ความเชื่อ....สู่พลังใจ
..... ท่ามกลางความเงียบสงบ ในเวลาที่ดึกสงัด เมื่อหลายปีก่อน ในขณะที่เราขึ้นปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยแห่งหนึ่งร่วมกับทีมงานทั้งหมด 4 คน ซึ่งให้การดูแลคนไข้หลังผ่าตัดปลูกถ่ายไตเป็นส่วนใหญ่ ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองไปตามปกติ แม้จะมีความง่วงอยู่บ้างตามธรรมชาติของมนุษย์ เพราะเวลาเช่นนี้ควรจะเป็นเวลาของการนอนหลับพักผ่อนก็ตาม แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ของวิชาชีพก็ต้องดำเนินต่อไป
ขณะนั่งเขียนงานอยู่เคาน์เตอร์พยาบาล อยู่ๆก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากห้องคนไข้ (เตียงรวม) ซึ่งเป็นคนไข้ชาย หลังผ่าตัดปลูกถ่ายไตผ่านมาได้ 5 วันแล้ว เสียงที่ได้ยินนั้นเสมือนคนไข้พูดคุยโต้ตอบกับใครสักคน คล้ายการคุยโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่ก็สามารถทะลุผ่านบานกระจกของประตูห้องออกมา เพียงพอที่ทำให้เราและผู้ร่วมงานได้ยินพร้อมๆกัน เรากับเพื่อนพยาบาลอีกคนจึงลุกเดินไปส่องดูที่หน้าห้อง ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องนั้น คนไข้ก็นอนหลับพักผ่อนเหมือนเดิม (ปกติคนไข้หลังปลูกถ่ายไต จะไม่อนุญาตให้ญาติเฝ้าหรือเข้าเยี่ยม) แล้วเสียงก็เงียบไปพักหนึ่ง และดังขึ้นใหม่อีกครั้ง ด้วยความสงสัย วิตกกังวล เป็นห่วง เกรงว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้ หรือเปล่า เราและเพื่อนจึงเดินเข้าไปที่ข้างเตียง พร้อมๆกับเป็นเวลาในการวัดสัญญาณชีพ ประเมินสารน้ำ ตวงปัสสาวะ ประจำชั่วโมงพอดี เราจึงได้เอ่ยถามคนไข้ ซึ่งรู้สึกตัวตื่นนอนตั้งแต่เราเดินเข้าห้องแล้ว ว่า ….“ เมื่อสักครู่ คุณได้ละเมอพูดคุยอะไรออกมา หรือตื่นมาคุยโทรศัพท์กับคนทางบ้านรึเปล่าคะ หรือมีเรื่องด่วนอะไรไม่สบายใจมั้ยคะ” คนไข้ได้ตอบว่า “ เปล่าครับ ผมไม่ได้ละเมอ และไม่ได้คุยอะไรกับคนทางบ้าน ผมรู้สึกตัวดี และมีสติดีทุกอย่างครับ แต่ผมคุยกับคนคนหนึ่งอยู่ ไว้ตอนเช้า ผมค่อยเล่าให้คุณพยาบาลฟังนะครับ ” เรากับเพื่อนก็ได้แต่รับฟังและไม่รบกวนคนไข้อีก แต่ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดเก็บความสงสัยไว้ในใจ
เวลาเช้า หลังจากปฏิบัติภารกิจภายในเวรเสร็จ ก็ได้ไปพูดคุยสอบถามคนไข้อีกครั้ง ได้รับคำตอบ…“.เมื่อคืน ผมคุยกับเจ้าของไตที่ให้ผมครับ เค้ามากล่าวลาผมที่ข้างเตียงตรงนี้ ” (พร้อมกับชี้มือไปที่เก้าอี้ข้างเตียง) “ ผมไม่ได้ฝัน ผมไม่ได้ละเมอนะครับ มันคือเรื่องจริง ” เรายืนรับฟังด้วยอาการสงบปล่อยให้คนไข้ได้เล่าต่อ…. “ เจ้าของไตที่บริจาคให้ผม เค้าเป็นนักศึกษาผู้หญิง อายุประมาณ 20 ปี กำลังวัยรุ่น เค้าบอกว่า เค้าจะไปเกิดใหม่แล้ว เค้าได้มาใช้หนี้กรรมให้ผมแล้ว เค้ามาดักรอผมตั้งแต่ที่หน้าโรงพยาบาล เพื่อจะให้ไตกับผมเท่านั้น คนอื่นเค้าจะไม่ให้เพราะผมเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเค้า เค้ามาขอบคุณที่ผมได้ทำบุญให้ด้วย ” (คนไข้บอกว่า ได้บอกภรรยาทำสังฆทาน ถวายพระ เมื่อวันก่อน)
ในบทบาทของพยาบาล ณ เวลานั้น สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดที่ทำได้ ก็คือการรับฟัง ยอมรับในสิ่งที่คนไข้บอกกล่าว ไม่โต้แย้งในความเชื่อ แต่ใช้ความเชื่อ ความศรัทธา ที่คนไข้มีเป็นสิ่งเสริมสร้างพลังใจที่ดีในการดูแลตนเอง เพราะคำพูดหนึ่งที่คนไข้บอกก็คือ “ ผมจะดูแลรักษาไตที่เค้าให้ผมมาให้อยู่กับผมให้ดีๆและนานๆ จะปฏิบัติตัวให้ดี ให้ความร่วมมือในการรักษาพยาบาลให้ดีที่สุด ”
ก่อนลงเวร เราเปิดแฟ้มประวัติคนไข้ดูอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย ในแฟ้มประวัติ มีเอกสารแผ่นหนึ่ง เป็นรายงานข้อมูลของผู้บริจาคไตหรือ Donor คือผู้หญิง อายุ 21 ปีนักศึกษา ปี 2 มหาวิทยาลัยขอนแก่น อุบัติเหตุจากรถมอเตอร์ไซค์ เป็นเหตุให้สมองตาย และได้บริจาคอวัยวะไว้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ ทำให้ย้อนนึกถึงคำบอกเล่าของคนไข้เมื่อเช้าเลยทีเดียว
ถึงแม้คำบอกเล่าจากคนไข้ครั้งนี้ มิอาจพิสูจน์ได้ในทางวิทยาสาสตร์ก็ตาม แต่เราเชื่อว่า ในมิติทางจิตวิญญาณ ความเชื่อ ความศรัทธา ของมนุษย์ที่มีต่อบุคคล สถานที่หรือวัตถุสิ่งของใดๆก็ตาม สามารถทำให้มนุษย์อยู่ได้ด้วยความหวัง และก่อเกิดพลังแรงใจดีๆในการขับเคลื่อนชีวิตของตนต่อไป
เรื่องนี้อย่าลบหลู่นะคะ น่าสนใจมาก
ใช่ค่ะพี่แก้ว นกเองก็รู้สึกเช่นนั้น ขอบพระคุณมากค่ะ
สาธุ ขอบคุณค่ะพี่กุ้ง
ตามมาอ่าน....
บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ได้
เป็นความเชื่อที่ส่งเสริมให้คนปฏิบัติดี....เป็นสิ่งดี
จริงค่ะ พี่กระติก ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาติดตาม มือใหม่ในGotoknow ค่ะ
เขียนได้ดีครับ อ่านวรรคแรกแล้วชวนติดตามให้อ่านต่อจนจบ
ขออนุโมทนาบุญของความดีทั้งผู้ให้และผู้รับครับ
สาธุค่ะ และก็ขอขอบคุณมากนะคะ ที่ให้กำลังใจมือใหม่ Gotoknow อย่างนกค่ะ