หลังเกษียณผมได้รับเชิญเป็นกรรมการ(ผู้ทรงคุณวุฒิ)สถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนมัธยมศึกษาหลายแห่ง(เป็นกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาด้วย) และมักจะถูกเชิญให้ร่วมเป็นกรรมการประเมินครูผู้ช่วยที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม (ทดลองปฏิบัติงาน) อยู่บ่อยๆ จึงพบว่าครูรุ่นใหม่ๆสมัยนี้เก่งและตั้งใจทำงานกันมากทีเดียว เห็นแล้วก็ชื่นใจและเกิดความหวังว่า การปฏิรูปการศึกษา ในยุคต่อไปนี้ คงต้องอาศัยครูเหล่านี้แหละ ซึ่งเขาจะต้องอยู่ในระบบอีก 30-40 ปีข้างหน้า ผมคิดว่าเรื่องจิตวิญญาณความเป็นครูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เขามีพลังทุ่มเทและทำงานอย่างมีความสุขตลอดไป ซึ่งเราจะต้องช่วยกันสนับสนุนให้กำลังใจเขา ให้พวกเขามีแรงบันดาลใจและมีจิตวิญญาณความเป็นครูอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
วันครูปีนี้ผมเลยลองเขียนกิจกรรมสุนทรียสนทนาเรื่อง “ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์” สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มครูผู้ช่วย(จะลองไปทำกับครูปฏิบัติการอื่นๆบ้างก็ได้) โดยใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมง ซึ่งเขตพื้นที่การศึกษาอาจเป็นผู้ดำเนินการจัดเวทีสุนทรียสนทนานี้เอง หรือโรงเรียนจะดำเนินการเองก็ได้ และถ้าจะให้ดีกิจกรรมสุนทรียสนทนานี้น่าจะทำกันเป็นระยะๆ(ถือเป็นกระบวนการหนึ่งในการทำงานปกติ)กันอย่างต่อเนื่อง คือเมื่อสอนหรือทำงานกันไปสัก 2-3 เดือนก็มาล้อมวงเล่าเรื่องราวการสอนที่ตนเองประทับใจแลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งเป็นการ AAR(After Action Review) ไปพร้อมกันด้วย ใครจะลองนำไปประยุกต์ใช้ก็ได้ โดยอาจเลือกสื่อประกอบการทำกิจกรรมตามที่เห็นสมควรแล้วกัน
กิจกรรมสุนทรียสนทนาเรื่อง “ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์” (3 ชั่วโมง)
แนวคิด
ครูอาชีพ หมายถึงครูที่เป็นครูด้วยใจรัก ตั้งใจและพร้อมที่จะเป็นครูในทุกๆด้าน ทั้งด้านความรู้ ความประพฤติ การวางตน การเอาใจใส่ดูแลศิษย์ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู อุทิศตนให้แก่การสอนอย่างเต็มที่และเต็มเวลา มิได้คำนึงถึงรายได้กับความก้าวหน้าของตนเท่ากับบทบาทความเป็นครู ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำความดีเท่านั้น บางขณะเป็นทั้งพ่อ แม่ พี่ เพื่อนไปพร้อมๆกัน
จากความเชื่อที่ว่าบุคคลสามารถสร้างความรู้ขึ้นได้ด้วยตนเอง และครูแต่ละคนล้วนมีความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลายและแตกต่างกัน หากเราสามารถจัดกิจกรรมที่จะทำให้ครูแต่ละคนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีใจที่จะแบ่งปันความรู้ ถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นครูแก่กันและกัน โดยผ่านการเล่าวิธีปฏิบัติที่ดีที่ประสบผลสำเร็จและภาคภูมิใจในเรื่องนั้นๆของตนเอง แล้วแต่ละคนต่างนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตนเอง สู่การจัดระบบข้อมูลสารสนเทศ พัฒนาสู่การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมาด้วยตนเอง แล้วนำไปสู่การปฎิบัติ และต่อยอดพัฒนาความรู้ของตนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ก็จะเป็นการพัฒนาตน พัฒนางาน ได้อย่างยั่งยืน
เทคนิคเรื่องเล่าเร้าพลัง(Story telling) และสุนทรียสนทนา (Dialogue) เป็นเครื่องมือหนึ่งที่หวังว่าจะสามารถช่วยตอบสนองความเชื่อดังกล่าวข้างต้น โดยการจัดให้มีวิทยากร สื่อ และผู้อำนวยความสะดวกมานำทำกิจกรรมแต่ละกลุ่ม นำให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยน หาวิธีการ หาข้อตกลงในการเรียนรู้ร่วมกัน พร้อมทั้งถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นครูแก่กันและกัน ในบรรยากาศที่เอื้ออาทร มีชีวิตชีวา แบบวัฒนธรรมไทย จึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีวิธีการหนึ่งในการทำกิจกรรม
วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ครูเกิดการเรียนรู้และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพครู
เป้าหมาย ครูผู้ช่วยที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม และ/หรือครูปฏิบัติการสอนทั่วไป
กิจกรรม
1. กิจกรรมก่อนสุนทรียสนทนาแจกเอกสาร เรื่องเล่า(บันทึก)ของครูบุญถึง “ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์” (อาจเลือกใช้สื่ออื่นๆได้ตามความเหมาะสม)ให้ครูทุกคน ก่อนวันทำกิจกรรมสุนทรียสนทนาจริง เพื่อให้ครูแต่ละคนไปอ่านมาล่วงหน้าและเกิดความคุ้นชินในการเล่าเรื่อง มีแรงบันดาลใจที่อยากจะเล่าเรื่องราวของตนบ้าง เมื่อลงปฏิบัติในวันทำกิจกรรมสุนทรียสนทนาจริงได้อย่างเป็นธรรมชาติ (ไม่กำหนดเวลา)
2. กิจกรรมสุนทรียสนทนา
2.1 ฉาย VCD เรื่อง “เสียงกู่จากครูใหญ่”(หรืออาจเป็นเรื่องอื่นตามที่เห็นสมควร) ในกลุ่มใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เกาหลี ที่ถ่ายทอดชีวิตจริงของครูใหญ่(ครู)คนหนึ่งที่ได้รับคำสั่งให้ไปสอนหนังสือที่หมู่บ้านทุรกันดาร เขาได้ เดินทางไปกับรถโดยสารเก่าๆ บนเส้นทางที่แสนจะทุรกันดาร จนกระทั่งถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งมีภารโรงไปคอยรับ แต่เมื่อเห็นสภาพการแต่งตัวของเขาก็ไม่เชื่อถือ และไม่ช่วยถือสัมภาระอันหนักอึ้ง เขาจึงต้องแบกสัมภาระเดินข้ามภูเขาไปเอง แต่เมื่อเดินทางไปด้วยกันได้พูดคุยกัน ภารโรงก็เริ่มศรัทธาและช่วยเขาแบกของ เมื่อไปถึงโรงเรียนเขาได้เดินสำรวจ ทักทายนักเรียน และประชุมครู นำกำหนดคำขวัญของโรงเรียนว่า “การทำงานหนักเป็นดอกไม้ของชีวิต” ในตอนแรกเขาไม่ได้รับความร่วมมือใดๆจากทั้งในและนอกโรงเรียน เขาจึงนำลงมือทำงานทุกอย่างด้วยตนเอง โดยได้สำรวจและแสวงหางานอาชีพที่เหมาะสมมานำทำ และใช้เทคนิคการสอนนักเรียนที่เชื่อมโยงไปสู่การสอนผู้ปกครองและชุมชนทางอ้อม เริ่มจากการเลี้ยงไก่ ปลูกผัก เลี้ยงผึ้ง เลี้ยงวัว ปลูกไม้สนป่า โดยมุ่งพัฒนาโรงเรียน ชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มุ่งมั่นสร้างโรงเรียนเพื่อให้มีห้องเรียนเพิ่มขึ้น เพียงพอต่อความต้องการและมีอุปกรณ์การเรียนที่พร้อมในการเรียน เพื่อให้ลูกหลานในหมู่บ้านมีการศึกษาที่ดีขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้รับความร่วมมือจากชุมชน ในช่วงแรกๆ ครูใหญ่ก็ไม่ย่อท้อ มุ่งมั่นและตั้งใจพัฒนาอย่างแท้จริง และได้ลงมือกระทำโดยไม่รอขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ จนในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับ ผู้คนในชุมชนเชื่อมั่นและศรัทธาเขา และทุกฝ่ายก็ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลืองาน เขาได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เด็กๆที่เคยไปเรียนไกลๆ ก็กลับมาเรียนยังโรงเรียนแห่งนี้มากขึ้น เขาสามารถพิสูจน์ความสำเร็จตามคำขวัญที่เขาตั้งไว้ว่า “การทำงานหนักคือดอกไม้ของชีวิต” ได้อย่างแท้จริง (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
2.2 หลังภาพยนตร์จบ วิทยากรหรือผู้อำนวยความสะดวกนำพูดคุยซักถามครูในกลุ่มใหญ่ ให้ช่วยกันสรุปและอภิปรายถึงคุณลักษณะที่ดีของครูใหญ่(ครู)จากภาพยนตร์เรื่องนี้ ( 10 นาที)
2.3 แบ่งกลุ่มครูกลุ่มละไม่เกิน 10 คน ให้แต่ละกลุ่มเลือกผู้อำนวยความสะดวกสำหรับการนำให้เกิดการพูดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่ม โดยใช้เทคนิคเรื่องเล่าเร้าพลัง(Story telling) และสุนทรียสนทนา (Dialogue) กลุ่มละ1 หัวข้อ เกี่ยวกับความประทับใจและความภูมิใจในเทคนิควิธีการที่ตนเองได้ปฏิบัติใน(ตัวอย่าง)หัวข้อต่อไปนี้ (ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
1). การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
2). การกระตุ้นนักเรียนให้ตั้งใจและเอาใจใส่ต่อการเรียน 3). การดูแลชั้นเรียนและการบริหารจัดการชั้นเรียน
4). การส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน
5). การส่งเสริมทักษะการคิดให้แก่นักเรียน
6). การสร้างเสริมการมีวินัยของนักเรียนเรื่อง ความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา
7). การสร้างเสริมนักเรียนให้มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
8). การปลูกฝังนักเรียนให้มีความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
9). การพัฒนาผู้เรียนให้มีความขยัน อดทน และสู้งาน
10). การเสริมสร้างทักษะชีวิตและการสร้างงานอาชีพให้แก่นักเรียน
11). การพัฒนาตนเองของครูให้เก่งและแน่นในความรู้ตามกลุ่มสาระที่สอน/งานที่ปฏิบัติ
12). การสร้างแรงบันดาลใจของตนเองให้ทำงานอย่างมีความสุขในวิชาชีพครู
ฯลฯ
โดยสมาชิกทุกคนในกลุ่มผลัดกันเล่าวิธีปฏิบัติที่ตนเองภาคภูมิใจ และประทับใจ ตามหัวข้อที่กำหนด เล่าอย่างเป็นธรรมชาติ ให้เล่าเพียงประเด็นเดียวต่อหนึ่งเรื่อง(1 รอบ) เล่าให้ได้ใจความ และเล่าสั้น ๆ ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที(อาจเล่าหลายรอบก็ได้) โดยมีกติกากลุ่มดังนี้
ผู้เล่า เล่าเฉพาะเหตุการณ์ บรรยากาศ ตัวละคร ความคิด ของผู้เล่าในขณะเกิดเหตุการณ์ ไม่ตีความระหว่างเล่า เล่าให้เห็น บุคคล พฤติกรรม การปฏิบัติ ที่คิดว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่ดีของตน
ผู้ฟัง ฟังโดยไม่พูดแทรก ฟังด้วยความตั้งใจ และฟังด้วยความเข้าใจ โดยไม่เสนอข้อแนะนำใดๆ เช่น ทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ เป็นต้น แต่ซักถามในลักษณะอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้เมื่อเขาเล่าจบ
- เมื่อเล่าครบทุกคนแล้ว ให้ผู้อำนวยความสะดวกแต่ละกลุ่ม ชวนสมาชิกพูดคุยว่าชอบเรื่องเล่าของใครบ้าง ทำไมถึงชอบ และคิดว่าตนเองจะนำไปปรับใช้ได้อย่างไร
- เลือกเรื่องเล่าที่กลุ่มประทับใจมากที่สุดมา 1 เรื่อง แล้วส่งผู้เล่าในเรื่องนั้นมานำเสนอเรื่องเล่าที่กลุ่มนั้นในกลุ่มใหญ่ ( 60 นาที)
2.4 นำเสนอเรื่องเล่าที่แต่ละกลุ่มเลือกในที่ประชุมกลุ่มใหญ่ โดยที่ประชุมและวิทยากรร่วมกันถอดขุมความรู้ที่ได้จากเรื่องเล่าแต่ละเรื่อง เมื่อเล่าจบ (60 นาที)
2.5 วิทยากรบรรยายสรุป โดยใช้ Powerpoint และวิดีโอคลิปสั้นๆ (ตามที่เห็นเหมาะสม)รวมทั้งอาจช่วยกันสรุปขุมความรู้ที่ได้จากเรื่องเล่า(บันทึก)ของครูบุญถึง “ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์”(หรือเรื่องอื่นๆที่นำมาให้อ่าน) ประกอบการบรรยายสรุปและนำเสนอ (30 นาที)
เอกสาร/สื่อ (พิจารณาตามความเหมาะสมและตามที่เห็นสมควร) สื่อที่ผู้เขียนเคยใช้ดำเนินการและได้ผลดีมาแล้ว เช่น
1. VCD เรื่อง เสียงกู่จากครูใหญ่ (พร้อมเครื่องฉาย / ลำโพง)
2. ใบงานประกอบกิจกรรมกลุ่ม 3. Powerpoint เรื่อง “ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์”
4. วิดีโอคลิบสั้นๆ เช่น ครูสาวสวยกับนักเรียนหนุ่มฮา, ครูอนุบาล, ครูอียิปต์ ฯลฯ
5. เอกสาร เรื่องเล่า(บันทึก)ของครูบุญถึง “ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์”
----------------------------------------------
ธเนศ ขำเกิด ผู้นำเสนอกิจกรรม
ไม่มีความเห็น