หน้าแรก
สมาชิก
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง
สมุด
การศึกษาในจังหวัด...
การพัฒนาภาษาไทยใน...
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
การพัฒนาภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้
บทสรุปผู้บริหาร
ความก้าวหน้าของการพัฒนาภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้
...............
ความสำคัญของการพัฒนาภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ภาษาไทยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารของคนในชาติอีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา หาความรู้ ใช้ในการถ่ายทอดความรู้ และใช้ในการประกอบวิชาชีพ
พระราชปณิธานที่ให้กับประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สามารถพูดภาษาไทยได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ได้พระราชทานพระราชดำรัสในคราวเสด็จฯเยี่ยมราษฎรจังหวัดยะลา ณ คุรุสัมมนาคาร ภาคศึกษา ๒(สำนักงานศึกษาธิการภาค ๘ ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ ตอนหนึ่งว่า “.....การศึกษาที่นี่สำคัญมากให้พยายามจัดให้ดี ให้พลเมืองสามารถพูดภาษาไทยได้ แม้จะพูดได้ไม่มากนักเพียงแต่พอรู้เรื่องกันก็ยังดี เท่าที่ผ่านมาคราวนี้มีผู้ไม่รู้ภาษาไทยต้องใช้ล่ามแปล ควรให้พูดเข้าใจกันได้ เพื่อสะดวกในการติดต่อซึ่งกันและกัน.....” ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามลายูท้องถิ่นในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ในการติดต่อกับทางราชการหรือทางราชการจะใช้ข่าวสารไปถึงประชาชนก็ต้องใช้ล่ามแปลกันเป็นเรื่องสำคัญ
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี กำหนดนโยบายในบริหารประเทศในทุกด้านและขับเคลื่อนงานสร้างการรับรู้ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๒ แผนพัฒนาการศึกษาในระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๘๐)เพื่อให้การพัฒนาประเทศ เป็นไปตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชาอันส่งผลไปสู่ “ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”ในที่สุด
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
ได้นำนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ขับเคลื่อนงานการศึกษา การกีฬา คุณภาพชีวิตในสังคมทุกมิติการลดความเลื่อมล้ำและนำนโยบายของรัฐไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยการกำกับ ติดตาม ประเมินผลงานและบูรณาการการทำงานในพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพเพื่อสร้างสันติสุขที่ยั่งยืนในพื้นที่
การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพภาษาไทยในพื้นที่พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญและกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชาชน ได้ใช้ภาษาไทย ทั้งในด้านการพูด การอ่านการเขียน และการฟัง ใช้ในการสื่อสารระหว่างกันใช้ในการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น และเป็นเครื่องมือในการสอบเข้าทำงานราชการหรือเอกชนเพราะภาษาไทยจะเป็นวิชาที่ต้องสอบเป็นวิชาหลัก และหากภาษาไทยของเด็กเยาวชนในพื้นที่มีคุณภาพแล้ว จะนำไปสู่การเรียนในกลุ่มสาระอื่นๆได้ดี และจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ตามไปด้วย
กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้มี ศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต) หรือกระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้าและกำหนดให้มี “ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้”ขี้น ทำหน้าที่ด้านวิชาการ ภายใต้การกำกับงานของศปบ.จชต. เน้นการพัฒนาด้านการเรียนการสอนภาษาไทยในพื้นที่ บูรณาการการศึกษาทั้งภาครัฐเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้จัดการเรียนการสอนภาษาไทยระดับชั้นเรียนระดับโรงเรียนและหน่วยงานทางการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มีการกำกับติดตามความสำเร็จเป็นห้วงๆ โดยใช้เครื่องมือวัดที่มีมาตรฐาน จากสถาบันภาษาไทยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๔ ครั้งในแต่ละปีการศึกษาพร้อมกับการรายงานผ่านระบบออนไลน์ที่สามารถนำผลการสอบวัดไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาได้ถึงระดับชั้นเรียนและนักเรียนรายบุคคล
หลักการทำงานโดยกำหนดให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องมีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่มุ่งผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมมาเป็นทิศทางในการทำงาน โดยมีแผนงานโครงการกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติภายใต้แผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะ ๒๐ ปี(พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๘๐) โดยศูนย์พัฒนาการการเรียนการสอนภาษาไทยจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กำหนดแผนระยะกลาง ๔ ปี (พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๖๔) เพื่อให้การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยมาเป็นเรื่องเฉพาะเร่งด่วนให้เห็นผลในการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมในระยะสั้นและพัฒนาไปสู่การทำงานที่เป็นระบบในระยะกลางและระยะยาวต่อไป
การจัดเรียนการสอนภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดำเนินการตามแผนการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔)ภายใต้วิสัยทัศน์ “การยกระดับการใช้ภาษาไทยให้มีคุณภาพ มุ่งเน้นการพูด การฟังการอ่าน การเขียน และ ใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ตั้งแต่ก่อนระดับประถมศึกษาเป็นต้นไป เพื่อการดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข”
ความก้าวหน้าในการพัฒนาภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้
แนวทางในการทำงานในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยระยะ ๔ ปี(พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๖๔) ได้กำหนดเป้าหมายไว้เป็นระยะๆ และในปีการศึกษา ๒๕๖๑ มีผลงานที่ประสบความก้าวหน้าในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมประกอบด้วย
๑.)ได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำหนดให้จัดตั้งศูนย์ภาษาไทยขึ้นในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา และสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด/อำเภอใน ๕จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุน กำกับและติดตามประเมินผลการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาของรัฐเอกชน และประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อย่างจริงจังโดยมีรองผู้อำนวยการสำนักงานเป็นประธานและศึกษานิเทศก์หรือนักวิชาการศึกษาเป็นเลขานุการขับเคลื่อนงานในรูปแบบคณะกรรมการศูนย์ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาษาไทยเป็นคณะทำงานด้วย
๒.)ได้จัดงานแสดงผลงานนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อคัดเลือกสื่อนวัตกรรมการสอนภาษาไทยที่ดีมีประสิทธิภาพในพื้นที่ จำนวน ๕๐นวัตกรรม และแสดงผลงานให้ผู้บริหาร ครูผู้สอนภาษาไทยในพื้นที่ และผู้สนใจเข้าชมผลงานและนำไปประยุกต์ใช้ที่ชั้นเรียนผ่านสื่อนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ โดยมีผู้มาเยี่ยมชม จำนวน ๓,๐๐๐ คน ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ ศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาพร้อมกับจัดพิมพ์เอกสารผลงานนวัตกรรม เผยแพร่ไปยังสถานศึกษาและสาธารณชน จากการประเมินผลโรงเรียนได้นำองค์ความรู้ไปต่อยอดในชั้นเรียนเกิดนวัตกรรมด้านภาษาไทยในพื้นที่จำนวนมาก
๓.)ได้ดำเนินการประกวดการเขียนเรียงความนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาโดยกำหนดแนวทางการเขียนเรียงความเพื่อส่งเสริมภาษาไทยและเสริมสร้างความมั่นคงของชาติเป็นประจำทุกเดือนเพื่อส่งเสริมการใช้ภาษาไทยอย่างเป็นรูปธรรม ผลงานดีเด่นจะได้รับเกียรติบัตรและทุนการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้เป็นการนำนโยบายและแนวทางให้นักเรียนได้มีทักษะตั้งแต่ระดับชั้นเรียนระดับโรงเรียน ระดับหน่วยงาน เพื่อให้ครูได้นำกิจกรรมประกวดเรียงความไปขับเคลื่อนภาคปฏิบัติพร้อมๆกันที่โรงเรียน และคัดเลือกผลงานที่ดีที่สุด ส่งเข้ารับรางวัลระดับศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีผู้สนใจและร่วมกิจกรรมจำนวนมากและผลงานที่เข้าประกวดระดับชนะเลิศจะได้รับการเผยแพร่ เป็นระยะๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านลายมือ และการใช้ภาษาไทยในการสื่อสารที่ถูกต้อง
๔.)ได้มีการสอบวัดความรู้ภาษาไทยนักเรียนชั้น ป.๑-๓ ในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนและโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่ทุกโรง จำนวน ๑,๔๗๑โรง รวม ๑๓๐,๑๖๗ คน จำนวน ๔ ครั้ง ในปีการศึกษา๒๕๖๑ ด้านทักษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน เพื่อทดสอบความสามารถนักเรียนรายบุคคล ในการนำข้อมูลไปพัฒนาให้ตรงกับทักษะที่กำหนดตามแผนพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะ ๔ ปี (พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๖๔) จะลดจำนวนการอ่านไม่คล่องเขียนไม่คล่องให้มีระดับปรับปรุงน้อยลง ดังนี้ ภายในปีการศึกษา ๒๕๖๑ นักเรียนชั้น ป.๑-๓ จะมีนักเรียนระดับปรับปรุง ไม่เกินร้อยละ ๕๐ ภายในปีการศึกษา ๒๕๖๒ นักเรียนชั้น ป.๑-๓จะมีนักเรียนระดับปรับปรุง ไม่เกินร้อยละ ๓๐ ภายในปีการศึกษา๒๕๖๓ นักเรียนชั้น ป.๑-๓ จะมีนักเรียนระดับปรับปรุง ไม่เกินร้อยละ๑๐ และในปีการศึกษา ๒๕๖๔ จะต้องไม่มีนักเรียนระดับปรับปรุงในพื้นที่ ทั้งนี้การสอบวัด จะใช้ข้อสอบมาตรฐานที่ผ่านการรับรอง จากสถาบันภาษาไทย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ ทำการทดสอบ๔ ครั้งแต่ละครั้งจะเป็นข้อมูลให้ครูผู้สอนนำข้อมูลไปพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคลทั้งด้านทักษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขียนโดยมีผลการสอบแต่ละครั้งแสดงข้อมูลแบบออนไลน์ ผ่านระบบมือถือและ เวปไซต์เพื่อให้ครูได้ทราบผลการสอบทันทีผ่านการวิเคราะห์ประมวลผลด้วยโปรแกรมที่ได้ทำขึ้นที่
http://www.yala1.go.th/e-read_e-write/admin/
จากการวิเคราะห์ผลการสอบวัดทั้ง ๔ ทักษะ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่๑-๓ปีการศึกษา๒๕๖๑ มีระดับผลการเรียนดีขึ้น มีระดับดีมาก เพิ่มขึ้นทุกทักษะและมีระดับปรับปรุงลดลง โดยมีนักเรียนกลุ่มระดับปรับปรุงด้านอ่านออกเสียงเพียงร้อยละ ๑๐.๒๕ การอ่านรู้เรื่อง ร้อยละ๕.๔๗ การเขียนคำร้อยละ ๒๐.๗๒ ด้านการฟังร้อยละ ๕.๑๑ และการพูดร้อยละ ๘.๐๙ เท่านั้น ซึ่งเป้าหมายวางไว้ร้อยละ ๕๐ ซึ่งแสดงว่าสามารถพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยได้ดีมีประสิทธิภาพเหลือนักเรียนที่ต้องปรับปรุงจำนวนไม่มากอันจะเป็นข้อมูลให้ครูได้พัฒนาเด็กเป็นรายบุคคลต่อไป ผลการเปรียบเทียบที่
http://www.yala1.go.th/e-read_e-write/admin/compare_sum_type_report.php
ผลการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๓นี้ จะเป็นการส่งต่อให้ครูผู้สอน ผู้บริหาร รู้ผลการพัฒนาภาษาไทยของนักเรียนรายบุคคล รายชั้นรายโรงเรียนและรายหน่วยงาน ผู้เรียนที่ได้เลื่อนชั้นในปีการศึกษา ๒๕๖๒ จะได้ส่งเสริมสนับสนุน หรือพัฒนาต่อยอดต่อไปและหน่วยงานจะได้มีการพัฒนาครูที่มีนักเรียนระดับปรับปรุง ให้มีทักษะการสอนวิธีการสอนหรือการใช้สื่อนวัตกรรม ให้มีประสิทธิภาพต่อไป อันจะส่งผลต่อเป้าหมายในปีการศึกษา ๒๕๖๒ บรรลุต่อไป
๕.)มีการพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทย จำนวน ๓,๐๐๐คนในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยได้สำรวจข้อมูลนักเรียนในโรงเรียนที่มีผลการสอบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ อยู่ในระดับปรับปรุงในโรงเรียนที่มีความถี่สูงสุด จากการสอบครั้งที่ ๑ และครั้งที๒สมควรที่กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จะต้องได้รับการพัฒนา ด้านแนวทางการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยแบบแจกลูกสะกดคำ และการสอนแบบ Active learning โดยยึดหลัก “สอนเต็มที่ เต็มเวลาเต็มความสามารถ” ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้พัฒนาครูชั้นประถมศึกษาปีที่๑-๓ ไปแล้ว จำนวน ๓,๐๐๐ คนทำให้ครูได้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการสอนภาษาไทยเพิ่มขึ้นและผลการสอบวัดครั้งที่ ๓ และครั้งที่ ๔ มีระดับดีมากเพิ่มขึ้นและระดับปรับปรุงลดลง เพราะจุดเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอน อยู่ที่ชั้นเรียนเป็นหลัก
๖.)การจัดตั้งทีมนิเทศอาสา ศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปบ.จชต.)ได้แต่งตั้งคณะนิเทศอาสา จำนวน ๒๙๐ คน จากผู้บริหารและครูในพื้นที่จชต.และนอกพื้นที่ จชต.ลงไปนิเทศ ติดตามและ ให้คำปรึกษาแก่ครูภาษาไทยในพื้นที่ ร่วมกับศูนย์ภาษาไทยแต่ละหน่วยงาน ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำผลการนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอน ณ สถานศึกษา มาวิเคราะห์ปรับปรุงพัฒนาในแต่ละปีการศึกษา เพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาครูผู้บริหารในการยกระดับคุณภาพภาษาไทยให้เกิดเป็นรูปธรรมมากที่สุด
๗.) การประเมินและพัฒนาห้องสมุดที่มีอยู่แล้วให้เป็น”ห้องสมุดคุณภาพ” โดยมีเป้าหมายใน ปี ๒๕๖๔ โรงเรียนสังกัด สพฐ.การศึกษาเอกชนและโรงเรียนสังกัด ตชด.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องผ่านการประเมินห้องสมุดคุณภาพ ตามเกณฑ์ ที่ ศปบ.จชต.กำหนด โดยในปี ๒๕๖๑ สามารถประเมินและมอบโล่และเกียรติบัตรโรงเรียนที่ผ่านการประเมินแล้ว๑๔๐ โรง และให้โรงเรียนที่ผ่านการประเมินแล้ว เป็นโรงเรียนแม่ข่ายขยายไปอีกโรงเรียนละ ๑๐ โรง ภายในปี ๒๕๖๔ จะต้องมีห้องสมุดคุณภาพครบทุกโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จากผลการดำเนินงานการพัฒนาคุณภาพภาษาไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประเมินผลการดำเนินงาน ถึงการพัฒนา จนประสบความสำเร็จและเกิดความก้าวหน้ามาเป็นลำดับอันเป็นผลจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม ชุมชน ผู้นำศาสนาผู้นำท้องถิ่น ผู้บริหารการศึกษาทุกระดับ ผู้บริหารสถานศึกษา กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง และครูผู้สอนภาษาไทยทุกสังกัด โดยมีการพัฒนาร่วมกันอย่างมีเป้าหมายความสำเร็จที่ระบุไว้ชัดเจน ผู้บริหารระดับสูงได้ติดตามการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและให้ความสำคัญ และเน้นพิเศษในการพัฒนาคุณภาพในพื้นที่ในหลายมิติควบคู่กันไป เพื่อให้ไปตามเป้าหมายที่วางไว้ติดตามผลการดำเนินงาน ตามแผนที่วางไว้ทุกกิจกรรม จนในปีการศึกษา ๒๕๖๑ ผลการสอบวัดคุณภาพภาษาไทยสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทุกด้าน มีนักเรียนใช้ภาษาไทยได้ดี มีคุณภาพ ผ่านกิจกรรมชั้นเรียนและห้องสมุดที่มีคุณภาพเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีทีสุดในโรงเรียนครูได้รับการพัฒนาตามแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบ ActiveLearning ผ่านกระบวนการ PLC และกิจกรรมBBL จึงมีผลให้ครู นักเรียน สถานศึกษาชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการใช้ภาษาไทยได้ดีมีคุณภาพตามเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลสอดรับการกำหนดให้ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) และจังหวัดสตูล เป็นเขตพื้นที่นวัตกรรม นับเป็นความก้าวหน้าด้านการพัฒนาภาษาไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สำคัญยิ่ง
เขียนใน
GotoKnow
โดย
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง
ใน
การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้
คำสำคัญ (Tags):
#ความก้าวหน้าการจัดการศึกษาภาษาไทย จชต.
#ศปบ.จชต.
#ศูนย์ภาษาไทย จชต.
#พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์
#นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง
หมายเลขบันทึก: 660205
เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2019 10:11 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 3 มีนาคม 2019 13:54 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
หน้าแรก
สมาชิก
นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง
สมุด
การศึกษาในจังหวัด...
การพัฒนาภาษาไทยใน...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี