สภามหาวิทยาลัย ก มีมติแต่ตั้งคณบดีคณะ ข ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสรรหา และมหาวิทยาลัย ก ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ต่อมาผู้ได้รับเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาท่านหนึ่งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและแต่งตั้งตนเป็นคณบดี
ปี ๒๕๕๖ ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้มหาวิทยาลัย ก เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณบดี ด้วยเหตุผลว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัย ก ว่าด้วยการสรรหาคณบดี พ.ศ. ... มิได้กำหนดวิธีการลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการสรรหาไว้โดยเฉพาะ และคณะกรรมการสรรหาก็มิได้กำหนดวิธีการลงคะแนนเสียงไว้ ซึ่งแนวปฏิบัติที่ผ่านมาก็ไม่ได้กำหนดว่า การลงมติที่ประชุมให้ถือเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๘๒ กล่าวคือ ให้ถือเสียงข้างมาก การที่คณะกรรมการสรรหาฯ ได้ลงมติครั้งแรก ผู้ฟ้องคดีได้ ๓ คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงข้างมาก แต่คณะกรรมการสรรหาฯ เห็นว่าคะแนนไม่เกินกึ่งหนึ่ง จึงลงมติครั้งที่ ๒ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อสภามหาวิทยาลัยมีคำสั่งแต่งตั้งคณบดีคณะ ข ซึ่งเป็นผลจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครอง ... จึงพิพากษาเพิกถอน”
มหาวิทยาลัย ก อุทธรณ์
๔ มกราคม ๒๕๖๑ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืน
นำมาเล่าไว้ เพื่อให้สภามหาวิทยาลัยระมัดระวัง ด้าน legal risk
วิจารณ์ พานิช
๒๔ ก.พ. ๖๑
ไม่มีความเห็น