เขามาขอให้ผมเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัล และทีมฝ่ายวิชาการของสมาคมฯ มาคุยหารือกับผมเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ ทำให้เราเห็นพ้องกันว่า ปีนี้มีเวลาเตรียมการเรื่องนี้น้อยไป ปีหน้าต้องใช้เวลาตลอดปีเพื่อทำงานนี้
เพราะจริงๆ แล้วงานนี้ไม่ใช่แค่เพียงให้รางวัล แต่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการภาพใหญ่ในการขับเคลื่อนอุดมศึกษาไทยให้เอาใจใส่การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของ การเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑ โดยเวลานี้ ควอท. ร่วมกัน สกอ. ได้ประกาศใช้ Professional Standards Framework (PSF) สำหรับอาจารย์อุดมศึกษา (๒) ผมจึงเสนอทีมงานของ ควอท. ที่มี ผศ. ดร. วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ อุปนายกของ ควอท. และประธานคณะอนุกรรมการวิชาการ ว่าต้องใช้การให้รางวัลเป็นเครื่องมือทำให้ PSF เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และค่อยๆ ขับเคลื่อนความรู้ความเข้าใจเกณฑ์ของ PSF เราจึงตกลงกันว่าจะอิงกรอบ PSF เป็นเกณฑ์ตัดสินรางวัล
เวลานี้มี ๓ มหาวิทยาลัยที่ประกาศใช้ กรอบมาตรฐานคุณวุฒิอาจารย์ ได้แก่ มจธ., มทส., และ มอ. (๓) และทราบว่า มทส. มีอาจารย์ที่ได้รับการประเมินผ่านเกณฑ์ระดับ ๓ แล้ว ท่านเหล่านั้นจึงควรได้รับการพิจารณามอบรางวัลของ ควอท.
ผมเสนอว่า เพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ของบ้านเมือง ต้องไม่มองการมอบรางวัลในมุมมองที่แคบ คือยกย่องคนแล้วจบ แต่ต้องมองในมุมที่กว้าง คือมุ่งใช้คนที่มีความสามารถสูงและขับเคลื่อนพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของศิษย์อย่างได้ผลดี . ให้เป็น change agent อธิบายหรือเล่าเรื่องงานที่ตนทำและได้รับการยกย่องว่าทำอย่างไร เห็นผลอะไร หากจะให้ทำได้ถนัดขึ้นควรมีการปรับปรุงระบบต่างๆ ในมหาวิทยาลัยอย่างไร
หากมีการทำงานวิจัย เก็บข้อมูลการจัดการเรียนการสอนของอาจารย์ที่มีผลงานได้รับยกย่อง เอามาสังเคราะห์เสนอแนะการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับสถาบันแต่ละมหาวิทยาลัย ก็จะยิ่งจะได้แนวทางส่งเสริมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทย ๔.๐
วิจารณ์ พานิช
๑๗ ม.ค. ๖๑
ไม่มีความเห็น