กองทัพสหรัฐอเมริการิเริ่มนำเอาระบบการสะท้อนการเรียนรู้ (Reflection) และการทบทวนหลังการลงมือทำ (Review) มาใช้อย่างเป็นระบบ การทบทวนหลังปฏิบติการ หรือ After Action Review หรือ AAR เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่กองทัพพัฒนาและต่อมากลายมาเป็นมาตรฐานกระบวนการเรียนรู้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
บทความเรื่อง THE U.S. ARMY’S AFTER ACTION REVIEWS: SEIZING THE CHANCE TO LEARN (ดาวน์โหลดได้ที่นี่) เผยแพร่ผลการสัมภาษณ์ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (Chief of Staff of U.S. army) นายพลเอกกอร์ดอน อาร์ ซูรีแวน (Gordon R. Sullivan) และพันเอกโอริน เอ นาเจล (Orin A. Nagel) ผู้อำนวยการศูนย์ถอดบทเรียนทางการทหาร (Center of Army Lesson Learned) และนายทหารผู้เกี่ยวข้องหลายท่าน เกี่ยวกับที่มาของกระบวนการ AAR ความว่า...
ทหารได้เริ่มนำกระบวนการ AAR นี้มาใช้ในกลางปี 1970 เบื้องต้นได้ออกแบบสำหรับนำไปถอดบทเรียนประสบการณ์การต่อสู้จู่โจมของศูนย์ฝึกอบรมแห่งชาติ (National Training Center) และค่อยๆ ถูกนำไปใช้ขยายกระจายออกไปอย่างช้าๆ เป็นเวลาถึงทศวรรษกว่าที่ AAR จะกลายมาเป็นเครื่องมาตรฐานบรรจุในหลักสูตรฝึกอย่างเป็นทางการ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ AAR ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย คือ การทำ AAR ของทหารกลุ่มเล็กๆ ในหลุมหลบภัยหรือในรถถัง ที่กรุงเฮติ (Haiti) กลางทะเลทรายในเหตการณ์ส่งครามอ่าวเปอร์เซีย (Gulf war) เพื่อทบทวนภารกิจและกำหนดวิธีพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ คำว่า AAR ได้ถูกนำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก จากนั้นได้แพร่หลายไปสู่ทุกหน่วยทุกงานอย่างรวดเร็ว
การทำ AAR สามารถทำได้ทั้งแบบทางการ (formal) และไม่เป็นทางการ (informal) วิธีการคือ ใช้คำถาม ๔ คำถาม นำให้เกิดการทบทวนอภิปราย โดยคำถามอาจแตกต่างลำดับไป แต่คล้าย ๆ กัน ดังภาพ
บทความนี้บอกว่า คำถามแรกและคำถามที่สองไม่ควรใช้เวลาเกินร้อยละ ๒๕ คำถามที่ ๓ ให้ใช้เวลาประมาณร้อยละ ๒๕ และให้ไปเน้นหนักที่คำถามสุดท้ายร้อยละ ๕๐ ... ผมตีความว่า AAR นี่คือเครื่องมือเพื่อพัฒนาโดยแท้
ไม่มีความเห็น