เรื่องราวของหุ้นส่วนศิลปะและวัฒนธรรมรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดคือการจัด หรือไปเข้าร่วมงานเทศกาล (festival)
ใน Engagement Conference 2017 วันแรกช่วง working sessions มีเรื่อง Festivals and collaborative engagement ที่ผมไม่ได้เข้าร่วม แต่อ่านสาระย่อจากเอกสารการประชุม พบว่าเป็นเรื่องแนวทางสร้างความร่วมมือจัดงานเทศกาล โดยมักมี event organizer เป็นผู้จัด ตัวอย่างงานเทศกาลในประเทศไทยที่มหาวิทยาลัยจัด เช่น งานวันเด็ก, งานเกษตรแฟร์, งานเกษตรภาคใต้, งานฟุตบอลล์ประเพณี จุฬา - ธรรมศาสตร์ เป็นต้น ในประเทศไทยถือเป็นงานบริการวิชาการ หรืองานรื่นเริง แต่สามารถปรับให้เป็นงานเชื่อมโยงหุ้นส่วน (engagement) ได้ หากปรับวิธีดำเนินการให้ภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่การกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ การลงทุน การจัด และการประเมินผล
ผมคิดว่า กิจกรรมหุ้นส่วนศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬา เป็นกิจกรรมเชื่อมโยงภาคีหุ้นส่วนที่จัดง่ายที่สุด หรือเราคุ้นเคยที่สุด และมีการจัดกันอยู่แล้วโดยมหาวิทยาลัยไทย ประเด็นท้าทายคือทำอย่างไรจึงจะเคลื่อนตัวจากการจัดแบบงานบริการวิชาการ หรืองานรื่นเริงล้วนๆ มาเป็นงานเชื่อมโยงหุ้นส่วนสังคม
ที่ UCL จัดหน่วย Public Engagement อยู่ภายใต้การบริหาร UCL Culture (https://www.ucl.ac.uk/culture/public-engagement ) สะท้อนภาพการมองบทบาทของกิจกรรม PE ว่าเป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ก็ได้ หรือมองว่ากิจกรรม PE เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมเป็นหลักใหญ่ ก็ได้
ในปี ค.ศ. 2011 กระทรวง Culture, Media and Sport และ ESRC (Economic & Social Research Council) ของสหราชอาณาจักร ตีพิมพ์ผลการวิจัยประเมินสถานภาพ International comparisons of public engagement in culture and sport (https://www.gov.uk/government/uploads/system/uploads/attachment_data/file/77843/Int_comparisons_public_participation_in_culture_and_sport-Aug2011.pdf ) อ่านสาระในรายงานแล้วพบว่า ไม่ใช่เรื่อง PE ของมหาวิทยาลัย แต่เป็นเรื่องของการที่ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬาในประเทศต่างๆ ในยุโรป ซึ่งมีอัตราสูงมากในทุกประเทศ และเขามองเชื่อมโยงกับการมีชีวิตที่ดี และมีรายได้สูงเพียงพอ ของพลเมือง ผมมองว่ามหาวิทยาลัยสามารถใช้ข้อมูลในรายงานนี้ เป็นพื้นฐานในการคิดยุทธศาสตร์หุ้นส่วนศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬา ได้มาก
การจัดหน่วยวิชาการเชิงประยุกต์ในสาขาศิลปะปะ วัฒนธรรม และกีฬา เป็นเครื่องมือหนึ่งของการเชื่อมโยงหุ้นส่วนฝ่ายวิชาการเข้ากับฝ่ายธุรกิจและฝ่ายบริหารบ้านเมือง ดังกรณี University of the West of England มีภาควิชา Department of Arts and Cultural Industries (http://www1.uwe.ac.uk/cahe/artsandculturalindustries/aboutus/publicengagement.aspx ) ช่วยให้มีการทำงานร่วมเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างฝ่ายวิชาการ กับฝ่ายใช้ศาสตร์นั้นในการทำมาหากิน
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย Warwick Centre for Cultural and Media Policy Studies (https://warwick.ac.uk/fac/arts/theatre_s/cp/research/impact/ ) ชี้ให้เห็นว่างานวิจัยเชิงนโยบายด้านวัฒนธรรมและสื่อ สามารถใช้เป็นช่องทางเชื่อมโยงหุ้นส่วนสังคมได้
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ธ.ค. ๖๐
ไม่มีความเห็น