วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ มีการประชุมคณะกรรมการสภาวิทยาเขตหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีวาระรายงานผลการวิเคราะห์หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษาที่เปิดสอนในวิทยาเขตหาดใหญ่ ข้อมูลที่นำเสนอ และสาระของการอภิปรายในที่ประชุมทำให้ผมนึกถึงหัวข้อในบันทึกนี้ ... การใช้ทรัพยากรอุดมศึกษาของชาติให้ก่อผลคุ้มค่า
ท่านคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ศ. ดร. ดำรงศักดิ์ ฟ้ารุ่งสาง นำข้อมูลการประเมินหลักสูตรระดับปริญญาโท และปริญญาเอกด้วยตัวชี้วัด ๖ ตัวคือ
มีการกำหนดเกณฑ์ เพื่อให้คะแนนแต่ละตัวชี้วัด หาคะแนนรวม แต่ท่านคณบดีชี้ให้เห็นว่า คะแนนรวมไม่ไวพอสำหรับบอกว่าหลักสูตรใดคุณภาพสูง ปานกลาง และต่ำมาก ท่านชี้ว่า มีตัวชี้วัด ๓ ตัว ที่หากหากหลักสูตรใดคะแนนต่ำทั้งสามตัวชี้วัด แสดงว่าเป็นหลักสูตรที่มีปัญหาคุณภาพ คือ ตัวชี้วัดที่ ๑, ๕, และ ๖
ที่ประชุมอถิปรายกันอย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องเกณฑ์ในการคิดคะแนน การที่ราชการให้นำปริญญาในหลักสูตรไปปรับวุฒิได้หรือไม่ ความต้องการของตลาดผู้เรียน การที่นักศึกษาบางหลักสูตรมีพฤติกรรมเรียนช้าๆ ใช้เวลาที่กำหนดในหลักสูตรให้ยาวที่สุด และหากจบไม่ทันก็ยอมให้ถูกให้ออก แล้วสมัครเข้าเรียนใหม่โดยเทียบโอนหน่วยกิตเดิมได้ทั้งหมด ฯลฯ
ผมได้ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ของอุดมศึกษาไทย และอุดมศึกษาโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว และต่อไปการเปลี่ยนแปลงจะยิ่งรุนแรงขึ้น ความต้องการเรียนระดับบัณฑิตศึกษาโดยรวมลดลง แต่ความต้องการเรียนบัณฑิตศึกษาที่มีคุณภาพสูงจะยังคงอยู่ แต่นิยามคำว่า “บัณฑิตศึกษาที่มีคุณภาพสูง” อาจเปลี่ยนไป และต่อไปนี้ผู้กำหนดคือตลาดหรือผู้เรียน ซึ่งก็เรียนเพื่อนำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพ หลักสูตรที่ไม่สนองผู้เรียนก็จะต้องหมดไป
จึงมีความจำเป็นที่มหาวิทยาลัยวิจัยระดับชาติ (และโลก) อย่าง มอ. ต้องดำเนินการประเมินคุณภาพของหลักสูตรบัณฑิตศึกษา โดยมองจากหลายมุมมอง แยกแยะออกเป็นหลักสูตรคุณภาพสูง ปานกลางและต่ำ กลุ่มคุณภาพต่ำ หากมีสถาบันอื่นผลิตได้ดีอยู่แล้วอย่างเพียงพอ มอ. ก็น่าจะปิดหลักสูตรนั้นๆ เสีย เอาทรัพยากรไปทำอย่างอื่นที่มีคุณค่าต่อบ้านเมืองมากกว่า
หลักสูตรระดับปานกลาง ก็น่าจะกำหนดว่าจะต้องปรับปรุงให้เป็นหลักสูตรชั้นดี ภายในกี่ปี และมีการติดตามตรวจสอบสม่ำเสมอ หากมีเค้าว่า พัฒนาไม่ขึ้น ก็ควรปิดเช่นเดียวกัน
ทรัพยากรของบ้านเมืองมีจำกัด เราควรใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า
วิจารณ์ พานิช
๑๙ ก.พ. ๖๑
ไม่มีความเห็น