การจัดเก็บใช้ความพยายามอย่างมาก ให้มุ่งมั่นเพื่อความสมบูรณ์แบบ เพื่อที่คุณจะต้องทำเพียงครั้งเดียว
การจัดเก็บ
Magic of Tidying Up
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
27 ตุลาคม 2561
บทความเรื่อง การจัดเก็บ ( Magic of Tidying Up) นำมาจากหนังสือเรื่องThe Life-Changing Magic of Tidying Up - The Japanese Art of Decluttering and Organizing ประพันธ์โดย Marie Kondo จัดพิมพ์โดย Marie Kond; 1st edition (October 14, 2014)
ผู้ที่สนใจเอกสารนี้แบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ Download ได้ที่ https://www.slideshare.net/maruay/magic-of-tidying-up
เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
Marie "KonMari" Kondo ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาในโตเกียว ช่วยลูกค้าเปลี่ยนบ้านที่รกของพวกเขาให้โปร่ง เงียบสงบ และสร้างแรงบันดาลใจ
เธอทุ่มเท 80% ในชีวิตของเธอกับเรื่องนี้ เธอเริ่มคิดถึงระบบจัดเก็บเมื่ออายุ 5 ขวบ และพบว่าเธอหลงใหลในการทิ้งเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น
Kondo แต่งงานกับ Takumi Kawahara ทั้งคู่มีลูกสองคน
หนังสือโดยย่อ
หนังสือของ Kondo เป็นการปฏิวัติวิธีการในการจัดเก็บสิ่งของ
ประการแรก ให้วางมือลงบนทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเป็นเจ้าของ แล้วถามตัวเองว่า มันเปล่งประกายความสุขหรือไม่ ถ้าไม่ ขอบคุณสำหรับการบริการ แล้วกำจัดมันเสีย
ประการที่สอง จัดเก็บสิ่งของที่เหลือที่ให้ความสุข โดยวางทุกสิ่งในสถานที่ที่มองเห็นได้ชัด ง่ายต่อการเข้าถึง ง่ายต่อการหยิบและการเก็บ
Kondo กล่าวว่า คุณจะไปถึงสุดยอดของการดูแลบ้าน
สาเหตุของความล้มเหลวในการจัดเก็บ
วิธีต่อไปนี้ไม่ได้ผล ได้แก่ การกำจัดของหนึ่งรายการต่อวัน ทำทีละหนึ่งห้อง ใช้เวลาทำเพียงเล็กน้อย ทำในเวลาฟังเพลงหรือดูทีวี พยายามที่จะจำกัดทรัพย์สินของคุณให้เหลือลงจำนวนหนึ่ง การกำจัดสิ่งที่คุณไม่ได้ใช้อีกในช่วงเวลาที่กำหนด การกำจัดสิ่งหนึ่งทุกครั้งที่คุณซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ ฯลฯ ทำไมผู้คนจึงปล่อยปัญหาทิ้งไว้
ผู้คนมีปัญหาในการทิ้ง ในสิ่งที่พวกเขาคิดว่ายังสามารถใช้ได้ (คุณค่าในการทำงาน) มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (คุณค่าด้านข้อมูล) มีความรู้สึกผูกพัน (คุณค่าทางอารมณ์) และสิ่งเหล่านี้หาหรือแทนที่ได้ยาก (ของหายาก) ทำให้ตัดใจไม่ลง
มีสามวิธีที่นำไปสู่การตัดสินใจ เผชิญหน้าตอนนี้ เผชิญหน้าในอนาคต หรือหลีกเลี่ยงจนกว่าเราตาย นี่คือทางเลือกของเรา
แนวคิด 9 ประการในการปฏิบัติ
1. เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ความคิด ( IT STARTS AND ENDS WITH YOUR MINDSET)
2. บ้านคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ( YOUR HOME IS A SACRED SPACE)
3. ทุกสิ่งมีชีวิต ( AND YOUR THINGS ARE ALIVE)
4. ทำให้การจัดเก็บเป็นการเฉลิมฉลองครั้งเดียว ( TREAT DECLUTTERING AS A ONE-TIME CELEBRATION)
5. ใช้วิธีการแบบ KONMARI (THE KONMARI METHOD OUTLINE)
6. การคัดเลือกที่เป็นมากกว่าดีต่อใจ (THE SELECTION CRITERIA IS MORE THAN JUST “SPARK JOY)
7. ไม่ใช่การทิ้งแต่เป็นการเก็บสิ่งที่คุณรัก (IT’S NOT DISCARDING — IT’S KEEPING WHAT YOU LOVE)
8. จัดระเบียบต่อ ( NEXT COMES ORGANIZING)
9. ปรับเปลี่ยนบ้านปรับเปลี่ยนชีวิต (TRANSFORM YOUR HOME TO TRANSFORM YOUR LIFE)
ข้อที่ 1. เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ความคิด
ผู้คนไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยของพวกเขาได้โดยไม่เปลี่ยนวิธีคิด และนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย
โปรดจำไว้ว่า วิธี KonMari ไม่ได้เป็นเพียงชุดของกฎระเบียบเกี่ยวกับวิธีจัดเก็บและทิ้งสิ่งต่างๆ แต่เป็นแนวทางในการแสวงหาความคิดที่ถูกต้อง สร้างวินัย และเป็นคนมีระเบียบ
เมื่อคุณทำให้สถานที่เป็นระเบียบแล้ว ทัศนียภาพจะเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงนี้มีความลึกซึ้งจนคุณรู้สึกราวกับว่า คุณกำลังมีชีวิตอยู่ในโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคุณ สร้างแรงบันดาลใจ และไม่ยอมกลับเป็นเช่นเดิมอีก
ข้อที่ 2. บ้านคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนต้องการมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
หนึ่งรูปแบบพื้นฐานของวิธีการในการจัดเก็บคือ การเปลี่ยนบ้านให้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์
การขจัดส่วนเกินที่ไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความสุข ทำให้คุณมีพื้นที่ของความสงบ และสะดวกสบายมากขึ้น
ข้อที่ 3. ทุกสิ่งมีชีวิต
เช่นเดียวกับการเขย่าเบา ๆ ที่เราใช้ในการปลุกใครสักคน เราสามารถกระตุ้นสิ่งของของเราได้โดยการเคลื่อนไหว สัมผัสกับอากาศที่สดชื่น และทำให้มีความรู้สึก
ในญี่ปุ่น คนเชื่อว่า การทำความสะอาดห้องและห้องน้ำของคุณให้สะอาดหมดจดอย่างมีชีวิตชีวาจะทำให้คุณโชคดี เช่นเดียวกับหลักการของฮวงจุ้ย เมื่อคุณทำให้บ้านของคุณ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งดูมีชีวิตชีวา ไม่รกรุงรัง
ข้อที่ 4. ทำให้การจัดเก็บเป็นการเฉลิมฉลองครั้งเดียว
การจัดเก็บเป็นงานพิเศษ อย่าทำทุกวัน
การจัดเก็บคือการเฉลิมฉลองการส่งเป็นพิเศษ สำหรับสิ่งที่จะออกจากบ้าน
ความลับสุดยอดของความสำเร็จคือ ถ้าคุณทำให้เรียบร้อยในครั้งเดียว มากกว่าทำทีละน้อย ๆ คุณสามารถเปลี่ยนความคิดของคุณได้อย่างมาก
เป็นการดีที่สุดที่จะทำอย่างรวดเร็ว ทำไมนะหรือ? เพราะการจัดเก็บไม่ได้เป็นจุดประสงค์ของชีวิต
ข้อที่ 5. ใช้วิธีการแบบ KONMARI
การกระทำที่สำคัญสองประการคือการทิ้ง และตัดสินใจว่าจะจัดเก็บสิ่งของที่ไหน ในสองเรื่องนี้ การทิ้งต้องมาก่อน
นี่คือเหตุผลที่การจัดเก็บต้องเริ่มต้นด้วยการทิ้ง เราจำเป็นต้องควบคุมตนเองและต่อต้านการเก็บข้าวของ จนกว่าเราจะเสร็จสิ้นการระบุสิ่งที่เราต้องการและจำเป็นต้องเก็บไว้
โดยถามตัวเองว่าทำไมต้องเก็บไว้? ถามอีกครั้งสำหรับแต่ละคำตอบนั้น ๆ ทำซ้ำขั้นตอนนี้สามถึงห้าครั้งสำหรับทุกสิ่ง
ลำดับที่ดีที่สุดคือเริ่มจากเสื้อผ้า จากนั้นเป็นหนังสือ เอกสาร และสุดท้าย ของที่ระลึก
ข้อที่ 6. การคัดเลือกที่เป็นมากกว่าดีต่อใจ
เกณฑ์คือ มันทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นหรือไม่เมื่อคุณสัมผัสมัน
ให้เข้าใจสิ่งที่อยู่ในมือของคุณ และตัดสินใจว่ามันทำให้คุณรู้สึกดีหรือไม่
ให้เก็บสิ่งต่างๆ ไว้ เพราะคุณรักมัน ไม่ใช่แค่ใช้เหตุผล
การเลือกจะดำเนินไปอย่างราบรื่น และคุณจะประหลาดใจกับความสามารถของคุณ ในการเลือกบนพื้นฐานของสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข
เก็บเฉพาะสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้มีความสุข
ข้อที่ 7. ไม่ใช่การทิ้งแต่เป็นการเก็บสิ่งที่คุณรัก
วิธีที่ดีที่สุดในการเลือกสิ่งที่จะเก็บและสิ่งที่จะโยนออกไปคือ ให้ถามแต่ละสิ่งในมือว่า สิ่งนี้จุดประกายความสุขได้หรือไม่? ถ้าไม่ ก็ทิ้งมันไป
สิ่งสำคัญที่สุดในการจัดเก็บ คือสิ่งที่อยู่ในนั้นสามารถทำให้เรามีความสุขได้
เก็บเฉพาะสิ่งที่พูดกับหัวใจของคุณเท่านั้น จากนั้นทิ้งส่วนที่เหลือทั้งหมด ด้วยการทำเช่นนี้ คุณสามารถมีชีวิตใหม่ และเข้าสู่วิถีชีวิตแบบใหม่ได้
ข้อที่ 8. จัดระเบียบต่อ
เมื่อคุณเลือกที่จะเก็บไว้ ให้ถามหัวใจของคุณ เมื่อคุณเลือกสถานที่ที่จะเก็บบางสิ่งบางอย่าง ให้ถามบ้านของคุณ
ความยุ่งเหยิงเกิดจากความล้มเหลวในการส่งคืนไปยังที่ที่ควรอยู่ ดังนั้นการจัดเก็บ ควรเป็นการเก็บได้ง่าย ไม่ใช่นำออกไปใช้ง่าย
ความลับในการเก็บคือ การรักษาความเรียบง่ายในการจัดเก็บ เพื่อให้คุณสามารถบอกได้ว่าคุณมีเท่าไหร่
มีเพียงสองกฎ จัดเก็บรายการทั้งหมดของชนิดเดียวกันในที่เดียวกัน และไม่กระจายพื้นที่จัดเก็บ
ข้อที่ 9. ปรับเปลี่ยนบ้านปรับเปลี่ยนชีวิต
มันเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมาก เมื่อเราลดสิ่งที่เราเป็นเจ้าของและขจัดพิษบ้านของเรา ก็มีผลขจัดพิษร่างกายของเราเช่นกัน
การจัดเก็บเป็นเพียงเครื่องมือไม่ใช่จุดหมายปลายทางสุดท้าย เป้าหมายที่แท้จริงควรเป็นการสร้างวิถีชีวิตที่คุณต้องการมากที่สุด เมื่อบ้านของคุณได้รับการจัดเก็บ
ทุ่มเทเวลาและความหลงใหลในสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขที่สุด ภารกิจของคุณในชีวิต การจัดเก็บบ้านของคุณจะช่วยให้คุณพบภารกิจในหัวใจของคุณ ชีวิตเริ่มต้นอย่างแท้จริงหลังจากที่คุณได้จัดเก็บบ้านของคุณแล้ว
ตัวอย่างบทเรียนของการจัดเก็บเสื้อผ้า
1. ทำทีละหมวดหมู่ไม่ใช่ทีละห้อง ( Tackle Categories, Not Rooms)
2. เคารพสิ่งของของคุณ ( Respect Your Belongings)
3. การคิดถึงอดีตไม่ใช่เพื่อนที่ดีของคุณ ( Nostalgia Is Not Your Friend)
4. การขจัดออกได้ทำให้รู้สึกดี ๆ ( Purging Feels SO Good)
5. พับ อย่าแขวน ( Fold, Don’t Hang)
6. การพับ ( THE Fold!)
7. ตกหลุมรักกับตู้เสื้อผ้าของคุณ ( Fall in Love with Your Closet)
8. ค้นพบสไตล์ของคุณ ( Rediscover Your Style)
บทเรียนที่ 1. ทำทีละหมวดหมู่ไม่ใช่ทีละห้อง
กฎข้อแรกของ Kondo คือ การจัดเก็บตามประเภทในคราวเดียว มิเช่นนั้นพวกมันก็จะคืบคลานไปเรื่อย ๆ จากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง และคุณจะไม่แยแสอีกต่อไป
เธอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยเสื้อผ้า เพราะมันเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของตัวเองมากที่สุด (ถัดมาเป็นหนังสือ และรูปถ่ายเป็นรายการถัดไป)
บทเรียนที่ 2. เคารพสิ่งของของคุณ
Kondo ขอให้คุณพิจารณาความรู้สึกของเสื้อผ้าของคุณ
พวกมันมีความสุขที่ถูกบี้แบนในมุม หรืออยู่กันอย่างหนาแน่นบนไม้แขวนหรือไม่?
ถุงเท้าที่ขยันขันแข็งของคุณตื่นเต้นมากที่จะได้รับการม้วนหรือไม่?
บทเรียนที่ 3. การคิดถึงอดีตไม่ใช่เพื่อนที่ดีของคุณ
Kondo รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร เมื่อเธอยืนยันว่าคุณควรทำเสมือนใส่ที่ปิดตาไว้ และมุ่งเน้นเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ในมือเท่านั้น
การอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับหนึ่ง จะทำให้คุณเสียเวลาโดยใช่เหตุด้วยการคิดถึงอดีต
บทเรียนที่ 4. การขจัดออกได้ทำให้รู้สึกดี ๆ
Kondo จะสวดภาวนาเมื่อเข้าไปในบ้านของลูกค้า จุดเทียน กล่าวคำอธิษฐานเล็กน้อย และเริ่มขุดผ่านภูเขาเสื้อผ้า
คำถามเรื่องความสุขนี้ ทำให้คุณปลดปล่อยเสื้อนอกสีสดที่ซื้อจากการลดราคา ชุดที่ตกยุค กระโปรงที่แขวนอย่างอึดอัด
บางสิ่งควรไปที่ร้านขายของฝาก และบางสิ่งบริจาคเป็นการกุศล เพื่อให้มันมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น
บทเรียนที่ 5. พับ อย่าแขวน
เมื่อคุณแยกแยะสิ่งที่ต้องทิ้งไปแล้ว คุณก็สามารถตัดสินใจได้ว่า จะให้สิ่งที่เหลือจะไปอยู่ที่แห่งใด
แทนที่จะพับเก็บไว้ในตู้เก็บของ หรือแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า Kondo คิดว่าเสื้อผ้าของเราน่าจะดีกว่า (น่าจะมีความสุขมากกว่า) ถ้าได้ถูกพับเก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้าแบบลิ้นชัก
บทเรียนที่ 6. การพับ
¡ เทคนิคการพับแนวแนวตั้งของ Kondo ทำให้ทุกอย่างง่ายต่อการมองเห็นและยากที่จะทำให้ยุ่งเหยิง (เพราะคุณไม่ได้กระแทกทั้งกองทุกครั้ง ที่คุณหยิบอะไรบางอย่างออกหรือนำกลับมา) การพับเก็บด้วยวิธีนี้ เสื้อผ้าจะมีลักษณะเหมือนผ้า Origami พร้อมที่จะจัดเรียงในลิ้นชักของคุณอย่างเรียบร้อย
¡ เพื่อให้เสื้อผ้าที่พับเก็บเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนในตู้เสื้อผ้าKondo แนะนำให้ใช้กล่องใส่รองเท้าแบ่งการจัดเก็บสิ่งของในลิ้นชัก กล่องขนาดเล็กเหมาะสำหรับผ้าพันคอ กล่องใบใหญ่หน่อยสามารถเก็บในลิ้นชักด้านล่างสำหรับเสื้อกันหนาว
บทเรียนที่ 7. ตกหลุมรักกับตู้เสื้อผ้าของคุณ
นี่คือเหตุผลที่คนนิยมวิธี KonMari
เมื่อคุณขจัดความยุ่งเหยิงและนำสิ่งต่างๆ ออกไปแล้ว ชุดและกระโปรงของคุณ ก็สามารถมองเห็นแสงสว่างได้ มีช่องว่างระหว่างชิ้นงาน ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องออกแรงมากกับการหยิบของจากชั้นวาง
ทั้งหมดนี้ หมายถึงคุณได้รับความสุขอย่างเต็มที่เพียงแค่เปิดตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าคุณจะเตรียมพร้อมในการไปทำงานในตอนเช้าหรือวางแผนไปงานปาร์ตี้
Kondo แนะนำให้แขวนเสื้อผ้าให้เป็นเส้นเฉียงจากด้านล่างขึ้นไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าดู
บทเรียนที่ 8. ค้นพบสไตล์ของคุณ
สามชุดที่นำความสุขมากมาย คือ ชุดเม็กซิกันโบราณ ชุดผ้าไหมลายสถาปัตยกรรม และชุดลายจุดหมุนที่ได้รับมาจากป้า สรุป
การจัดเก็บใช้ความพยายามอย่างมาก ให้มุ่งมั่นเพื่อความสมบูรณ์แบบ เพื่อที่คุณจะต้องทำเพียงครั้งเดียว
เริ่มขั้นตอนโดยการกองทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้น
หยิบแต่ละสิ่งไว้ในมือของคุณ และตัดสินใจว่าจะเก็บไว้หรือไม่ ใช้เกณฑ์คือ นี่จุดประกายความสุขหรือไม่ ?
อย่าคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ควรทำ จนกว่าคุณจะทิ้งสิ่งที่ไม่ต้องการออกไปทั้งหมดก่อน
เริ่มต้นด้วยเสื้อผ้าก่อน จากนั้นหนังสือ เอกสาร อื่น ๆ และในท้ายที่สุด สิ่งที่อ่อนไหวต่ออารมณ์
ก่อนจาก
ภายในบ้านหรือหอพัก หลังการจัดเก็บแล้ว จะมีหลายอย่างเหมือนกันกับศาลเจ้าชินโต ... สถานที่ที่ไม่มีสิ่งที่ไม่จำเป็น และความคิดของเราที่ชัดเจน
เป็นสถานที่ที่เราชื่นชมทุกสิ่งที่สนับสนุนเรา เป็นที่ที่เราทบทวน และคิดใหม่เกี่ยวกับตัวเราเอง
******************************