ผมบอกกับตัวเองว่า..ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ธรรมดา หมายความว่า มันต้องผ่านความยากลำบากและความเจ็บปวด ต่อสู้กับความขาดแคลน และความไม่รู้ของนักเรียนมาแล้วหลายรุ่น ในแต่ละปีมิได้สักแต่ว่าทำ แต่ทำแล้วได้ “คุณภาพ” ทั้งสิ้น
คุณภาพ..ผมไม่ได้ประเมินค่าที่เหรียญทอง ไม่ได้มองที่ผู้บริหารรางวัลดีเด่น “Best Practice “หรือรางวัลระดับชาติ “โรงเรียนขนาดเล็กชนะเลิศยอดเยี่ยม ด้านบริหารจัดการ” (Obec Awards) ที่โรงเรียน..เคยได้รับ
จริงๆมันก็อาจจะใช่ แต่ผู้ปกครองไม่เคยพึงพอใจเท่ากับ..ลูกหลานของเขาอ่านคล่องเขียนคล่อง..ซึ่งผมทำให้เกิดขึ้นได้ทุกปี มีคะแนนสะสมชัดเจน ส่งผลให้การสอบระดับชาติสูงขึ้นเป็นลำดับ โรงเรียนมัธยมยอมรับถ้าเด็กจบมาจาก..”บ้านหนองผือ”
ครูผู้สอนมีไม่มาก ไม่ครบชั้นมาตลอด ไม่ต้องพูดถึงนักการภารโรงและครูธุรการ งานสอนและอาคารสถานที่ ผมต้องทำควบคู่กัน มุ่งมั่นที่จะเป็น “เสาหลัก” ให้โรงเรียนขนาดเล็กให้ได้..
จึงไม่ยอมยุบควบรวมกับใคร..ความที่ไม่ช่ำชองการของบประมาณ จึงไม่เคยได้ “ค่าที่ดินสิ่งก่อสร้างจาก สพฐ.” หรือว่า..เป็นเพราะไม่ยอมให้ยุบ..ก็ต้องอยู่ไป ให้โอกาสเราได้พิสูจน์ตัวเอง..
ชุมชนผู้ปกครอง ผมไม่เคยรบกวนเรื่อง “เงิน” ขอแค่ “กำลังใจ” และการมีส่วนร่วมก็เพียงพอแล้ว ผู้ปกครองเขาเข้าใจและเห็นใจ แต่เขาไม่พูด เขารู้ว่าโรงเรียนมีแต่ต้นไม้ ความร่มรื่นและความสะอาด..เท่านั้น
ความไม่เท่าเทียมของโอกาสทางการศึกษา..ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหว..ผู้ปกครองไม่พูดอะไรแต่เขาคิด แต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้..เพราะผมทำงานเพื่อลูกหลานเขา..
เพราะโรงเรียนข้างเคียงในตำบลเดียวกัน..มีทั้งอาคารหรู และงบประมาณที่จะต่อเติมเสริมแต่งมากมาย แต่บ้านหนองผือ..ห้องเรียนไม่พอ นักเรียน ๒ ชั้นต้องเรียนรวมกัน เขามีส้วมสุขสันต์ราคาเป็นแสน แต่ของเราส้วมต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก..
แม้จะรู้ว่า..ดอกผลของความอดทน..หอมหวานเสมอ แต่ผมก็อดที่จะเจ็บลึกๆไม่ได้..ถามตัวเองว่า..ทำไม?เราต้องพึ่งพาตนเองตลอด แล้วทำไม?เราต้องทำงานหนักด้วย..แล้วทำไปเพื่ออะไร?
ก็แค่แปลกใจเท่านั้น แต่ไม่รู้สึกท้อ ขอทำตัวไม่เหมือนผู้บริหารทั่วไป ก็คงไม่กระไร วันธรรมดาก็บริหารจัดการ ประสานการสอนซ่อมเสริมช่วยคุณครู เสาร์อาทิตย์ก็อยู่ดูแลไปทั่วโรงเรียน..แบบที่ภารโรงเขาทำกัน...วันจันทร์เปิดเรียนก็ต้องพร้อม..
ผ่านไปได้ครึ่งทาง..ของบ้านเล็กในป่าใหญ่ เหมือนชีวิตราชการครู ได้เกิดใหม่และเริ่มต้นอีกครั้ง..คุณบุญชู ลิ่มอติบูลย์..และครอบครัว..เดินเข้ามาในโรงเรียน หยิบยื่นความสุขให้ครูและนักเรียน..
ด้วยการสร้างห้องสมุด"ลิ่มอติบูลย์" ส่งเสริม“รักการอ่าน” สร้างห้องเรียนชั่วคราวและห้องน้ำห้องส้วม ตลอดจนจ้างครูพิเศษมาจนถึงทุกวันนี้..
ผม..ซึ่งรักและศรัทธาในงานอยู่แล้ว..ยิ่งจะก้าวต่อได้อย่างไม่ไร้ทิศทาง ทุกย่างก้าวล้วน “สานต่องานที่พ่อทำ” ทำทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆศึกษา”ศาสตร์พระราชา” ผมไม่เคยทอดทิ้งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเลยแม้แต่วันเดียว..
๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐..วันแห่งความทรงจำ ที่งดงามของผมก็มาถึง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผู้แทนพระองค์เดินทางมาที่โรงเรียนบ้านหนองผือ..
ผู้แทนพระองค์ บอกเล่าเรื่องราวสั้นๆ ให้ผอ.ธนาคารออมสินที่มาต้อนรับ ได้รับทราบว่าผม..ขยันหมั่นเพียร มีความมุ่งมั่นในการทำงาน..จึงมีวันนี้
ผมเอื้อมมือไปรับพานดอกไม้พระราชทาน พร้อมน้ำตาที่หลั่งริน ดอกไม้ที่สวยที่สุดในชีวิต อยู่ในมือผมแล้ว..ผมจะต้องไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น
ผมเอื้อมมือไปรับกระเช้าผลไม้ พร้อมหัวใจที่เต้นระรัว ผมจะต้องไม่กลัวภัยพาล ทำงานจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพื่อรับใช้เบื้องพระยุคบาท..
ผมเอื้อมมือไปรับเสื้อพระราชทาน ..ในวันนั้น ความทรงจำของผมบอกว่า นี่คือเกราะกำบังกาย ไม่ให้เจ็บปวดต่อความทุกข์ยากอีกต่อไป
มองอาคารธนาคารออมสินที่กำลังสร้างครั้งคราใด..หัวใจเปี่ยมล้นด้วยพระบารมีในหลวง..ที่ข้าพระพุทธเจ้า ไม่มีวันลืมเลือน ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ.. อย่างหาที่สุดมิได้..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑
ไม่มีความเห็น