ข้อเสนอแนะ
หนังสือ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสถาบันวิชาชีพด้านสุขภาพ
วิจารณ์ พานิช
.......................
ผมขอแสดงความชื่นชม และแสดงความยินดี ต่อคณะอนุกรรมการ I-Reform ที่มี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ พงษ์ศักดิ์ วรรณไกรโรจน์ เป็นประธาน และต่อคณะทำงานทั้งสองชุด ที่ได้รวบรวมข้อมูลและสังเคราะห์ข้อเสนอแนะที่ครบถ้วน ลุ่มลึก เชื่อมโยง และทรงคุณค่ายิ่งนี้ รายงานชิ้นนี้จะมีประโยชน์ยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษาของบุคลากรในวิชาชีพสุขภาพ และต่อสถาบันอุดมศึกษาในภาพรวม เพราะโลกในศตวรรษที่ ๒๑ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยพลังแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นพลังหลักอย่างหนึ่ง
การศึกษาและรายงานนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นการหาข้อมูลเพื่อใช้เป็นฐานในการพัฒนาต่อ ดังนั้นคำนิยมนี้จะเขียนแบบเน้นการให้ข้อเสนอแนะเพื่อการร่วมกันดำเนินการของสถาบันต่างๆ ในการใช้พลังของไอซีที เพื่อพัฒนาผลงานหรือคุณภาพของสถาบัน เป็นหลัก อันจะส่งผลดีต่อวงการศึกษาของวิชาชีพสุขภาพ ต่อการพัฒนาระบบสุขภาพ และต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวม
ผมขอเสนอให้คณะอนุกรรมการชุดนี้ทำงานระยะยาว โดยในโอกาสต่อไปควรศึกษาพฤติกรรมของผู้เรียน ในการใช้ ไอซีที เพื่อการเรียนรู้ระดับ mastery และระดับ transformative ของตน และหาทางส่งเสริมการใช้อย่างทรงคุณค่า โดยใช้กลุ่มนักศึกษาที่มีวิธีใช้ที่ดี เป็นพลังขับเคลื่อนหลัก โดยใช้หลักการว่า นักศึกษาเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ (co-producer) ไม่ใช่เป็นเพียง user โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาที่มีวิธีปฏิบัติที่ดี (best practice)
ผมเข้าใจว่าคณะอนุกรรมการมีกรณีตัวอย่าง วิธีปฏิบัติที่ดี ของสถาบันอุดมศึกษา ของคณะ ของภาควิชา และของอาจารย์เป็นรายคน จึงขอเสนอให้นำกรณีตัวอย่างเหล่านั้นขึ้นเว็บไซต์ของสถาบันเจ้าของเรื่อง และของมูลนิธิเพื่อพัฒนาการศึกษาบุคลากรสุขภาพ และนำลิ้งค์เหล่านั้นมาแนะนำในเอกสารนี้
สิ่งที่ควรพิจารณาศึกษา และเสนอแนะเพิ่มเติม คือ การใช้ไอซีที เพื่อการศึกษาต่อเนื่องของแต่ละวิชาชีพ และการเรียนหรือฝึกร่วมวิชาชีพ (IPL – Inter-professional Learning) และใช้ไอซีทีเอื้อระบบ feedback สู่การพัฒนาเชิงระบบ
การจัดการระบบไอซีที พึงระวังติดกับดักเทคโนโลยี (technology trap) คือปล่อยให้นักเทคโนโลยีเป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนา เป็น technology-led development ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิด อันจะก่อการลงทุนมาก มีคนใช้น้อย ก่อผลประโยชน์น้อย ที่ถูกต้อง การพัฒนาระบบไอซีที พึงพัฒนาตามความความต้องการของผู้ใช้ หรือตามที่ผู้ใช้สามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและก่อผลลัพธ์ตามที่กำหนดไว้ คือใช้ยุทธศาสตร์ผู้ใช้เป็นหลัก นักเทคโนโลยีเป็นผู้สนอง
ในเรื่องการพัฒนาผู้บริหาร อาจารย์ และเจ้าหน้าที่สายสนับสนุน ให้มีสมรรถนะด้านไอซีทีนั้น ผมมีความเห็นต่างจากที่เสนอไว้ ผมคิดว่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหาร อาจารย์ และบุคลากร ที่จะต้องพัฒนา ICT literacy ของตนเอง ให้ทันต่อการทำหน้าที่ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสถาบันจัดระบบเอื้อต่อการเรียนรู้และฝึกฝนของท่านเหล่านั้น ผมมีคำถามต่อ ว่าควรใช้ผลการประเมินสมรรถนะนี้ในการพิจารณาความดีความชอบด้วยหรือไม่
ในเรื่องการประยุกต์ใช้ไอซีทีต่อการเรียนการสอน ผมสนับสนุนข้อเสนอในเอกสารนี้ ว่าสถาบันอุดมศึกษาต้องใช้พลังไอซีที ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะที่ต้องการได้จริง ในระดับ mastery และเกิด transformative learning ได้ในนักศึกษาทุกคนหรือเกือบทุกคน และที่สำคัญที่สุด ทำได้โดยประหยัดแรงงานสมอง (cognitive load) คือไม่เป็นเรื่องยากที่นักศึกษาจะบรรลุผลการเรียนรู้ในระดับดังกล่าว
หัวใจสำคัญในเรื่องไอซีทีคือการดำเนินการอย่างเป็นระบบทั่วทั้งองค์กร และร่วมมือกันข้ามองค์กร เพื่อให้ใช้ทรัพยากรน้อย ได้ผลมาก ผมมีคำถามว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนกติกาด้านระบบให้ความดีความชอบ (reward system) เพื่อหนุนการคิดเชิงระบบ และทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตามแนวทางที่เสนอในเอกสารนี้หรือไม่
ผมขอแสดงความชื่นชมต่อผลงานชิ้นนี้ และแสดงความยินดีต่อทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันผลิตผลงานที่มีคุณภาพสูงชิ้นนี้ หากมีการนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จะก่อคุณูปการต่อการศึกษาไม่เฉพาะต่อนักศึกษาในวิชาชีพสุขภาพเท่านั้น แต่จะยังประโยชน์แก่นักศึกษาทุกสาขาวิชา รวมทั้งจะช่วยให้ชีวิตการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นชีวิตที่ให้ความสนุกสนานและทรงคุณค่ายิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ
วิจารณ์ พานิช
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
อ่านรายงาน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสถาบันวิชาชีพด้านสุขภาพ ได้ที่ (๑)
ไม่มีความเห็น