วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ สำนักศึกษาทั่วไปร่วมกับอาจารย์ผู้ประสานงานรายวิชา ๐๐๓๓๐๐๕ การประยุกต์คณิตศาสตร์และสถิติในชีวิตประจำวัน จัดอบอรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM) อาจารย์ผู้สอนรายวิชา เพื่อรับฟังแนวทางจากผู้ทรงคุณวุฒิหลัก คือ ศาสตราจารย์ปรีชา ประเทพา และ KM ให้ได้แนวทางการพัฒนาเอกสารประกอบการสอน กลุ่มเป้าหมายคืออาจารย์ผู้สอน ๑๖ ท่านที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการประจำสำนักฯ แล้ว มีอาจารย์ผู้สอนมาร่วม ๗ ท่าน ... หากเป็นการประชุม ยังถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ตอนท้ายของการอบรม จึงได้นัดหมายวันเวลาประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกครั้งในวันที่ (๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๒.๐๐ น.) เพื่อนำเอาผลการ KM วันนี้ไปทำความเข้าใจร่วมกัน
I read the summary and feel that the KM session was biased towards 'teaching' instead of 'learning' - that is the teachers were looking for ways to teach from their (accumulated and normalised) knowledge; no mention of learners participating in developing solutions of their own or on thier own ingenuity or imagination. I feel that innovation and imagination are very much needed for lives in 21c when people are expected to find their niche for survival within high-technology environment (robots, automation, AI,...).
Foundational concepts and theories are essential in advanced learning but imagination and courage (to learn, test, try,...) must always be encouraged. Let us use KM not as the magic wand but as one tool.
ขอบพระคุณอาจารย์ sr มากครับ สถานการณ์ตอนนี้เป็นแบบที่ท่านกล่าวถึงครับ การเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยตอนนี้ เหมือนยังไม่มีไม้คานงัดขนาดใหญ่ จึงต้องขยับแบบเขยิบไปทีละนิด ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ "วิธีเรียน" ของนิสิตยังไม่เปลี่ยนทิศ .... ยากจะบอกว่าวิธีไหนเร็วกว่า ระหว่าง "เปลี่ยนวิธีสอนเพื่อปรับวิธีเรียน" หรือ "ปรับวิธีเรียนเพื่อเปลี่ยนวิธีสอน"