๗๖๖. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการที่เป็น...ผู้หญิงที่พึ่งตนเอง


สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการที่เป็น...ผู้หญิงที่พึ่งตนเอง

นับจากจบการศึกษามาแล้วเริ่มทำงาน...อยู่ข้างนอกซึ่งทำงานด้านการเงินมา ๖ ปี แล้วมาสอบบรรจุเข้ารับราชการได้ รวมเวลาราชการอีกเกือบ ๓๑ ปี...ทำให้ผู้เขียนทราบว่า ตลอดเวลานั้น ผู้เขียนจะมีลักษณะที่เป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตนเองตลอด เช่น

๑. เป็นคนที่ชอบคิดแต่สิ่งดี ๆ หากเป็นสมัยปัจจุบัน จะเรียกว่า "เป็นคนคิดในเชิงบวก" มากกว่า...นิสัยจะไม่ชอบคิดทางลบ หากคิดก็เก็บไว้คิดในใจ จะไม่แสดงให้ผู้อื่นทราบ เพราะการที่คนเราคิดบวก ย่อมมีการแฝงด้วยการกระทำลบ ๆ ของผู้อื่นให้เราเก็บมาคิดเช่นกัน...แต่ขึ้นอยู่ที่ตัวผู้เขียนเอง จำเป็นต้องพึงระมัดระวังตนเองเท่านั้น...

๒. ผู้เขียนจะเป็นคนที่ หากเมื่อมีคู่ชีวิต...ก็มิจำเป็นต้องตามติดตัวกันตลอดเวลา แค่เพียงทำตัวว่าในความเป็นจริง "เรารักเขา" ด้วยการสื่อให้ทราบถึงการกระทำ คำพูด สายตา...แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การกระทำในการแสดงออกมากกว่าว่า "เรารักเขา"...และก็มิใช่งมงาย ไม่ฟังเหตุและผล เพียงแต่ให้คนที่เรารักทราบว่า เขาคือ ส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้เขียน แต่ก็มิใช่ "ทั้งหมด" ของชีวิตผู้เขียน...ซึ่งข้อนี้ ปู่จเรของพี่ฟ้าครามทราบดี เพราะเราสองคนจะอยู่ด้วยกันด้วยเหตุด้วยผลมากกว่า...จึงทำให้เราสองคนเข้าใจกัน อาจเป็นที่มาของคำว่า ทั้งคู่มี "ศีลเสมอกัน"

๓. ผู้เขียนจะเป็นคนที่ไม่ขอความช่วยเหลือใครง่าย ๆ ซึ่งสามารถเสนอความช่วยเหลือได้ แต่ถ้าผู้เขียนบอกว่า "ไม่" ก็คือ "ไม่" นี่คือ ความเป็นตัวของตัวเองของผู้เขียนเอง...เรียกว่า "สร้างความเป็นตัวเองให้มากที่สุด" นี่คือ "นิสัย ที่ชอบทำอะไรได้ด้วยตัวเองมากกว่า"

๔. ในความจริงผู้เขียนชอบคบคนที่เข้มแข็งและอยู่เคียงข้าง...แต่มิใช่ติดกันตลอด ควรมีช่องว่างให้กันบ้าง เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นตัวของตัวเอง...ซึ่งปู่จเรของพี่ฟ้าคราม เป็นแบบที่ผู้เขียนกล่าว จึงทำให้เราคบและอยู่ด้วยกันได้ จึงมิค่อยมีปัญหากันในแต่ละวัน เพราะเราจะอยู่ด้วยกัน ด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า นี่คือ "คู่ชีวิต" ที่แท้จริง ซึ่งอยู่ด้วยการเข้าใจกันและกัน

๕. ผู้เขียนมีความเป็นอิสระในการทำงาน...ซึ่งในช่วงที่ปู่จเรทำงาน ผู้เขียนก็มิเคยไปก้าวก่ายในที่ทำงานของปู่จเรเลยสักนิด สำหรับปู่จเรก็เช่นเดียวกัน ก็มิเคยเข้ามาก้าวก่ายในที่ทำงานของผู้เขียนเลยสักนิด...(บางครั้งทำให้คนในมหาวิทยาลัยตอนแรก ๆ คิดว่า ผู้เขียนเป็นคนโสด คริ ๆ ๆ...เพราะความที่เราต่างฝ่ายต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันนี่เอง...แต่มาหลังจากที่ปู่จเรเกษียณ ผู้เขียนเริ่มเปิดเผยตนเองมากขึ้น จนมาที่อาจารย์ภัคร เจ้าลูกชายเข้ามาสอบเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย จึงทำให้ทุกคนทราบว่า ผู้เขียนมิใช่คนโสด...)...ก็แล้วทำไมต้องบอก หรือป่าวประกาศให้คนอื่นทราบล่ะ!!!...ใครต้องการทราบ ประเดี๋ยวเขาก็จะทราบเอง จริงหรือเปล่า???...เพราะผู้เขียนถือว่า "ควรแยกงานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็คือ เรื่องส่วนตัว"

๖. ผู้เขียนยอมรับว่า "มีเพื่อนน้อย" เพราะเพื่อนมากไปก็เท่านั้น มีแต่เรื่อง ปัญหามาให้เรากลุ้ม คิดมากกว่า ผู้เขียนคิดแบบนี้...บางคนอาจคิดว่าผู้เขียนเห็นแก่ตัว แต่เปล่าเลย การมีเพื่อนมาก หากเพื่อนทุกคนมินำปัญหามาให้ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่...แต่ที่เห็น ๆ มันมีปัญหากันมากเกินไปมากกว่า ก็เท่านั้น...บางคนอาจดูว่า ผู้เขียนเป็นคนน่ากลัว แต่เปล่าเลย...หากใครที่คบกับผู้เขียนแบบสนินสนมแล้ว จะทราบว่าผู้เขียนมีนิสัยเป็นเช่นไร

๗. ในความเป็นจริงแล้ว ผู้เขียนมิใช่เป็นคนที่กลัวว่าจะอยู่คนเดียว...กลับเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า เพราะในชีวิตที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่า "เป็นคนที่อยู่คนเดียวมาตลอด" เพราะการทำงานต้องแยกกันกับปู่จเร กว่าจะได้มาอยู่ด้วยกันได้ก็ตอน ปู่จเรเกษียณแล้ว...นี่คือ ชีวิตจริงของผู้เขียน ทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้ "ชีวิตจริงของการเป็นชีวิตคู่ว่า ทุกเรื่อง คือ การอดทน"

๘. ผู้เขียนประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวของผู้เขียนเอง...มีความเป็นตัวของตัวเอง...ทราบตัวเองดีว่า "มีความสามารถอะไร" ทราบด้วยตัวเองว่า อะไรคือเป้าหมายในชีวิตของผู้เขียนเอง...และสามารถทำมันให้สำเร็จได้ด้วยตัวของผู้เขียนเอง...สิ่งนี้ด้วย ที่ปู่จเรมองเห็นในความสามารถของผู้เขียน เพราะปู่จเรเคยบอกผู้เขียนเอง

๙. ผู้เขียนเป็นคนที่หากรักที่จะรัก...คนอื่นมองดูว่าเป็นคนที่ไม่โรแมนติกกับใครเท่าไหร่นัก...แต่ผู้เขียนเป็นคนที่เชื่อมั่นในความรัก และมีวิธีการแสดงความรักในแบบของผู้เขียนเอง...ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีความหมายมาก ๆ เลยทีเดียว...ไม่เช่นนั้น ปู่จเรคงมิได้มองเห็น คริ ๆ ๆ

๑๐. ผู้เขียนยึดมั่นอยู่เสมอ นั่นคือ "การไม่ยอมเปลี่ยนตัวตนของตัวเองเพื่อใครเด็ดขาด...เพราะฉันก็คือฉันเอง"...เป็นตัวตนด้วยตัวของฉันเอง เพราะเมื่อเกิดมาบนโลกนี้แล้ว ก็มิจำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใคร และก็มิจำเป็นต้องเหมือนใคร ๆ...เพราะนี่คือ "ตัวของผู้เขียนเอง"...สุดท้าย หากไม่มีใครกอดตัวผู้เขียน...ผู้เขียนนั่นแหล่ะ!!! ก็จะเป็นคนที่กอดตัวเอง...

ทั้งหมดที่เล่ามา...นี่คือ "ความเป็นตัวตนของผู้เขียนเอง...ผู้หญิงที่พึ่งตนเอง"...นิสัยของผู้เขียนจะคล้ายกับนิสัยของ "แม่บัว" ของผู้เขียนเอง...แม้แต่เวลาทำงาน ก็มิจำเป็นต้องให้คนอื่นมาบอกว่า...เป็นเด็กของคนนั้น คนนี้ หากไม่เป็นคนของใคร ผู้เขียนก็สามารถทำงานด้วยตัวของผู้เขียนเองได้...ทำงานด้วยความรู้ + ความสามารถ + ประสบการณ์ของตัวเราเอง...บางคนบอกว่า ผู้เขียนคือ "หญิงมั่น...หญิงแกร่ง"...ก็แล้วแต่ที่เขาจะพูดถึง แต่ในความเป็นจริง "ผู้เขียน ก็คือ ตัวของผู้เขียนเอง" และสามารถอยู่รอดได้ ถึงแม้ว่า "จะไม่มีปู่จเรตอนบั้นปลายของชีวิต" หากเราจากกันด้วยความตาย...อาจเป็นเพราะชีวิต ครอบครัวที่ตัวผู้เขียนถูกสอนออกมา จึงทำให้ผู้เขียนมีชีวิตที่เป็นแบบนี้

**************************************

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ แสงเงิน

๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 656271เขียนเมื่อ 24 ตุลาคม 2018 11:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม 2018 12:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ตนเป็น ที่พึ่งแห่งตน ประเสริฐสุด….

ใช่เลยค่ะ คุณยายธี…ขอบคุณค่ะ คิดถึงเสมอนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท