ปีการศึกษา ๒-๒๕๕๙ ที่ผ่านมา การประสานงานให้เกิดการเรียนรู้รายวิชา ๐๐๓๖๐๐๖ ภาวะผู้นำ ผ่านไปแบบไม่ค่อยประทับใจนิสิตผู้เรียนจำนวนหนึ่งที่สะท้อนว่า เชิญวิทยากรมามากเกินไป (เชิญวิทยากรมาบรรยยายถึง ๗ ท่าน) มอบหมายงานมากเกินไป (เขียนสรุปการฟังบรรยายทุกสัปดาห์และตรวจสอบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกสัปดาห์) ไม่ได้ฝึกภาวะผู้นำเท่าที่ควร (ช่วงเวลาในการทำงานกลุ่มน้อยเพียง ๒ สัปดาห์).... ฯลฯ (อ่านบันทึกการเรียนรู้ทั้งหมดได้ที่นี่) โดยประมวลแล้วถือว่า "ไม่พอประมาณ" ปีการศึกษานี้ (๑-๒๕๖๐) จึงได้ปรับขนานใหญ่ มุ่งให้นิสิตเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ (Learning by Doing) มากขึ้น โดยบูรณาการเอาปัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) พร้อม ๆ กับฝึกให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำโครงการพัฒนานิสิตไปด้วย (Project-based Learning) และนำเอาประสบการณ์งานขับเคลื่อนการเรียนรู้ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามบางส่วนมาปรับใช้ ได้แผนการสอนดัง มคอ. ๓ ประจำภาคเรียน (ดาวน์โหลดได้ที่นี่)
วิธีการในการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน ๓ ประการ ได้แก่ ๑) ปรับจำนวนนิสิตเหลือเพียง ๑๐๐ คน จาก ๓๐๐ คนในภาคเรียนที่ผ่านมา โดยกำหนดว่าต้องใช้ห้องเรียนขนาดใหญ่ ให้สามารถแบ่งกลุ่มพูดคุยกันได้ ๒) ปรับแผนการสอนให้เน้นกระบวนการ (Active Learning) ให้สามารถลงมือปฏิบัติงานกลุ่มย่อยได้ในเวลาเรียนตลอดภาคเรียน ด้วยกระบวนการ ๗ส. (อ่านที่นี่) และ ๓) นำเอาองค์ความรู้เกี่ยวกับภาวะผู้นำที่ได้ถอดบทเรียนไว้ มาใช้เป็นเนื้อหาในภาคเรียนนี้
จำนวนนิสิตที่เหมาะสม
จากการศึกษาและถอดบทเรียนความสำเร็จต่าง ๆ ของการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ Soft-Skills จากการทำงานเป็นทีม พบว่าจำนวนสมาชิกต่อกลุ่มย่อย ต้องไม่เกิน ๘ คน และอาจารย์ผู้อำนวยการเรียนรู้ดูแลไม่ควรเกิน ๑๐ กลุ่มต่อท่าน ... ดังนั้น ในภาคการศึกษานำร่องนี้ จึงกำหนดจำนวนนิสิตผู้เรียนไว้ที่ ๘๐ คน หรือ ไม่เกิน ๑๐๐ คน
แม้จำนวนนิสิตจะถูกจำกัดเพียงไม่เกิน ๑๐๐ แต่ ยังจำเป็นต้องขอใช้ห้องเรียนขนาดเท่าเดิม คือห้องขนาด ๓๐๐ คน ด้วยเหตุผลให้แต่ละกลุ่ม สามารถนั่งห่างแยกเพื่อสามารถแลกเปลี่ยนระดมสองกันได้โดยไม่รบกวน หรือรู้สึกโกลาหนกันเกินไป ... สำนักศึกษาทั่วไป กำลังจะทำห้องเรียนอัจฉริยะ (Smart Classroom) ซึ่งจะรองรับการเรียนแบบกลุ่มห้องละ ๘๐ ที่นั่ง คาดว่าจะเสร็จใช้ปีหน้า ปีนี้ลองแบบนี้ไปก่อน
องค์ความรู้ที่เน้นเป็นจุดเด่นของรายวิชา
"ภาวะผู้นำ" ที่จำเป็นที่สุดสำหรับเทศไทยขณะนี้คือ การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสมดุลและยั่งยืน ดังนั้นจึงได้กำหนดองค์ความรู้หลักที่ได้ถอดบทเรียนจากนายเสน่ห์ นนทะโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามที่เราเชิญท่านมาเป็นวิทยากรในปีการศึกษาที่ผ่านมา (อ่านได้ที่นี่) ดังนี้
คุณสมบัติของผู้นำ ๘ ประการ ได้แก่
คุณสมบัติพิเศษสำหรับผู้นำในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูป ๖ ประการ ได้แก่
และนำเอาองค์ความรู้ที่ถอดบทเรียนจากการบรรยายของ ผศ.ดร.พชรวิทย์ จันทร์ศิริสิร เกี่ยวกับ บทบาท ๑๒ ประการของการเป็นผู้นำ ดังได้เขียนไว้แล้วที่นี่
กระบวนการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานและโครงการเป็นฐาน
กระบวนการศึกษาชุมชนแบบ ๗ส. ได้นำมาปรับไว้ในแผนการสอนเพื่อฝึกฝนภาวะผู้นำผ่านการทำงานโครงการเป็นทีม โดยกำหนดขอบเขตให้สำรวจปัญหาภายในมหาวิยาลัยหรือบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น กระบวนการ ๗ส. ได้แก่ สำรวจ -> สอบถาม -> สืบค้น -> สังเคราะห์ -> สร้างสรรค์ -> สร้างสื่อ -> เสนอ กิจกรรมแต่ละขั้นตอนพอสังเขปแสดงดังภาพ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้ที่นี่
แนวทางการประเมินผลการเรียนรู้
แนวทางการประเมินการเรียนรู้ที่เสนอไว้ใน มคอ.๓ (ที่นี่) เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่มีเพียงการทดสอบกลางภาค ๓๐ คะแนน เป็นการทดสอบองค์ความรู้และทักษะทางปัญญาทั้งกลางภาคและปลายภาคส่วนละ ๒๕ คะแนน รวมเป็น ๕๐ คะแนน โดยให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันของทีมถึง ๒๕ คะแนน ส่วนที่เหลือ ๒๕ คะแนนประเมินจากการเข้าร่วมกิจกรรมและการมอบหมายงานเดี่ยวต่าง ๆ
อย่างไรก็ดี การที่จะสามารถประเมินภาวะผู้นำของนิสิตรายบุคคล ของนิสิต ๑๐๐ คน ต่ออาจารย์ผู้สอน ๑ ท่านนั้น นับว่าเป็นเรื่องเกินกำลังจะทำได้อย่างแม่นตรง แต่ด้วยกระบวนการที่เน้นให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมทุกขั้นตอน และกระบวนการสุ่มให้ทุกคนต้องนำเสนอและแสดงออก น่าจะสามารถสร้างภาวะผู้นำขึ้นในตัวในใจของนิสิตผู้ได้ไม่มากก็คงไม่น้อย
บันทึกต่อไป มาดูปัญหาจากหน้างานของนิสิตลงสำรวจด้วยตนเองครั้งแรก....
ไม่มีความเห็น