งานในที่นี้..ก็คืองาน..การศึกษา..ที่เริ่มจะเยอะและยากมากขึ้น แม้ว่าครูจะอึดเพียงใด แต่เรี่ยวแรงก็ย่อมถดถอยไปตามกาลเวลา “ใจ”เท่านั้น..จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หากใจคิดที่จะพัฒนา มีศรัทธานำทาง..ก็เชื่อว่าปัญหาทางการศึกษา ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน..ก็ต้องแก้ไขได้ด้วยกระบวนการเรียนรู้..พร้อมสู้สิ่งยาก..
ปัจจุบัน..เนื้อหาหลักสูตรมีความหลากหลาย อัดแน่นทุกชั้น เทคโนโลยีที่ว่าทันสมัยก็ไม่ได้ครอบคลุมทุกโรงเรียน แตกต่างกันไปตามปัจจัยพื้นฐานและบริบท..ตลอดจนก็ต้องยอมรับว่า..นักเรียนไม่ได้มีความพร้อมในการเรียนรู้ทุกคน..ดังนั้น..การสอนโดยไม่คำนึ่งถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล หรือการสอนเพื่อการแข่งขันและจัดอันดับที่มักทำกันอยู่..จึงเป็นจุดบอดทางการศึกษาระยะยาว..
ด้วยเป็นที่ทราบกันดีว่า..การวัดและประเมินผลจากองค์กรภายนอก ยังไม่ตรงกับความถนัดและความสนใจของครูและผู้เรียน จึงน่าจะพบเด็กหลังห้องหรือนักเรียนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และตามไม่ทันเพื่อน การศึกษาจึงไม่ช่วยให้เขา เก่ง ดี และมีความสุข อย่างที่ควรจะเป็น
สิ่งที่ตามมา...นอกจากจะออกกลางคันแล้ว ยังเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ นักเรียนไม่ได้ใช้ศักยภาพที่เขาพึงมีพึงได้..
ครูทุกคนรู้..เหมือนที่ผมรู้..ทุกคนอยากออกนอกกรอบ แต่ติดที่เงื่อนไขบางอย่าง เป็นปัจจัยด้านกฎเกณฑ์ที่อยู่เหนือการควบคุม ในทุกๆวัน..เราจึงต้องเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอว่า..เรากำลังสอนอะไรกันอยู่..นักเรียนได้อะไร และเราได้ทำงานการศึกษา..ที่แท้จริงอยู่หรือเปล่า...
๒ – ๓ ปีมานี้ มีโรงเรียนต้นแบบหลายแห่ง ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริหารและคณะครู ไปดูบรรยากาศการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง..อย่างเช่น โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา..ที่ผมกำลังศึกษาเปรียบเทียบกับงานที่ทำอยู่..
การทำงานแบบเดิม ก็ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม ซึ่งกว่าผมจะถึงจุดหมายปลายทาง นำโรงเรียนถึงฝั่งฝัน คือผู้เรียนมีคุณภาพ..คงใช้เวลาอีกยาวไกล..
แต่ที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา..ผู้บริหารและครู..จะปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน และใครที่ไปศึกษาดูงาน..ก็จะได้ค้นพบว่า เขาปรับเปลี่ยนจริงๆ..จนบังเกิดเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการศึกษา รางวัลระดับโลก..ที่สามารถทำให้เด็กทุกคนค้นพบตัวเอง และเรียนรู้ได้ตลอดเวลา...
ข้อสำคัญ..ครูทุกคนและทุกโรงเรียน..ก็ทำได้อย่างลำปลายมาศ ถ้า “เปิดใจ” พร้อมที่จะรับหลักการ และศึกษาตลอดแนวให้ถ่องแท้ แล้วนำไปใช้อย่างไม่มีเงื่อนไข..
ผมคนหนึ่งที่เปิดใจ..แต่ผมก็ไม่ยอมรับทั้งหมด เพราะผมยังเชื่อว่า..องค์กรขนาดใหญ่ ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิฯ..มีองค์กรจากต่างประเทศให้การช่วยเหลือ ตลอดจนโมเดลด้านบริหาร ผ่านการทดลองใช้และมีการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนไว้อย่างดีแล้วนั้น ย่อมมีความพร้อมที่จะก้าวได้ไกล..มั่นคงและยั่งยืน..
โรงเรียนขนาดเล็กบางโรงเรียน..ยังขาดครูและผู้บริหาร..ขาดบุคลากรที่สำคัญในบางรายวิชา..สภาพปัญหาสิ่งแวดล้อมและชุมชน ยังไม่เอื้อที่จะพัฒนาอะไรได้มากมาย นอกจากเดินตามนโยบาย และแก้ปัญหารายวัน..อย่างไม่รู้จบ..
กล่าวเช่นนี้..เหมือนไม่เปิดใจอย่างแท้จริง อ้างเงื่อนไขเดิมๆ และเพิ่มเติมข้อจำกัดลงไป “หัวใจ”ของการทำงานการศึกษา ของผม..หวั่นไหวกระนั้นหรือ...
ผมคิดว่า..การจะปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน..เป็นเรื่องง่าย แต่ทำยาก หากครูทุกคนยังไม่เข้าใจกระบวนวิธีสอนตลอดแนว และยังไม่ได้หลอม “รวมใจ” เดินไปในแนวทางเดียวกัน..
การไปศึกษาดูงาน..แล้วปรับเปลี่ยนทันที เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน มีสิ่งใดที่ทำได้ก่อนหรือไม่ ที่ง่ายและเกิดมรรคผลกับผู้เรียนโดยตรง...ผมจะเปิดใจทำตรงนั้น..แบบค่อยเป็นค่อยไป..
ด้วยการ..ให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นคว้าทดลอง ให้นักเรียนฝึกอ่าน เขียนและคิดแบบเชื่อมโยง ทำโครงงานและนำเสนอผลงาน นำไปสู่การคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาได้..โดยมีผมเป็นผู้กำกับและอำนวยการ..
การท่องจำและทำคะแนน..จากการตอบคำถามถูกต้องเพียงคำตอบเดียว คงจะมีให้น้อยลง เพื่อลดตราบาปแห่งความไม่รู้(โง่)สำหรับนักเรียนบางคน ให้เปลี่ยนเป็นการเรียนรู้ตามความสนใจ..นักเรียนจะได้รู้จักตนเอง..ว่าเขาควรจะก้าวไปในทิศทางใด...
การจะให้เด็กก้าวไปถึงจุดนั้นได้..ครูต้องให้ใจ..เป็นหัวใจของการทำงาน..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๘ ตุลาคม ๒๕๖๐
วันนี้..ปลูกทองอุไร ได้ ๒ ต้น
ทองอุไร อายุ ๓ เดือน
ปลูกต้นเหลืองปรีดิยาธร ๓ ต้น ต้นนี้อายุ ๒ ปี
นักเรียนทำน้ำหมักชีวภาพ ผมนำมาเททิ้ง...
ไม่ชอบให้ร้าย แต่ชอบป้ายสี...
จัดเรียง..ดาวเรือง (รุ่นน้อง)