วันนี้ (วันที่ 17 กันยายน 2561) ผมได้รับเชิญเป็นประธานในพิธีมอบรางวับการประกวดสื่อสร้างสรรค์สร้างวัฒนธรรมมหาวิทยาลัย” อันเป็นภากิจหลักของงานประชาสัมพันธ์และสารสนเทศนิสิต กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสาคาม
ครับ-ได้รับเชิญในแบบ “มวยแทน” เพราะรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต และผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต ติดราชการ ก็ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องนั่งหัวโต๊ะและขึ้นเวที วันนี้จึงแต่งกายแบบชิวๆ ที่พร้อมจะสวมวิญญาณ “ขาเลาะ” ได้ตลอดเวลา
สื่อสร้างสรรค์สร้างวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยฯ ปีนี้พุ่งไปสองประเด็นใหญ่ คือ (1) สิ่งแวดล้อม (การจัดการขยะ) และ (2) วินัยจราจร (ไม่ขับรถด้วยความเร็ว) ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นหนึ่งในนโยบายการพัฒนานิสิตผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตร ประจำปีการศึกษา 2561
ย้อนกลับไปยังวันที่พิจารณาผลงาน (วันที่ 13 กันยายน 2561) ผมในฐานะคณะกรรมการตัดสินคนหนึ่งได้เสนอกระบวนการเพิ่มเติมในพิธีมอบรางวัล เช่น ให้คณะกรรมการได้แถลงผลการประกวด โดยสะท้อนมุมมองของกรรมการที่มีต่อผลงานที่นิสิตส่งเข้าประกวด เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และต่อยอดอย่างมีพลังต่อไป
สิ่งที่ผมเสนอนั้น ผมเทียบเคียงจากการประกวดงานศิลปะแขนงต่างๆ ก็มักจะมีถ้อยแถลงของคณะกรรมการฯ ให้ได้อ่านได้ศึกษา ซึ่งในส่วนนี้ผมยืนยันว่าผมชอบฟังทัศนะของกรรมการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิมาก จึงอยากให้ครั้งนี้ยกระดับงานผ่านกระบวนการเช่นนี้ โดยก็น่าดีใจเมื่อคณะกรรมการแต่ละท่านได้เห็นด้วย และมอบหมายให้แต่ละท่านได้รับผิดชอบ ด้วยการเป็นผู้แทนในการแถลงถ้อยคำอันเป็นมุมมอง-ทัศนะของคณะกรรมการที่มีต่องานในแต่ละชิ้น
กรณีดังกล่าว คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์มอบอาจารย์จำนวน 2 ท่าน ทำหน้าที่แถลงฯ ต่อผู้ที่ส่งผลงานเข้าประกวด นั่นคืออาจารย์พวงชมพู ไชยอาลา แสงรุ่งเรืองโรจน์ (คณะวิทยาการสารสนเทศ) และอาจารย์สันทนา ภิรมย์เกียรติ (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ)
เช่นเดียวกับอีกประเด็นที่ผมเสนอต่อคณะทำงานก็คือการเชิญชวนนิสิตและองค์กรนิสิตมาร่วมเป็นเกียรติและร่วมรับฟังแนวคิดของผู้สร้างผลงาน รวมถึงถ้อยแถลงของคณะกรรมการ ซึ่งผมมองว่าเมื่อมาฟังแล้วจะได้เกิดแรงจูงใจในการไปผลิตสื่อ หรือไม่ก็มีแรงตระหนักในการประพฤติตนและรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการเข้าใจบทบาทที่จะนำสื่อไปเผยแพร่อย่างสร้างสรรค์ เพื่อก่อให้เกิดวัฒนธรรมอันดีงามร่วมกันฯ
กระนั้นก็น่าเสียดายว่าประเด็นหลังนี้ไม่เกิดมรรคผลเท่าที่ควร เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็มีแต่เฉพาะคนที่ส่งผลงานเท่านั้นที่เข้ามาสู่พิธีดังกล่าวฯ
ครั้นพอถึงพิธีมอบเสร็จสิ้นลง ผมในฐานะประธานในพิธีก็กล่าวสรุปในองค์รวมตามครรลองของพิธีการ แต่ผมก็ยังคงเป็นผม นั่นหมายถึงกล่าวในแบบกึ่งทางการ เน้นสื่อสารผ่านการเล่าเรื่องเป็นสำคัญ โดยเริ่มจากการกล่าวขอบคุณคณะกรรมการและนิสิตที่ส่งผลงานเข้าประกวด รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลกิจกรรม ถัดจากนั้นก็ฝากประเด็นในแบบที่ผมคิด อาทิ....
ครับ-นี่คือส่วนหนึ่งที่ผมได้พูดไว้ในเวที เป็นการพูดคุยในแบบฉบับของผม ไม่ได้ติดยึดว่าตนเองกำลังทำหน้าที่เป็นประธานในพิธี หากแต่พูดเพราะผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
หมายหตุ
ถึงกับต้องสวมวิญญาณกันทีเดียว 555
มีชีวิตชีวา ออกสื่อตั้งแต่ก่อนประกวด คึกคัก ๆ ๆ รอชมปีถัดไปนะคะ
สวัสดีครับ อ.Wasawat Deemarn
เอาจริงๆ เลยนะครับ เดิมจะไม่ขอทำหน้าที่ตรงนั้นด้วยซ้ำไป เพราะไม่ได้เตรียมตัวมา วันนี้ผมแต่งกายสบายๆ ชิวๆ เพราะคิดว่าเตรียมความพร้อมในการรื้อห้องทำงาน หลังจากสะสมมาหลาย แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ 5555
สวัสดีครับ พี่หมอ ธิ
อันที่จริงประเด็นนี้ผมเสนอไว้หลายปีแล้วครับ จากนั้นก็ว่างเว้นการเป็นกรรมการมา 2 ปี พอมาปีนี้เลยถือโอกาสเสนออีกรอบ คราวนี้เสนอในนามประธานมอบรางวัลอีกต่างหาก 5555