ชีวิตที่พอเพียง 3192a. ชีวิตลับของสุริยา


ดวงอาทิตย์มี "แม่" และมีพี่น้อง เกิดจากการ "ตั้งครรภ์" นาน ๓๐ ล้านปี มีชีวิตมาแล้ว ๔.๖ พันล้านปี คาดว่าจะมีอายุขัย หนึ่งหมื่นล้านปี การตายจะเป็นการตายแบบโครมคราม เป็นการ "จุติ" มากกว่าดับสูญ

บทความ The Secret Life of the Sun(1)ในนิตยสารScientific American  ฉบับเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ให้ความรู้ใหม่เรื่องกำเนิด ชีวิต และอวสานของพระอาทิตย์  

เป็น transformative learning สำหรับผมในเรื่องจักรวาล   คือหลายประเด็นเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะมี

บทความนี้เขียนดีจริงๆ สมกับที่ผู้เขียน (Rebecca Boyle) เป็นนักเขียนมือรางวัล   คือสามารถเขียนเรื่องยากให้เข้าใจง่าย  

ผมไม่เคยคิดว่าจะมีการวิจัยชีวิตของพระอาทิตย์ตั้งแต่เกิดจนตายได้    แต่มนุษย์เรา (นักวิทยาศาสตร์) ก็คิดค้นหาวิธีศึกษาจนได้    เป็นความชาญฉลาดที่น่ายกย่อง

เอาเข้าจริง star และplanetก็ไม่ได้เกิดจากศูนย์   ที่เกิดจากศูนย์คือ Big Bang   แต่หลังจากนั้น ดาวฤกษ์ (star) และดาวเคราะห์ (planet) ต่างก็เกิดจากการรวมตัวของสิ่งที่มีอยู่แล้ว     บิ๊กแบง เกิดเมื่อ ๑๓.๘ พันล้านปีมาแล้ว   ดวงอาทิตย์กำเนิดเมื่อ ๔.๖ พันล้านปีมานี่เอง     จากการรวมตัวกันของฝุ่นผงและวัตถุในอวกาศ ที่เป็นสิ่งเหลือจากดาวรุ่นก่อนๆ ที่สิ้นอายุไปแล้ว    ดวงอาทิตย์เกิดจากปรากฏการณ์ “รีไซเคิ้ล”นะครับ     ไม่ใช่สิ่งบังเกิดใหม่ทั้งหมด    

ที่สำคัญคือ ในเวลาใกล้เคียงกัน โลกและดาวเคราะห์อื่นๆ ในระบบสุริยะ ก็เกิดขึ้นจากการรวมตัวของวัตถุในอวกาศคล้ายๆ กัน   โลกไม่ได้โดยสลัดออกมาจากดวงอาทิตย์แล้วเย็นตัวลง อย่างที่ครูสอนผมเมื่อเกือบเจ็ดสิบปีมาแล้ว     ตามทฤษฎีใหม่ โลกเกิดราวๆ ๓๘ –๑๒๐ ล้านปีหลังกำเนิดดวงอาทิตย์    โดยที่ดาวอังคารเกิดก่อน คือเกิดหลังกำเนิดดวงอาทิตย์ ๒ ล้านปี    

การรวมตัวกันของฝุ่นผงและวัตถุในอวกาศในบริเวณชายขอบของ กาแล็กซี่ทางช้างเผือกนี้ เกิดเป็นดาวฤกษ์หลายดวง ไม่ใช่ดวงเดียว    เขาเปรียบเทียบว่า ดวงอาทิตย์ก็มี พี่น้อง  มีแม่ เหมือนคนหรือสิ่งมีชีวิต    คือมีผู้ให้กำเนิด  และเมื่อตาย ดวงอาทิตย์ก็น่าจะให้กำเนิดทายาท    คือนักดาราศาสตร์หันมาใช้วิธีวิทยาการวิจัยเพื่อหาความสัมพันธ์เครือญาติของดวงดาวคล้ายทางชีววิทยา โดยวิธีที่เรียกว่า cosmochemistry    คือศึกษาปริมาณและสัดส่วนของธาตุในดวงดาว และในเทหวัตถุ 

สิ่งมีชีวิตตายเงียบๆ  แต่ดาว (ฤกษ์) ตายโครมคราม    เกิดการระเบิด พ่นก๊าซไฮโดรเจน  โลหะหนัก และสารกัมมันตรังสี ออกสู่อวกาศ    การระเบิดนั้นจึงนำไปสู่การก่อกำเนิดของวัตถุในอวกาศ ที่เป็น “วัตถุดิบ”ก่อกำเนิดดาว (ฤกษ์และดาวเคราะห์)    “การตั้งครรภ์”ของกำเนิดดวงอาทิตย์ ใช้เวลา ๓๐ ล้านปี (ให้วัตถุดิบมารวมตัวกัน  และมีดาวจากแดนไกลผ่านมากระตุ้นให้เกิด “การควบแน่น”ของอะตอม)    แต่เป็นการ “คลอด”ครั้งมโหฬาร  คือไม่ได้เกิดดวงอาทิตย์ดวงเดียว มีพี่น้อง สองสามร้อยไปถึงหมื่นดวง     ซึ่งในที่สุดก็พลัดพรากกันไป    แต่ก็มีที่ยังอยู่ด้วยกันเป็นดาวฤกษ์คู่ในท้องฟ้า   เขาให้ชื่อ “แม่”ของดวงอาทิตย์ว่า Coatlicue ตามชื่อของแม่ของดวงอาทิตย์ในความเชื่อของชนเผ่าAztec ในอเมริกาใต้   จะเห็นว่า “แม่”ของดาว ต้องตายก่อนจึงจะมีการ“ตั้งครรภ์” เพื่อให้กำเนิดดวงดาวดวงใหม่   ตรงกับความหมายของคำว่า “จุติ” (ตายไปเกิดใหม่)     

ในที่สุดเขาก็ค้นพบดาวที่น่าจะเป็นพี่หรือน้องของดวงอาทิตย์ ให้ชื่อว่า HD 162826   อยู่ห่างออกไป ๑๑๐ ปีแสง ที่ Hercules Constellation    ดาวดวงนี้ใช้กล้องส่องทางไกลธรรมดาก็มองเห็นได้      

 เท่ากับมีนักดาราศาสตร์แนวประวัติศาสตร์    ศึกษาอดีตและทำนายอนาคตของดาว   โดยดาวที่สนใจที่สุดคือดวงอาทิตย์และระบบสุริยจักรวาล    โดยศึกษาปริมาณของธาตุ Aluminum 26    ที่มีช่วงเวลาครึ่งอายุ ๗๓๐,๐๐๐ ปี   ปริมาณของธาตุนี้ในเทหวัตถุในท้องฟ้า ช่วยบอกประวัติศาสตร์ของดาวและเทหวัตถุต่างๆ ในท้องฟ้า    ซึ่งอาจเกิดจากการระเบิดของดาวในอดีต    โดยที่ Aluminum 26 สามารถเกิดขึ้นได้ในแกนกลางของดาวฤกษ์  

มีผลการวิจัยใหม่เอี่ยม บอกว่าโลหะหนักมีค่า เช่นเงิน ทอง ทองขาว ที่พบในโลก    มาจากดาวดวงอื่น    และได้มาวนเวียนอยู่บริเวณนี้ก่อนเกิดดวงอาทิตย์ ๑๐๐ ล้านปี    

อวสานของดวงอาทิตย์จะมาถึงในเวลา ๕ พันล้านปี    รวมแล้วอายุขัยของดวงอาทิตย์ของเรา ๑ หมื่นล้านปี    เวลาของดาราศาสตร์ยาวมาก ล้านปีถือว่าสั้น    คือการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นช้าๆ   แต่การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์รอบศูนย์กลางของกาแล็กซี่เร็วจี๋เลยนะครับ คือเคลื่อนที่วินาทีละ ๑๒๕ ไมล์ (โดยที่โลกและมนุษย์ก็เคลื่อนไปด้วย แต่เราไม่รู้สึกตัว)    ใช้เวลา ๒๓๐ ล้านปีต่อหนึ่งรอบ  เท่ากับดวงอาทิตย์เดินทางท่องกาแล็กซี่ทางช้างเผือกมาแล้ว ๒๐ รอบ    

ดวงอาทิตย์หมดอายุเพราะหมดแหล่งพลังงาน คือธาตุไฮโดรเจน ที่จะรวมตัวกันเป็นฮีเลี่ยมและปล่อยพลังงานออกมา     ดวงอาทิตย์จะพองตัวขึ้น กลืนกินดาวเคราะห์ดวงที่อยู่ใกล้ โดยที่โลกก็น่าจะโดนด้วย    แกนกลางดวงอาทิตย์จะเย็นลง และดึงดูดส่วนรอบนอกเอาไว้ไม่ได้  ส่วนรอบนอกก็จะหลุดลอยไป     ดวงอาทิตย์กลายเป็นดาวแคระขาว (white dwarf)   และส่วนประกอบต่างๆ ของดวงอาทิตย์จะกลายเป็น “ชิ้นส่วน”เพื่อ “รีไซเคิ่ล”เกิดดาวดวงใหม่ต่อไป    

วิจารณ์ พานิช 

๙ มิ.ย. ๖๑ 

 

หมายเลขบันทึก: 648008เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2018 10:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2018 10:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ตอนนั้นทุกสิ่งคงหมดสิ้นไปแล้วใช่ไหมคะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท