน (5) กระแสข่าวการคัดค้านการถ่ายโอน รพ.สต. 132 แห่งให้ อบจ. แต่จะให้เป็นอยู่เทศบาลและ อบต.แทน (6) ข่าวการต่อรองให้เพิ่มเงินค่าตอบแทนให้แก่สมาชิกสภาท้องถิ่นร้อยละ 30 และ ผู้บริหารท้องถิ่นร้อยละ 25-30 หวังว่า ห้วงเวลาแห่งการรอคอย คงมิใช่ว่า เมื่อส่วนหัวไม่เดิน แต่องค์กรอิสระ(กกต.) ก็เคลื่อนไหวเพียงเพื่อให้ดูได้ว่า พร้อมทุกอย่างแต่รอที่อำนาจสั่งการเท่านั้น

ถือเป็นการครอบงำโดยนักธุรกิจข้ามจังหวัดที่มีความมุ่งหวังการเข้าครอบงำธุรกิจในระดับเมือง โดยอาศัยอำนาจทางการเมืองท้องถิ่น ที่ไม่สามารถแยกแยะ ความเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือการทับซ้อนผลประโยชน์และอำนาจในตำแหน่ง ความมุ่งหวังเอาอำนาจบริหารท้องถิ่น เอื้อประโยชน์ กลุ่มเครือญาติ กลุ่มธุรกิจของตน ทำให้การบริหารท้องถิ่น พิกลพิการ ไม่ตอบโจทย์การพัฒนาและการแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น ยิ่งทำให้เกิดความล้าหลังกว่าห้วงเวลาก่อนการถ่ายโอนอำนาจเสียอีก

ที่ผ่านมาภาคอีสานไม่ใช่เพียงแหล่งซื้อเสียง ซื้อขายตำแหน่งเท่านั้น ภาคอื่นเช่นภาคใต้หลายแห่งก็เกิดวิกฤตการณ์ดังเช่นภาคอีสาน หรือภาคอื่น ๆ ก็เช่นกัน การซื้อขายสิทธิเลือกตั้ง อาจไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ก็เป็นการซื้อเสียงได้ ภาคใต้ ภาคตะวันออก บางแห่ง หน่วยตรวจสอบ หน่วยกำกับดูแล ไม่สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องต่อสู้กับอำนาจบารมีของนักการเมืองท้องถิ่น ระบบถูกครอบงำมาถึงระบบราชการ เป็นน้ำท่วมปากพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จึงเป็นเรื่องยากมากในการปรับแก้ทัศนคตินักการเมืองท้องถิ่นในระยะเวลาสั้นๆ  เพราะความเป็นพรรคพวกสำคัญกว่าระเบียบกฎหมาย ที่ไม่สามารถแยกแยะส่วนรวมส่วนตนออกจากกันได้ ความถูกต้อง ก็คือความพึงพอใจของ นายกฯ สมาชิกสภาฯ และหัวคะแนน หาใช่กฎกติกาหรือระเบียบใด ๆ ไม่

พรรคการเมืองทางเลือกใหม่จะลุยสนามท้องถิ่น

กว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวพรรคการเมืองเตรียมส่งผู้สมัครลุยการเมืองท้องถิ่น มีการผนึก “นักเลือกตั้ง” การโยนหินถามทางช่วงชิงพื้นที่ในเมืองใหญ่ [11]ถึงขนาดมีการอาสา “ติวเทคนิคในการหาเสียงออนไลน์ ให้แก่นักเลือกตั้งท้องถิ่น” ด้วย ช่างเป็นที่น่าหอมหวนของ “พรรคการเมืองทางเลือกใหม่” (Alternative) ยิ่งนัก แม้พรรคฝ่ายร่วมรัฐบาลก็ยังมีความหวังลุยท้องถิ่นเช่นกัน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ราบรื่นสำหรับนักการเมืองท้องถิ่นหน้าใหม่ ที่ต้องฝ่าผจญกับนักการเมืองเก๋าเกมส์ลายครามในพื้นที่ ดังที่กล่าวแล้วว่า บริบทของท้องถิ่นเล็กใหญ่ที่แตกต่างกันเป็นอุปสรรคตัวสำคัญสำหรับนักการเมืองหน้าใหม่ในพื้นที่ เพราะ สภาพสังคมชนบทแบบพี่น้องที่เล็ก ๆ ที่คนหน้าใหม่ย่อมไม่สามารถผ่านด่านนี้ได้ แต่ในสนามการเมืองท้องถิ่น “ใน อปท.เมืองใหญ่” การคัดสรรนักเลือกตั้งหน้าใหม่ที่เหมาะสมลงสนามอาจประสบผลสำเร็จได้ ด้วยปริมาณของสังคมเมือง “ที่มีคนรุ่นใหม่และคนหัวใหม่” ที่แฝงด้วยจำนวนที่มากพอสมควร เป็นความหวังว่า “พรรคการเมืองทางเลือกใหม่” ย่อมทำได้ ด้วยหวังว่า คนใหม่น่าจะเป็นคำตอบ สำหรับคนท้องถิ่นที่ยังไม่เจอคำตอบ (ทางออก)

เพราะเป้าหมายของพรรคการเมืองประเภทนี้ก็คือต้องสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ที่อยากเปลี่ยนแปลง และต้องสื่อถึงแก่นแกนสังคม ที่คนรุ่นใหม่หัวใหม่เขาเข้าใจด้วย มิใช่ไปเอานักการเมืองเก่าหน้าเก่า หรือ พวกสอบตกมาปัดฝุ่นเป็นตัวแทน เพราะหากทำเช่นนั้น ก็อย่าหวังโกยคะแนนจากคนรุ่นใหม่หัวใหม่ได้เลย ที่พวกเขาเหล่านั้นเชื่อว่า มันไม่สามารถตอบโจทย์ (ตัวเชื่อม) ให้แก่สังคมของเขาที่เป็นจริงได้ และแน่นอนว่าคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามใหม่ของสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นที่แก้ไขกฎหมายจัดตั้งให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 แล้วนั้น จะเอื้อประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีที่สุด ได้แก่ (1) กรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ที่ทุจริตหรือประพฤติมิชอบ [12] ให้ผู้มีอำนาจ (ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ) สอบสวนภายใน 60 วัน เมื่อทราบผลก็ประกาศให้ประชาชนทราบ (2) ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น จะมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาทั้งทางตรงทางอ้อม [13] กินผ่านโครงการต่างๆ ของท้องถิ่นแบบเดิม ๆ ไม่ได้อีกแล้ว

นักเลือกตั้งจากกลุ่มทุน

น่าวิตกยุทธวิธีหา “นักเลือกตั้งจากกลุ่มทุน” (นายทุน) ในท้องถิ่นที่ยังนิยมใช้กันอยู่ ที่สวนทางกับความเชื่อของคนรุ่นใหม่หัวใหม่ เป็นระบบทุนครอบงำที่เคยมีมาแต่ก่อน เช่น นายทุนใหญ่ธุรกิจต่าง ๆ ทั้งธุรกิจการเกษตร พืช การเลี้ยงสัตว์ การธุรกิจในพื้นที่ ฯลฯ ที่โดยพื้นฐานแล้วนายทุนเหล่านี้จะเป็นตัวแทนของนายทุนใหญ่ระดับชาติและหรือนายทุนข้ามชาติด้วย เช่น กระแสจีนนิยมที่แผ่ไพศาลในภูมิภาคนี้ ทุนจีนคอนเน็คชั่นจีน เช่น ในรูปของโรงไฟฟ้าขยะ ตามนโยบายรัฐบาล ด้วยเม็ดทุนมหาศาลที่น่ากลัว เพราะเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ผูกขาด (ฮุบ) เช่นการสัมปทานทาง หรือกรณีตัวอย่างธุรกิจเครือข่ายนายทุนข้ามชาติในการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ (Parts) ของสินค้าประกอบของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ไปตั้งโรงงานตามพื้นที่ต่างประเทศอื่น เพื่อลดต้นทุนการผลิตของบริษัทแม่ เช่น ชิ้นส่วนปั้มน้ำมันแบรนด์ดังของอเมริกาแต่อะไหล่ผลิตที่จีนทั้งสิ้นด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า การเคลื่อนย้ายโรงงานมาผลิตที่ประเทศไทยก็เช่นกัน เพื่อหวังลดต้นลดการผลิตของบริษัทแม่ อะไหล่รถยี่ห้อดังจากยุโรปทำในจีน รวมญี่ปุ่นด้วย นโยบายดึงทุนต่างประเทศของไทยต้องพึงระวังเพื่อปกป้องผลประโยชน์แก่คนไทยในระดับล่างด้วย เพราะ ณ ปัจจุบันมีเมกโปรเจคท์มากมายรออยู่ รวมทั้งโครงการ “คลองไทย” ด้วย เป็นต้น อำนาจการเมืองใหญ่ เป็นเวทีของ “ทุนข้ามชาติ” (Tran international) ที่อาจมาฮุบกิจการของคนไทยได้หมด อาทิ เหมืองแร่ (เหมืองทอง) บ่อน้ำมัน บ่อแก๊ส ฯลฯ  

  ระบบการตรวจสอบการบริหารประเทศจำต้องเข้มงวดมากขึ้น เพราะโอกาสที่จะเกิดการทุจริต ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ “การเสียค่าโง่” ของรัฐ ย่อมมีโอกาสมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เช่น การส่งส่วย หัวคิว เงินทอนโครงการเอื้อประโยชน์ แสวงประโยชน์ ผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ “การทุจริตเชิงนโยบาย” ฯลฯ  การตีลูกเซ่อ การตีกิน อยู่ที่สำนึกรับผิดชอบของคนในระดับบริหารเท่านั้น ประชาชนผู้ตรวจสอบขาดปัญญาตรวจจับได้ ไร้การตรวจสอบ นี่พาลไปถึงความท้อว่า “ทำให้ชาวบ้านเกิดความเคยชินว่าไม่ต้องเลือกตั้งก็ได้” เพราะชินแล้ว ทำอย่างไรก็ทำไปเถอะ

คำสั่ง คสช.ปลดล็อกแล้ว

9 กรกฎาคม 2562 มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับสุดท้ายที่ 9/2562 [14] ให้ยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช. 66 ฉบับ จากทั้งหมดที่ คสช. ได้ออกมากกว่า 200 ฉบับ แต่กลับ​ไม่ได้ยกเลิก คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่​ 1/2557 [15] ซึ่ง​เป็น​คำสั่งให้​ สมาชิก​สภาและผู้บริหาร​ท้องถิ่นทุกแห่งที่หมดวาระไปแล้ว​ดำรงตำแหน่ง​ต่อเป็นการชั่วคราว เมื่อ​ไม่ได้ยกเลิก​คำสั่งฉบับ​ดังกล่าว​ สมาชิก​สภา​และผู้บริหาร​ท้องถิ่น​ ก็​ต้องอยู่ต่อไป​จนกว่า​ ครม.จะเห็นชอบให้ กกต.ประกาศ​ให้​มี​การ​เลือกตั้ง ข่าวนี้มาพร้อมกับที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งคำสั่ง กกต. มอบหมายให้ “พนักงานฝ่ายปกรองและตำรวจชั้นผู้ใหญ่” รับแจ้งเหตุการณ์กระทำความผิด มาตรา 92 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 [16] และหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมอบหมายให้นายอำเภอปฏิบัติการแทน ตามมาตรา 71 แห่ง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไข (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 [17] ถือเป็นนัยสัญญาณบ่งชี้ถึงการวางแผนการเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว

เรามาดูว่าโอกาสวันแห่งการเลือกตั้งท้องถิ่นคงอีกไม่ช้า

[1]Phachern Thammasarangkoon & Watcharin Unarine, Municipality Officer ทีมวิชาการสมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย, หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ปีที่ 66 ฉบับที่ 43 วันเสาร์ที่ 13 - วันศุกร์ที่ 19  กรกฎาคม 2562, บทความพิเศษ หน้า 9, “วันเลือกตั้งท้องถิ่นคงอีกไม่ช้า”

[2]อยากไปเลือกตั้งท้องถิ่นหรือยัง! โพลชี้ปชช.58%อยากใช้สิทธิมาก ไม่คิดเปลี่ยนทุกตำแหน่ง, จาก Discover ใน Google, 10 กรกฎาคม 2562, https://www.naewna.com/politic/425424

[3]สรณะ เทพเนาว์, วัฒนธรรมองค์กรท้องถิ่น (Organization Culture), นายกสมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย, 17 กันยายน 2558, http://www.gotoknow.org/posts/594958   

[4]10 ปี การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น(พ.ศ.2543-2552): ฤาการเดินทางเพื่อกลับมา“หยุด” ตรงจุดเดิม, 4 ตุลาคม 2553, https://prachatai.com/journal/2010/10/31342

[5]พระราชกฤษฎีกา ให้ใช้พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 แก่การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพ.ศ. 2546 ให้ไว้ ณ วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2546, http://www.kodmhai.com/m8/New1/N38.html

& พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119/ตอนที่ 107/หน้า 1/17 ตุลาคม 2545, http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%A1111/%A1111-20-2545-a0001.htm 

[6]พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 142, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 50 ก วันที่ 16 เมษายน 2562 หน้า 258-313, http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/050/T_0258.PDF

[7]ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี, ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนพิเศษ 176 ง วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 หน้า 1-3, http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/176/T_0001.PDF

[8]องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ต้นทางการ ‘พัฒนา’ ที่ถูกกดทับด้วย ‘อำนาจ’ , salika, 21 กันยายน 2561, https://www.salika.co/2018/09/21/power-local-administrative-organization/   

... องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รอกินตามน้ำ ... นี่คือวิบากกรรม-ชะตากรรมของท้องถิ่นและผู้คนที่ไกลศูนย์อำนาจ!... สารพัดวาทกรรม… ‘ขาดความรู้’ ‘ขาดคน’ ‘ขาดทรัพยากร’ ‘มีปัญหาคอร์รัปชัน’ ‘ไม่โปร่งใส’ ‘ต้องระวังเรื่องความมั่นคง’...การคิดสร้างทำกิจกรรมทุกประเภท ที่พึงสร้างความก้าวหน้าให้ท้องถิ่น เกือบจะทั้งร้อยมักมากับผลประโยชน์ซ่อนเร้นอำพรางทั้งสิ้น... เหลือบแสวงประโยชน์ที่อยู่ต้นทางอำนาจ ลองพิจารณาดูถึงกรณีการจัดการขยะคงชัดเจน ... การสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับท้องถิ่นวันนี้ ต้องคิดใหม่หมด! ให้มุ่งไปที่การพึ่งพาความรู้ วิสัยทัศน์ และการมีส่วนร่วมจากชุมชนทั้งหมดในพื้นที่ เพราะโลกวันนี้ไม่ต้องการพึ่งพาอำนาจที่เลอะเทอะ ล้าหลัง โกงกิน มูมมาม อีกต่อไป!... ถ้าปรับตัวทำเรื่องนี้ไม่ได้ อำนาจที่กำกับควบคุมท้องถิ่นก็เป็นแค่ ‘อำนาจกดทับ’ ที่ฉ้อฉล ไร้ประโยชน์จริงๆ

[9]สื่อนอกย้ำไทยเป็น 'ผู้ป่วย' แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 26 มิถุนายน 2562, https://voicetv.co.th/read/fHmkyje6m?fbclid=IwAR2ECkP5kNsOIPW6LIQtpRTAojlBlkYV3m5JnR3GqtpWknuzd32E_J_CnV8     

[10]ข้อมูลบางส่วนมาจาก นายมานพ ปัทมาลัย นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (สนทท.), การประชุมสันนิบาตเทศบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ เมื่อ 8 กรกฎาคม 2562      

[11]พท.ขอปักธงการเมืองท้องถิ่นโคราช สร้างบรรทัดฐานขับเคลื่อนนโยบายส่วนกลาง ตอบโจทย์ “โคราชต้องเปลี่ยนแปลง”, 30 มิถุนายน 2562,  http://www.komkhaotuathai.com/content/14261  &  อนาคตใหม่ลุยการเมืองท้องถิ่น ผนึก “นักเลือกตั้ง” ปักหมุดโคราช, เจาะลึกทั่วไทย, SpringNews, 7 กรกฎาคม 2562, https://youtu.be/LJYdwnUIC_g & อนค.โคราช ใช้ไม้เด็ด สกัดกลุ่มการเมืองท้องถิ่นโยนหินถามทางใช้ชื่อ อนค.ประชาสัมพันธ์หาเสียง, 9 กรกฎาคม 2562, http://www.komkhaotuathai.com/content/14571  & “วิรัช”ลั่น มั่นใจ 100 % เลือกตั้งท้องถิ่นโคราช พปชร.ชนะแน่!!, สยามรัฐออนไลน์, 8 กรกฎาคม 2562,  https://siamrath.co.th/n/89447

[12]กรณีมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภา 

[1] ตาม มาตรา 36 วรรคสองและวรรคสาม [กรณีนายกฯ ตามมาตรา 36 (4)(5)] และมาตรา 11 วรรคสองและวรรคสาม [กรณีสมาชิกสภาฯ มาตรา 11 (4)(5)(6)] แห่ง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2562,
[2] ตาม มาตรา 48 ปัญจทศ วรรคสองและวรรคสาม [กรณีนายกฯ ตามมาตรา 48 (4)(5)] และมาตรา 19 วรรคสองและวรรคสาม [กรณีสมาชิกสภาฯ มาตรา 19 (4)(5)(6)] แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล ที่ 14 พ.ศ. 2562,
[3] ตาม มาตรา 64 วรรคสองและวรรคสาม [กรณีนายกฯ ตามมาตรา 64 (4)(5)] และมาตรา 47 ตรี วรรคสองและวรรคสาม [กรณีสมาชิกสภาฯ มาตรา 47 ตรี (4)(5)(6)] แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ 7 พ.ศ. 2562,
[4] ตาม มาตรา 50 วรรคสองและวรรคสาม [กรณีนายกฯ ตามมาตรา 50 (4)(5)] และมาตรา 19 วรรคสองและวรรคสาม [กรณีสมาชิกสภาฯ มาตรา 19 (4)(5)(6)] แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2562,
[5] ตาม มาตรา 53 [กรณีผู้ว่ากทม. ตามมาตรา 52 (4)(5)] และมาตรา 24 [กรณีสมาชิกสภาฯ มาตรา 23 (4)(5)(7)] แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 6 พ.ศ. 2562

ดูตัวอย่าง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ ส่วน อปท. อื่นก็เช่นกัน

กรณีนายก อบจ.ฯ

มาตรา 36 วรรคสองและวรรคสาม 

“เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงตาม (4) หรือ (5) หรือเมื่อได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าความเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงตาม (4) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่มีข้อสงสัยหรือได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี และดำเนินการวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนแล้วเสร็จหรือวันที่ได้รับผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน แม้ว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด เว้นแต่เพราะเหตุตาย หรือพ้นจากตำแหน่งไปแล้วเกินสองปี ในกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและไม่สามารถดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจขยายเวลาการสอบสวนออกไปได้อีกไม่เกินสามสิบวัน ทั้งนี้ การดำเนินการสอบสวนและวินิจฉัยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดวินิจฉัยว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตำแหน่งตาม (4) หรือ (5) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศคำวินิจฉัยให้ทราบทั่วกัน ไม่ว่าผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยในคำวินิจฉัยนั้นให้ระบุเหตุที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้ และให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่มีเหตุตาม (4) หรือ (5) แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานและการรับค่าตอบแทนที่ได้กระทำไปก่อนวันที่มีการประกาศคำวินิจฉัย ถ้าในขณะที่ประกาศคำวินิจฉัยดังกล่าวผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระหรือต่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกัน ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย และในกรณีที่เป็นผลให้ถูกห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้ถือว่าวันที่ประกาศคำวินิจฉัยเป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามดังกล่าว ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด”

กรณีสมาชิกสภา อบจ.ฯ

มาตรา 11 วรรคสองและวรรคสาม

“เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงตาม (4) (5) หรือ (6) หรือเมื่อได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้ใดสิ้นสุดลงตาม (6) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่มีข้อสงสัยหรือได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี และดำเนินการวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนแล้วเสร็จหรือวันที่ได้รับผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน แม้ว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด เว้นแต่เพราะเหตุตาย หรือพ้นจากตำแหน่งไปแล้วเกินสองปี ในกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและไม่สามารถดำเนินการสอบสวนกรณีตาม (5) หรือ (6) ให้แล้วเสร็จได้ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจขยายเวลาการสอบสวนออกไปได้อีกไม่เกินสามสิบวัน ทั้งนี้ การดำเนินการสอบสวนและวินิจฉัยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้นั้นสิ้นสุดลงตาม (4) (5) หรือ (6) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศคำวินิจฉัยให้ทราบทั่วกัน ไม่ว่าผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยในคำวินิจฉัยนั้นให้ระบุเหตุที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้ และให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดผู้นั้นสิ้นสุดตั้งแต่วันที่มีเหตุตาม (4) (5) หรือ (6) แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานและการรับค่าตอบแทนที่ได้กระทำไปก่อนวันที่มีการประกาศคำวินิจฉัย ถ้าในขณะที่ประกาศคำวินิจฉัยดังกล่าวผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระหรือต่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกัน ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย และในกรณีที่เป็นผลให้ถูกห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือใช้สิทธิเลือกตั้ง ให้ถือว่าวันที่ประกาศคำวินิจฉัยเป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามดังกล่าว ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด

[13]กรณีผู้บริหารท้องถิ่นต้องไม่กระทำการเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาหรือกิจการฯ ให้แก่ท้องถิ่น

[1] ตามมาตรา 44/3  วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2562,

[2] ตาม มาตรา 48 จตุทศ วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล ที่ 14 พ.ศ. 2562,

[3] ตาม มาตรา64/2  วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ 7 พ.ศ. 2562,

[4] ตาม มาตรา 49 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2562,

[5] ตาม มาตรา 51 วรรคหนึ่ง (3) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 6 พ.ศ. 2562

ดูตัวอย่าง พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัดฯ ส่วน อปท. อื่นก็เช่นกัน คล้ายกัน

มาตรา 44/3 วรรคหนึ่ง

“(3) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม”

มาตรา 44/3 วรรคสาม

“ให้นำความใน (3) มาใช้บังคับแก่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วยโดยอนุโลม”

ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยาฯ

มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

(3) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่เมืองพัทยา หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับเมืองพัทยาอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่ในส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนจำกัดอยู่ก่อนได้รับการเลือกตั้ง

พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร

มาตรา 51 วรรคหนึ่ง

(3) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่กรุงเทพมหานคร หรือมีส่วนได้เสียในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับกรุงเทพมหานครอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่ในส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนจำกัดอยู่ก่อนได้รับการเลือกตั้ง

[14]ปลดแอก!!‘วิษณุ’แย้ม‘บิ๊กตู่’ยกเลิกออกคำสั่ง‘คสช.’ฉบับสุดท้ายวันนี้, 9 กรกฎาคม 2562, https://bit.ly/2XAIc52 

& คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 9/2562 เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บางฉบับที่หมดความจำเป็น ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2562, ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม  136 ตอนพิเศษ 174 ง วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 หน้า 22-24, http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/174/T_0022.PDF

& คณะรักษาความสงบแห่งชาติ, วิกิพีเดีย, https://th.wikipedia.org/wiki/คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

[15]คำสั่ง คสช. สำคัญของ อปท. 2 เรื่องยังไม่ได้ถูกยกเลิก คือ

(1) คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 1/2557 (นายก และ ส.อปท. คนเดิมอยู่ปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว) เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2557, ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนพิเศษ 1 ง วันที่ 5 มกราคม 2558 หน้า 48-52, https://library2.parliament.go.th/giventake/content_ncpo/ncpo-head-order1-2557.pdf

(2) คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 8/2560 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560, ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 134 ตอนพิเศษ 54 ง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 หน้า 109-110, https://library2.parliament.go.th/giventake/content_ncpo/ncpo-head-order8-2560.pdf

NB :

เมื่อคำสั่ง คสช. ยังไม่ได้ถูกยกเลิก การยกเลิกคำสั่งนี้ ก็ต้องยกเลิกตามระบบกฎหมายปกติ (เพราะ ไม่มี คสช.ที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แล้ว) คำสั่งนี้ของ คสช. จึงยังอยู่ เหมือนเดิม และก็ยังมีผลใช้บังคับอยู่ไปเรื่อย ๆ ก.กลาง ยังคงมีหน้าที่สอบคัดเลือกบริหารอำนวยการฯ และสอบแข่งขันฯ และ ย้ายข้าราชการส่วนท้องถิ่นกรณีขัดแย้งฯ ได้อยู่

[16]หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0818.4/ว 2653 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 เรื่อง แจ้งคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง, http://www.dla.go.th/upload/document/type2/2019/7/22030_1_1562654188682.pdf?time=1562659634359

ตามคำสั่ง กกต. ที่ 204/2562 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 เรื่อง มอบหมายให้พนักงานฝ่ายปกรองและตำรวจชั้นผู้ใหญ่แจ้งความแทน กกต.ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562

[17]หนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ด่วนที่สุด ที่ มท 0804.5/ว2677 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 เรื่อง การมอบหมายให้นายอำเภอปฏิบัติการแทนตามมาตรา 71 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562, http://www.dla.go.th/upload/document/type2/2019/7/22031_1_1562655816046.pdf?time=1562673807683& http://www.dla.go.th/upload/document/type2/2019/7/22031_3_1562655980511.docx?time=1562673807683  

หมายเลขบันทึก: 663046เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2019 00:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 กรกฎาคม 2019 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท