บันทึกชุด ครูผู้มีผลงานกระจ่างชัด นี้ตีความจากหนังสือ Visible Learning for Teachers : Maximizing Impact on Learning เขียนโดย John Hattie ซึ่งวางจำหน่ายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕
ตอนที่ ๖ ใช้ทวิวัจน์และเอกวัจน์อย่างสมดุล ตีความจากบทที่ 9 Mind frames of teachers, school leaders, and systems หน้า ๑๘๖ - ๑๘๗ Mind frame 5 : Teachers / leaders engage in dialogue and monologue
การพูด/ไม่พูด และวิธีพูดของครูมีผลต่อการเรียนรู้ของศิษย์เป็นอย่างมาก เป็นโจทย์วิจัยชั้นเรียนที่ดีเลิศ และตั้งโจทย์ได้หลากหลายมาก
ครูมักติดการพูดฝ่ายเดียวที่ผมใช้คำว่า “เอกวัจน์” (monologue) ซึ่งตรงกันข้ามกับ “ทวิวัจน์” (dialogue) ซึ่งเป็นการพูดแบบเสวนากัน พูดและฟังหลายทาง ซึ่งอาจเรียกว่า “พหุวัจน์” (multilogue) ก็ได้
ครูที่เก่งต้องมีทักษะในการสร้างบรรยากาศแนวราบ หรือบรรยากาศอิสระ ที่ทุกคนในห้องเรียนรู้สึกสบายใจ ที่จะพูดความในใจของตนออกมา เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน บรรยากาศเช่นนี้จะนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ในมิติที่ลึก ที่เรียกว่า self-organized learning environment ได้ผลการเรียนแบบรู้จริง (mastery learning)
การพูดแบบทวิวัจน์และพหุวัจน์ต้องมีทั้งการฟังและการพูด ทั้งการฟังและการพูดมีมิติที่ลึก การฟังอย่างลึก (deep listening) คู่กับการฟังอย่างตื่นรู้ (active listening) ได้ยินสิ่งที่เขาไม่ได้พูด มีอวัจนภาษา (non-verbal communication) สื่อกลับไปยังผู้พูด ให้ผู้พูดสัมผัสความรู้สึกชื่นชม สนใจ ต่อถ้อยคำสาระที่เขาพูด ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้พูด สามารถพูดสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ออกมาได้
หนังสืออ้างถึงผลงานวิจัย เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ความหมายของ spoken mathematical vocabulary ในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ ที่จะช่วยให้ความเข้าใจคณิตศาสตร์สู่มิติที่ลึก และเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน การใช้ทวิวัจน์หรือการเสวนา (สุนทรียสนทนา) ที่ครูรู้จักทำตัวเป็นผู้กระตุ้น โดยการตั้งคำถามมากกว่าคอยให้คำตอบ จะช่วยให้นักเรียนตีความขั้นตอนความคิดในการทำโจทย์คณิตศาสตร์ ออกมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อน รวมทั้งบอกความคิด เชื่อมโยงโจทย์คณิตศาสตร์กับชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดการเรียนรู้ขั้นสูงในระดับประยุกต์ใช้ความรู้
ครูแสดงว่าตนกำลังฟังอย่างตื่นรู้ โดยการตั้งคำถามต่อเนื่อง หรือให้คำป้อนกลับอย่างสร้างสรรค์ (constructive feedback) เพื่อให้นักเรียนได้ทำและคิดต่อเนื่อง
โจทย์วิจัยของครู อาจเกี่ยวข้องกับจังหวะการพูดหรือไม่พูดของครู ในบริบทที่จำเพาะ ส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน และต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ในระดับที่ตื้น และระดับที่ลึก อย่างไร คำพูดของครูแบบใด ที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่ลึกของนักเรียน นักเรียนกลุ่มที่เรียนได้ช้า / กลุ่มที่เรียนรู้เร็ว ได้ประโยชน์จากการพูดหรือไม่พูดของครูอย่างไร เป็นต้น
วิจารณ์ พานิช
๒๙ ส.ค. ๖๐
ห้องรอขึ้นเครื่องบินหาดใหญ่
I have an experiential theory (not proven -rigorously-) of learning-by-senses: students can learn to think better if encouraged to 'talk' (speak) more on topics of complexity. A aside note of this is that 'teachers often take control of learning when they feel the topic is complex; doing so hinder students' motivation for learning complexity themselves'.
Multilogues among teachers and students may be a better way for learning complexities.