เมื่อผมพบชายจากอดีต ตอน 2


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบ้า หรือความอยากรู้ หรือความซื่อของผม (หรือโง่) ที่ยอมไปดูไทม์แมชชีนของกิตินนท์ ตอนสี่ทุ่มครึ่ง ตามคำชวนของเขา !

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมมาแล้ว แว๊นซ์เวสป้ามอไซด์คู่ชีพมาจอดหน้าบ้านเก่าๆ  ดูร้างๆ  ปลูกอยู่โดดเดี่ยวท้ายซอยแถวๆ ออฟฟิตผมนี่เอง กำลังลังเลจะเข้าไปดี ไม่เข้าดี ก็พลันมีสาววัยรุ่นหน้าตาราวกับออกจากคลิปที่เต้นโชว์ถอดทีละชิ้น  เปิดประตูสวนออกมา ... นี่จะให้ผมงงไปถึงไหน ...กิตินนท์ เดินตามมาส่งด้วยรอยยิ้มหวาน แถมหอมแก้มทีนึง  หันมาเห็นผมพอดี “อ้าว มาแล้วเหรอครับ” ผมก็นิ่งพูดอะไรไม่ออก มองน้องคนนั้นที่เหลียวมาสบตาผมแว้บหนึ่ง แล้วเดินเหมือนคนเจ็บขา เลี้ยวออกไปทางปากซอย

“สาว 4.0 นี่ใจกล้าเนอะ เขาพูดมาแทนคำตอบที่ผมกำลังจะถาม เขาใช้ความหล่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยได้ดีเจงๆ แต่อย่างว่าละครับ เรื่องแบบนี้มันก็อ่ะนะ ยุคไหนก็ไม่เกี่ยว  ... แต่เขาก็พูดถูกนะว่า สาว 4.0 นี่ใจกล้าขึ้น

“เชิญครับ ผมจะพาไปดู” ผมเข้าไปอย่างว่าง่ายตามประสาคนซื่อ  บ้านว่างๆ แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย นอกจากที่นอนเก่ายู่ยี่บนเตียง พร้อมกับกองทิชชู่ในถังขยะจนเกือบล้น(...สาว 4.0 ใจกล้า ?)  ใกล้ๆ มีทีวีจอแบนเครื่องนึงตั้งบนโต๊ะเล็กๆ แค่นั้น   เขาพาผมเดินไปอีกห้อง ที่ดูเป็นห้องครัว มีโต๊ะที่มีกล่องโฟมข้าวรัดหนังสติ๊กเห็นช้อนสแตนเลสที่คงจะยังไม่ได้ล้างแล่บออกมา นี่ผมสังเกตุมากไปรึเปล่า...  แล้วเขาก็ชี้ไปที่ไทม์แมชชีน

 ภาพเครื่องมือข้ามเวลาประหลาดปรากฏกับสายตา หลายความคิดประดังพลั่งพรูขึ้นในสมองซื่อๆ ของผม ไม่ใช่เพราะรูปร่างอันประหลาดเกินจินตนาการที่ผมเคยเห็นในหนังไซไฟ   แต่นี่มันบ้าชัดๆ   เพราะไอ้ไทม์แมชชีนที่ตรงหน้าผม  มันคือ เก้าอี้พลาสติกสีแดงถลอกๆ แบบที่เราไปนั่งกินก๊วยเตี๋ยวข้างถนนแล้วอย่านั่งแรงมันจะแบ่ะ มีขายตัวละ 199 ตามร้านโชว์ห่วยนั่นเอง !!!   เอาละวะ ผมหันขวับไปมองกิตินนท์แทบจะทันที มวยไชยาที่เคยร่ำเรียนมา ได้ปัดฝุ่นวันนี้แหละวะ  สู้กับคนบ้าคงต้องออกแรงไม่น้อย...

เสียงเขาหัวเราะ...พร้อมขอโทษ “เดี๋ยวๆๆ  ผมขอโทษที่ไม่ได้อธิบายให้ฟัง ใจเย็นๆ ครับ ลดหมัดลงก่อน” ...อ้าว ผมตั้งการ์ดขึ้นเมื่อไหร่นี่  มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของการเล่นมวยโบราณจนเข้าเนื้อ “ผมจำเป็นต้องพรางตาเครื่องข้ามเวลาเอาไว้” เขารีบพูด  ..หืม... จิงดิ ผมยังไม่ลดการ์ดมวย... “อะไรกันวะ ผมไม่เชื่อ” ผมเริ่มไม่สุภาพกันละ   กิตินนท์ล้วงหยิบบางสิ่งออกมากจากกระเป๋ากางเกง  ผมนี่เกร็งตีนเต็มที่ เตรียมออกอาวุธเตะตรง หมายที่ปลายคางกะว่าทีเดียวให้หลับ   

“แป้ปนึงนะครับ ใจเย็นๆ”  เขาชูมือให้ดูช้าๆ มันคล้ายรีโมทอันใหญ่สีเงิน ผมถอยฉากไป 3 ก้าว พยายามยืนใกล้ประตูทางออกมากที่สุด เมื่อเขากดปุ่มหันไปทางเก้าอี้  มีเสียงเบาๆ คล้ายเสียงเครื่องจักรในโรงงานกำลังสตาร์ทเครื่อง  

.

เก้าอี้แดงในห้องขาว (นี่ผมจะบ้าแล้ว ชื่อเหมือนหนังสือ) ก็เปล่งแสงแว้บคล้ายแฟลซถ่ายรูป จนผมหันหน้าหลบ ผมสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ มันเปลี่ยนรูปร่างพรึ่บแบบมองไม่ทัน กลายเป็นลูกแก้วกลมใสใบใหญ่แทบจะถึงเพดานห้อง มองทะลุเห็นที่นั่ง 2 ที่ พร้อมปุ่มควบคุมต่างๆ อยู่ข้างใน ถ้าอธิบายง่ายๆ ก็ไปดูหนัง จูลาซสิก เวิร์ล 2 ภาคหลังนี่ก็แล้วกัน คล้ายมากๆ... เอ้อ เฮ้ย แบบนี้ ค่อยเหมือนไทม์แมชชีนหน่อย

“เป็นวิทยาการพรางตัว” กิตินนท์พูดเหมือนรู้ว่าผมจะถามอะไร  ...“ที่ได้จากมนุษย์ต่างดาว” เฮ้ย อันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดละ !! “เครื่องนี้ ผมต้องพรางมันไว้ ถ้าคนมาเห็นละเรื่องใหญ่แน่ๆ”

“ผมรู้นะ ว่าพี่คงไม่ค่อยเชื่อเรื่องผมข้ามเวลามาจากอดีตแต่แรก คงมีคำถามเป็นล้านข้อที่พี่อยากถามผม เอาเป็นว่า ผมไม่ได้มามั่วๆ ผมเจาะจงจะมาที่แถวออฟฟิตของพี่  เพราะรู้ว่าพี่เป็นคนที่จะรับฟังเรื่องผมได้” แน่ะ... เขารู้ได้ยังไง..ผมยังไม่ละสายตาจากเครื่องข้ามเวลา !  “คือก่อนที่ผมจะเดินทางมา ผมได้ข้อมูลของพี่มาก่อน ว่าเป็นคนที่ไม่กลัว ไม่ปอด  และใจกว้างคงรับฟังเรื่องของผมได้”  ...”ไปได้ข้อมูลจากไหน” ผมถาม  ....“เพื่อนพี่ที่ชื่อ โน บอกผม”

 ไอ้โน เพื่อนตัวอ้วนชอบทำงานก่อสร้างที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อ 15 ปีก่อน  จากโรคที่หมอไม่ทราบสาเหตุ อยู่ดีๆ ก็ตัวขาวซีดแล้วก็เสียชีวิต จึงลงชาร์ตคนไข้ว่า ...ไหลตาย   “ผมเสียใจที่ต้องบอกความจริงว่า พี่โนแกขโมยอาวุธของมนุษย์ต่างดาว...” ผมตาเบิกกว้าง ชีวิตไอ้โน มันไปเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวด้วย !! ...“หา มันโดนมนุษย์ต่างดาวฆ่าเหรอ”
“เปล่าครับ เขาใช้อาวุธไม่เป็น มันเลยย้อนมาทำร้ายตัวเขาเอง”...โธ่ ไอ้โนเอ้ย...

”นี่แสดงว่า มนุษย์ต่างดาว มันจะมายึดโลกล่ะซิ”  ผมเริ่มถามแบบมั่วแล้ว  ไปไม่มีทิศทางกันละ ในหัวผมมันเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่มีในสาระบบความจริง  ไหนจะเครื่องข้ามเวลา ไหนจะวิทยาการพรางตัว ไหนจะมนุษย์ต่างดาว ไหนจะเรื่องไอ้โน เพื่อนผมไปยุ่งกับมนุษย์ต่างดาวอีก ...!! โอ้ย ... มั่วๆๆ ไปหมด

 “จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ” เอาละซิ ไอ้ห่าน ผมต้องอุทานในใจดังๆ นี่เมิงตอบให้กรูงงหนักไปอีก เอ้ะ นี่ผมคิดเป็นคำหยาบนี่...!!  “มนุษย์ต่างดาว มี 2 พวก มาจากคนละดาว  พวกหนึ่งอยากช่วยโลก อีกพวกหนึ่งมันจะยึดโลก” ไปกันใหญ่ละ ไอ่สลัดเอ๊ย แหน่ะ ...ผมคิดแบบไม่สุภาพอีกแล้ว

“พี่เคยเห็นพวกแชร์ลูกโซ่ไหมครับ”.. “เคย  เคยล่นด้วยล่ะ เจ๊งไปไม่น้อย” ...ผมตอบภาษาซื่อ  เอ๊ะ แต่มันเกี่ยวไรด้วยวะ

“พี่คงไม่รู้ ว่าคนก่อตั้งบริษัทแชร์ลูกโซ่ยักษ์ใหญ่ มันเป็นมนุษย์ต่างดาว”... เฮ้ย !!  บ้าแล้ว ผมอุทานเสียงดังออกนอกหน้า

“พี่คงไม่รู้อีกว่า ธุรกิจยักษ์ๆ ที่มันพยายามกลืนธุรกิจเล็กๆ  เจ้าของมันก็เป็นมนุษย์ต่างดาวทั้งนั้น”  และก่อนที่ผมจะอุทานซ้ำ “บริษัทค้าอาวุธ ก็เป็นพวกมันเยอะ บริษัทผลิตยาด้วย ทั้งพวกกองโจรทั้งหลายก็พวกมันแทรกตัวอยู่   มันพยายามแทรกซึมโลกทุกองค์กร แม้แต่นักการเมือง ผู้บริหารประเทศ !!

.  

มันมาโลกนี้เป็นพันปีได้แล้วละมั้ง  มันต้องการให้มนุษย์เป็นทาสรับใช้มัน แรก ๆก็ยังทำไม่สำเร็จ เพราะมันต้องปรับตัวบนโลก เลยหาทางสมสู่กับมนุษย์แบบข้ามสปีชีย์  มันทดลองหลายวิธี จนกระทั่งสุดท้าย พบวิธีการแพร่พันธุ์ตัวเองแบบที่เกย์ทำ” ผมอ้าปากหวอ... “ใช่ครับ พออัดถั่วดำ อุปกรณ์ทางชีวภาพที่ติดในตัวมันก็จะส่งเซลล์ต้นกำเนิดไปในร่างเหยื่อ ค่อยๆ ขยายตัวภายในเหมือนเชื้อโรค ค่อยๆ สิงร่างเหยื่อจนกลายเป็นพวกมันในที่สุด  เราเลยแยกไม่ออกระหว่างมันกับมนุษย์โลกจริงๆ “.... ถั่วดำ ...เขาใช้ศัพท์ 3.0  ผมคิด

“สัก 100 ปีมานี้ มันก็ทำสำเร็จสูงขึ้นมากๆ   มันสามารถสมสู่ขยายพันธุ์ได้สบายๆ ได้ทุกเพศ  ยิ่งคนฟรีเซ็กส์เท่าไหร่ มันยิ่งขยายพันธุ์ได้เร็วเท่านั้น  ผมเห็นสาวนุ่งกางเกงสั้นจนขอบก้นโผล่  และเห็นคลิปโป๊ในอินเตอรเน็ตส่งกันเพียบดูไม่ทัน  ผมรู้ได้ทันทีเลยว่านี่เป็นกลยุทธ์ของพวกมัน”... จิงดิวะ..โลกวุ่นทุกวันนี้เกิดจากมนุษย์ต่างดาวจิงรึวะ ...ผมคิดแบบไม่สุภาพเช่นเคย

“มันทำคนให้เป็นทาสมันโดยไม่รู้ตัว   พวกมันคือคนส่วนหนึ่งที่เป็นเสมือนเจ้านาย และมนุษย์โลกส่วนใหญ่เป็นทาสมันอย่างเงียบๆ ที่ต้องทำตามคำสั่งของมัน  มันสามารถสั่งให้คนแต่งตัวยังไงก็ได้ สั่งให้กินอะไรก็ได้  สั่งแต่งหน้ายังไง  ใช้ของแบบไหน ...ได้หมด ไม่ว่าจะแพงไม่สมเหตุผลยังไง มันก็สั่งคนให้ซื้อได้สบายๆ เป็นหนี้ก็ไม่สน  มันใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจที่มันครอบครองอยู่  ใช้แฟชั่นและการตลาดเป็นตัวหลอกล่อคนแบบนิ่มๆ  มนุษย์เองอยากทำตามที่มันสั่งด้วยความเต็มใจเสียด้วยซ้ำไป ! ...

 พวกที่จะยึดโลกนี้มาจากดาวที่เราเรียกว่า กริเลซแพลนเน็ต  ... คนไทยโบราณที่รู้แอบบอกใบ้ไว้ในคำว่า กิเลส...

..."น้องที่เดินออกไปเมื่อกี้ ก็เป็นลูกมนุษย์ต่างดาว !!” 

 

.โอ้ยๆ   หัวผมหมุนไปหมด...ท้องไส้พาลปั่นป่วน !!  ผมขอตัวกลับไปตั้งหลัก ก่อนจะได้ฟังอะไรที่บ้าไปมากกว่านี้

ลืมไปเลยว่า นี่ถ้าเป็นเรื่องจริง เขาคงไม่ให้ผมกลับง่ายๆ เพราะผมล่วงรู้ถึงความลับของเขาแล้ว.... ซึ่งก็จริงล่ะครับ ผมวูบสลบไปก่อนจะเดินถึงหน้าประตูบ้านกิตินนท์.....

.

.

อ่านตอนอื่นๆ ได้ที่    https://www.gotoknow.org/blog/...

หมายเลขบันทึก: 650320เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2018 08:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม 2018 14:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งสนุกมากขึ้น คงจะเริ่มถลำลึกเข้าไปในกับดัก..ของ มนุษย์ต่างดาว อีกพวกนึง!! แล้วครับ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท