พี่ที่ทำงานคนหนึ่งอายุมากกว่าผู้เขียน 1 ปี ด้วยความที่แกเคยบวชเรียนจนสอบได้เปรียญธรรม ใครๆจึงเรียกแกว่าน้ามหา แรกๆผู้เขียนก็เรียกตามคนอื่นเขาล่ะ แต่พอทราบว่าอายุอานามไม่ห่างกันเท่าไหร่เลยเรียกว่าพี่มหา หรือพี่เฉยๆในภายหลังที่คุยกันบ่อยๆจนคุ้นเคย
ระยะหลังเรื่องที่คุยกันบ่อยๆก็ไม่พ้นเรื่องสุขภาพ เรื่องการทำงาน เรื่องการขอเออร์ลี่ตอนอายุ 55 ปี พี่เขามีปัญหากับการทำงานด้วยเหตุที่บ้านพักไกลมากต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาทำงานและเลิกอีกทีก็ทุ่มเกือบทุกวันกว่าจะถึงบ้านก็สามสี่ทุ่ม ไหนจะเรื่องเครียดๆในการทำงานอีก จึงเป็นเรื่องที่คุยกันบ่อยทุกครั้งที่พบปะหน้ากันก็จะถามถึงเรื่องเหล่านี้เสมอ
ผู้เขียนทักทายว่าเวลาหมุนเร็วนะพี่ อีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะได้พักผ่อนแล้ว พี่เขายิ้มและมีท่าทีผ่อนคลายแต่ก็ไม่วายบ่นว่าบริษัทใช้งานเราคุ้มมากนะ อายุมากขึ้นก็ยังทำตรงที่หนักที่เครียดอยู่ ไม่หาคนทำแทนเลย ไม่เหมือนบางบริษัทที่พอแก่ตัวมาเขาก็จะให้ทำงานเบาๆ ผู้เขียนบอกว่าถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็เหมือนเรายังทำงานได้นะ เขายังเห็นความสำคัญของเราอยู่ แกยิ้มๆ แล้วก็บอกกับเด็กๆที่นั่งฟังเราสนทนากันตามประสาคนแก่และถามว่าจะเกษียณปีไหน แกก็บอกว่าขอเออร์ลี่ก่อนอีก 2 ปี
บริษัทที่ทำงานอยู่มีนโยบายให้พนักงานขอเกษียณก่อนกำหนดเมื่ออายุครบ 55 ปีได้ซึ่งก็แล้วแต่หน่วยงานไหนจะอนุมัติหรือไม่ก็ได้ เพราะจะเกี่ยวพันกับงบในแต่ละปี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายตามสิทธิ์ที่พึงได้ของผู้ขอเกษียณ เช่น เงินทุนสะสม(กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ),ค่าชดเชยตามกฏหมาย,เงินบำเหน็จ 1ใน 4 ของเงินเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน เป็นต้น
ผู้เขียนก็เช่นเดียวกัน คิดตั้งต้นไว้ก่อน พอถึงตอนนั้นจริงๆเข้าใจเองว่าน่าจะผ่อนคลายกับการทำงานลง ทั้งด้วยตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือถ้าหากยังหนักยังเครียดอยู่ก็สามารถขอเออร์ลี่ได้ แต่ถ้ายังพอทนได้ ก็ทำต่อไปปีต่อปี ในที่สุดก็ถึงอายุ 60 ปีที่บริษัทจะเชิญให้เกษียณเองโดยอัตโนมัติ
ก่อนเดินจากกันวันนั้น ผู้เขียนก็ให้กำลังใจกับพี่มหาหรือน้ามหา ว่าสู้ๆพี่ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง จะได้ออกไปเที่ยวไปพักผ่อนตอนเกษียณ (ให้กำลังใจพี่เขา ลึกๆ ก็ให้กำลังตนเองด้วย)
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pixabay
-สวัสดีครับ
-สุขภาพสำคัญที่สุดนะครับ
-ขอเป็นกำลังใจให้พี่มหาด้วยนะครับ
ทำงาน..ด้วย..จิต..ที่ว่าง..ส่งผล..(ดี)..ทุกเมื่อ.......เชื่อวัน