ในการประชุมสภา มช. เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๑ มีการเสนอเรื่อง งบประมาณรายรับรายจ่าย ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ โดยประมาณการรายจ่าย ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท ร้อยละ ๓๕ มาจากงบประมาณแผ่นดิน ร้อยละ ๖๕ มาจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย
อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ท่านสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ แจ้งให้ทราบว่า สำนักงบประมาณเริ่มจัดการงบประมาณแผ่นดินตามร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี มาตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ชัดขึ้นในปี ๒๕๖๒ และจะเดินเต็มที่ในปี ๒๕๖๓ ซึ่งหมายความว่า หากหน่วยงานใดเขียนคำของบประมาณไม่เข้ากับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนแม่บท ที่จะออกมาภายในสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑ หน่วยงานนั้นจะได้รับการจัดสรรงบประมาณยากขึ้น
ที่สำคัญคือ โครงการพัฒนาที่ของบประมาณปี ๒๕๖๒ แล้วแต่ตกไป แต่เป็นโครงการที่ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี สามารถนำไปของบประมาณกลางปีได้
นี่คือแนวทางบริหารมหาวิทยาลัย ๔.๐ ซึ่งหมายความว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ทำงานหนุนการดำเนินการสู่ประเทศไทย ๔.๐ ที่จะต้องบริหารเชิงรุก คือเข้าไปศึกษาแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนแม่บท เพื่อประเมินว่ามหาวิทยาลัยจะเข้าไปเป็นพลังขับเคลื่อนได้ตรงไหนบ้าง แล้วสร้างมาตรการเชิงรุก เข้าไปอาสารัฐบาล ซึ่งตรงกับที่ผมเคยพูดในการบรรยายเรื่อง
ผมเคยนำเรื่องการบริหารงบประมาณของมหาวิทยาลัยเชิงรุก รุกหารายได้จากรัฐโดยการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ให้แก่บ้านเมือง มาลงบล็อก ดังตัวอย่าง (๑)
วิจารณ์ พานิช
๒๒ ก.ย. ๖๑
โถงรอขึ้นเครื่อง สนามบินเชียงใหม่
ไม่มีความเห็น