๖๐๑. บ้านเล็กในป่าใหญ่..ใช้แนวทางศาสตร์พระราชา..


ผมใช้เวลาพูดคุยไม่นาน..จากนั้น..ให้คณะเดินชมแหล่งเรียนรู้ ที่มีอยู่จริงในบ้านหลังเล็ก พร้อมอธิบายให้ฟังด้วยว่า ทำอย่างไร ทำทำไม และทำแล้วได้อะไร..บางเรื่องราว ทำแบบไม่มีกำไร..แต่ก็ยังต้องทำต่อไป..เพราะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะชีวิต..

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่..ที่ผมพูดถึงบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน คำว่า..บ้านเล็ก..คือ อาคารหลังเดียวเก่าๆเล็กๆ..อยู่ในวงล้อมของสิ่งแวดล้อมที่เป็น..ป่าใหญ่..ที่มีต้นไม้นานาชนิด..มากมายคล้ายป่าเข้าไปทุกที เรียกได้ว่าเป็นป่าชุมชนก็ว่าได้..เพราะมีต้นไม้หนาแน่นมากกว่าชุมชนเสียอีก..

ส่วนศาสตร์พระราชา..เป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อย แต่ผมจะพูดถึงไม่บ่อยนัก เนื่องจากยังศึกษาเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ ปฏิบัติได้ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ถึงแม้ผมจะอยู่ในโรงเรียนที่เป็นต้นแบบการเรียนการสอนตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมา ๑๑ ปีแล้วก็ตาม...

พอดีมีคำถาม..จากนายแพทย์ท่านหนึ่ง ในคณะที่ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย..ส่งมาศึกษาดูงานที่โรงเรียนบ้านหนองผือ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ ..ที่ผ่านมา..

ท่านถามว่า..”โรงเรียน..พัฒนามาได้จนถึงทุกวันนี้ ได้ใช้ศาสตร์พระราชาอย่างไร..?” ผมก็ตอบไป แบบไม่ได้เตรียมตัวและไม่ยึดติดตำรา ว่าทำเรื่องเล็กๆก่อน ค่อยๆทำไป ..เพราะโรงเรียน..มีปัญหาอุปสรรค ตั้งอยู่บนความขาดแคลน ทั้งคนและเงิน..

ขณะเดียวกัน..ก็คิดการใหญ่..เหมือนกัน แต่ทำทีละเรื่อง บางเรื่องไม่สำเร็จ ปีต่อไปก็ทำต่อ..ก็คิดว่าสักวันก็คงสำเร็จ แล้วก็สำเร็จจริงๆ ดังนั้น..เรื่องเล็กๆหลายๆเรื่อง ปัจจุบันนำมาหลอมรวมกัน..ล้วนเป็นเรื่องใหญ่..ที่สำคัญทั้งสิ้น..

ตอบคำถามตรงนี้..ก็ยังได้เสริมแนวคิดไปด้วยว่า..วันที่เริ่มพัฒนางานในโรงเรียนขนาดเล็กแห่งนี้..แม้ปัญหาจะมาก แต่ก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ ไม่เคยขออะไรใคร ทั้งเงินและคน..ใช้หลักการพึ่งตนเองก่อน..ทำให้เขาเห็นผลงานก่อน จึงค่อยขอทั้งภาครัฐและเอกชน..

เพราะผม..เชื่อเสมอว่า..การศึกษา หรือการเรียนการสอนที่โรงเรียน..จะรอไม่ได้ ในทุกๆวันมีความหมายต่อการอ่านออกเขียนได้ทั้งสิ้น..

แต่ก็ยอมรับว่า ช่วงหลังๆ ก็บ่นเหมือนกัน..บ่นนโยบาย สพฐ. และ ศธ. รายปี..ที่ไม่ปล่อยให้เขตพื้นที่และโรงเรียนได้ทำงานตามศักยภาพของปัจจุบันปัญหา..แต่ทำงานกระดาษ..สนองข้างบน..ดังนั้น..ผมจึงไม่ได้ปฏิบัติทุกเรื่อง...

เมื่อไม่ได้ปฏิบัติทุกเรื่อง แต่ใช้วิธีบูรณาการ..ให้หลากหลายในการปฏิบัติ จึงไม่เสียเงินมาก มีเงินเหลือไปซื้อสื่อเพื่อการสอนและสอบ มีเงินเหลือไปจ่ายค่าไฟ โดยไม่ต้องรอให้การไฟฟ้าเขาทวงถาม...

ที่สำคัญ..ครูก็ไม่ต้องเสียเวลา โดยเปล่าประโยชน์ มีเวลาสอนแบบทุ่มเท ให้กับเด็กเต็มที่ ผลที่สุด..ผลสัมฤทธิ์ที่ได้เป็นที่พึงพอใจกันถ้วนหน้า ผมจึงย้ำให้นายแพทย์เข้าใจว่า..เส้นทางเดินหรือแนวปฏิบัติ แตกต่างกันได้..ยังไงก็ถึงจุดหมายเหมือนกัน..

ผมยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ในห้องเรียน..ไม่มีโต๊ะทาสี เขียว เหลือง แดง เลยแม้แต่ตัวเดียว(Bbl) ไม่ต้องหมดเงินเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อจัดซื้อจัดจ้างทาสี แต่เด็กทุกห้อง ร้อยละ ๘๐ อ่านคล่องมาก..เพราะ..มันมีวิธีอื่นแบบไทยๆ ที่ดีกว่า...

ปัจจุบัน..กระทรวงศึกษา..พยายามเหลือเกิน ที่จะคิดแทนครูแทนเขต..ให้ทำเหมือนกัน เป็นแบบเดียวกัน..สุดท้ายจบเหมือนเดิม..คือ..ปฏิรูปการศึกษาล้มเหลว...

ผมตอบคำถามของนายแพทย์..แบบไม่ค่อยชัดเจน..จึงต้องยกกรณีศึกษา “งาดำ”  ว่าเริ่มต้นก็เกือบล้มเหลว..โดยจะให้ผู้ปกครองปลูกอ้อย เพียงเพื่อ..ต้องการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผมทำเองและต้องการรณรงค์ ลด ละ เลิก การเผาอ้อย..

ที่สุด..ผู้ปกครองขัดแย้งกันเอง..ผมก็ต้องถอย..และกลับมามองตัวเองว่า ผิดพลาดตรงไหน..ในศาสตร์พระราชา..พระองค์บอกไว้เสมอว่า จะทำการสิ่งใด ต้องศึกษาหาข้อมูลให้พร้อม สื่อสารและหาเครือข่าย ตลอดจนมองที่ความคุ้มค่าด้วย..จึงเป็นที่มาของ แปลงนางาดำ..ที่เขียวไสวไปทั่วบริเวณพื้นที่ ๒ ไร่..ในขณะนี้

ผมใช้เวลาพูดคุยไม่นาน..จากนั้น..ให้คณะเดินชมแหล่งเรียนรู้ ที่มีอยู่จริงในบ้านหลังเล็ก พร้อมอธิบายให้ฟังด้วยว่า ทำอย่างไร ทำทำไม และทำแล้วได้อะไร..บางเรื่องราว ทำแบบไม่มีกำไร..แต่ก็ยังต้องทำต่อไป..เพราะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะชีวิต..

ครับ..คณะของนายแพทย์กลับไปหมดแล้ว..ผมไม่ต้องเสียเวลาประเมินตนเองเลยว่า ผมพูดแล้ว ผู้ฟังเข้าใจหรือไม่ ..เพราะนักเรียน ป.๓ รออยู่ ผมเฉลยการบ้านที่เป็นการคูณเลข ๒ หลัก ที่ผมเน้นการใช้สูตรคูณ การเขียนตัวเลขให้ตรงหลัก และการเขียนตัวเลขให้สวย..ส่วนคำตอบมาทีหลัง...

จากการสังเกตพบว่า..นักเรียนชั้น ป.๓ เข้าใจมากขึ้น และทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น..ต่อไป..เป็นคิวของนักเรียนชั้น ป.๔ บ้าง..

ชั้น ป.๔..ท่องอาขยานแบบทำนองเสนาะได้แล้ว ผมจึงตั้งคำถามให้ตอบเป็นการบ้าน เพื่อฝึกการอ่าน คิด วิเคราะห์..คำถามข้อสุดท้ายง่ายมาก..ผมถามว่า..”หายวับไปกับตา” ตา หมายถึง อะไร....? คำตอบของนักเรียน จะเป็นตัวชี้วัดว่า..ผมควรจะสอนอย่างไรต่อไป

อ้าว..ขึ้นต้นด้วยศาสตร์พระราชา อยู่ดีๆ ลงท้าย..จบด้วยการเรียนการสอน..ได้ไงเนี่ย..

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๗  กันยายน  ๒๕๖๐

                                ..











หมายเลขบันทึก: 637939เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2017 21:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน 2017 21:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ให้สามคำค่ะผอ. เยี่ยม จริง จริง!

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท