๗๘๐. อย่าเยอะ...


ด้วยการมีสติสัมปชัญญะ คือระลึกรู้ตัว ในด้านบุคลิกภาพ การวางตนและการสื่อสาร ก็แค่ไม่สร้างความรำคาญให้ใคร อยู่ในจุดที่เหมาะสมและพอเพียง หาจุดที่พอดีกับตัวเอง ไม่มากไม่น้อย ก็จะเกิดภาพลักษณ์ที่งดงาม ถ้าไม่ไปเยอะกับใคร ก็จะะไม่มีใครกล้ามา “อย่าเยอะ”กับเรา..

              ผมกำลังศึกษาคำพวกนี้ ผมคิดว่ามันมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของพวกเรา ทั้งในแบบเล่นๆ และเอาจริงเอาจัง ไม่มีเอกสารอ้างอิงว่าเริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าจะให้คาดเดา แล้วเอาเข้ากลุ่ม คำนี้ก็อาจจะเป็นญาติสนิทหรือเป็นลูกหลานของคำว่า..เอาที่สบายใจ..ก็เป็นได้

            “อย่าเยอะ” ผมไม่ค่อยจะใช้กับใคร แต่ถ้าใครใช้กับผม นั่นหมายถึงว่า ผมจะต้องพิจารณาตนเอง..คำนี้..จะให้ความรู้สึกที่ไม่ดีนัก..กับทุกคน

            เด็กๆจะไม่นิยมพูด..อาจเนื่องมาจากปฏิสัมพันธ์ทางสังคมยังไม่กว้างขวาง วัยรุ่นจะใช้เยอะมาก ไปจนถึงวัยกลางคน และลดลงเมื่อเข้าวัยผู้สูงอายุ..

            “อย่าเยอะ” ผู้พูดคำนี้..จะรู้สึกขุ่นมัวนิดๆ หงุดหงิดหน่อยๆ และอาจถึงขั้นรำคาญ ถ้าผู้ฟังไม่หยุดเยอะ      

              คำว่าเยอะในที่นี้..หมายถึงบุคลิกโดยรวมทั้งหมด ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน..ของบุรุษและสตรีที่ ๒ (คุณและเธอ) จนผู้พูดที่เป็นบุรุษและสตรีที่ ๑ (ผมและดิฉัน)สัมผัสด้วยหูรู้ด้วยตา จนรู้สึกว่าเกินพอดีและไม่ต้องการรับรู้อีกแล้ว

            จึงต้องใช้คำว่า “อย่า” เพื่อขอร้อง หากว่ายังไม่หยุด จะส่งผลกระทบตามมา จะหนักหรือเบาก็ว่ากันไป แต่คนที่มีประสบการณ์และเคยท้าทายคำนี้ คงรู้รสชาติกันบ้างแล้ว..

            ในกลุ่มเพื่อนคนที่ “เยอะ” แล้วไม่รู้ตัว ก็อาจอยู่อย่างโดดเดี่ยว คู่รักที่เพิ่งคบหาดูใจ จะกลับกลายเป็นคน “อกหัก”ทันที ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกว่า “อย่าเยอะ”แล้วไม่ฟัง

            ในที่ทำงาน..หัวหน้างานพูดกับลูกน้องคนไหน..นั่นหมายความว่าจะวางเฉยไม่ได้ ต้องรีบปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพและรูปแบบการปฏิบัติงาน มิฉะนั้นอาจตกงานได้

            คำว่า “อย่าเยอะ” ผู้พูดมักจะเป็นต่อหรือถือไพ่เหนือกว่า ประมาณว่ามีอิทธิพลต่อผู้รับฟัง เป็นคำที่กึ่งๆตำหนิ มากกว่าจะใช้พูดเล่นๆกันธรรมดา

            แต่ก็ต้องดูสีหน้าท่าทาง บุคลิกและอารมณ์ผู้ใช้คำนี้ด้วย..ถ้ายิ้มและร่าเริง ก็แสดงว่าเป็นการหยอกเย้ากระเซ้าแหย่ แต่ยังไง..ผู้ฟังก็ต้องคล้อยตามและตอบสนองอยู่ดี..

            ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าพอๆกับปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม จะหล่อหลอมให้ผู้คน..เป็นตัวของตัวเอง มีสิทธิเลือกมากขึ้นและอดทนน้อยลง ตลอดจนจะทำอะไรที่สนองความต้องการของตัวเอง..

            เราจึงพบคำว่า.”อย่าเยอะ”เต็มไปหมด..ยกเว้นผู้สูงวัย ที่มักจะมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะไม่ใช้คำนี้ เพื่อตำหนิหรือกดดันใคร ในขณะเดียวกัน เราก็จะไม่ใช้คำนี้กับผู้สูงอายุด้วยเหมือนกัน เพราะถือว่าท่านผ่านอะไรมามากมาย สมควรให้ความเคารพมากกว่าจะใช้คำว่า..อย่า

            “อย่าเยอะ” จึงเป็นภาษาพูดที่สั้นๆ เรียบง่าย ใช้คำไม่ฟุ่มเฟือย แต่ได้ใจ ตลอดจน ให้จิตสำนึกที่ดีนัก ดังนั้น..ถ้าไม่อยากได้ยินคำนี้ หลุดจากปากใคร เราต้องรู้และเข้าใจนิยามตามสมควร..

            ด้วยการมีสติสัมปชัญญะ คือระลึกรู้ตัว ในด้านบุคลิกภาพ การวางตนและการสื่อสาร ก็แค่ไม่สร้างความรำคาญให้ใคร อยู่ในจุดที่เหมาะสมและพอเพียง หาจุดที่พอดีกับตัวเอง ไม่มากไม่น้อย ก็จะเกิดภาพลักษณ์ที่งดงาม ถ้าไม่ไปเยอะกับใคร ก็จะะไม่มีใครกล้ามา “อย่าเยอะ”กับเรา..

            ในวงการศึกษา..ครูเริ่มจะกล่าวหา “นโยบายรายวัน” ประมาณว่าอย่าเยอะได้ไหม? คนคิดคนสั่งมากมายแต่ไม่ได้ทำ คนทำ(ครู)ไม่กี่คน ไม่มีสิทธิคิดอะไรได้เลย..

            ยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ผู้บริหารสถานศึกษา ประชุมรับนโยบายครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็นำมาถ่ายทอด(สั่ง)ให้ครูดำเนินการ ในขณะที่มีครูเท่าเดิม แต่ภาระงานมากขึ้นเป็นลำดับ..

            หากผู้บริหารฯ ลงมือร่วมด้วยช่วยทำก็เป็นการดี แต่ถ้าเอาแต่ชี้..ครูและผู้ปกครองลองตรองดูว่า..การศึกษาของเด็กๆจะเหลืออะไร?

            กระทรวงศึกษาธิการและสพฐ.ได้ผลงาน ผู้บริหารระดับสูงได้หน้าได้ตา เพิ่มลาภ ยศ รถ ตำแหน่ง แล้วครูล่ะ..ต้องใจจดใจจ่อกับข่าวสารความเคลื่อนไหวแล้วก็พิมพ์รายงาน...ปีละหลายครั้ง

            ไม่ได้สอนหนังสือปีละหลายชั่วโมง..ผมจึงมักจะพูดเฉพาะเรื่องนี้อยู่เสมอว่า “อย่าเยอะ” ได้หรือไม่? เพราะมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น นอกจากจะทำให้การเรียนการสอนเลอะเทอะและอาจเละเทะก็เป็นได้

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๘  สิงหาคม  ๒๕๖๑

 

          

           

            

หมายเลขบันทึก: 650917เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2018 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม 2018 12:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท