ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2560 ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง ได้จัดกิจกรรมผูกแขนเข้าบ้าน สานสัมพันธ์น้องพี่ ซึ่งในปีนี้มาในชื่องาน “ผูกแขนน้อง คล้องขวัญเฮือน” ถือเป็นการขึ้นบ้านใหม่ไปในตัวเพราะภายในงานมีกิจกรรมตักบาตรในเช้า ต่อด้วยกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นน้องกับรุ่นพี่ ในตอนเย็นมีกิจกรรมบายศรีสู่ขวัญ และกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ เช่น การแสดงวิถีชีวิตของชาวอีสาน และกิจกรรมที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นน้องกับรุ่นพี่ให้มีความเหนียวแน่นยิ่งขึ้นโดยใช้พิธีเทียนเป็นเครื่องมือแสดงถึงความหวังดี ของรุ่นพี่ที่ต้องการให้รุ่นน้องมาดำรงและสืบต่อกิจกรรมที่ดี ๆ ให้คงอยู่ต่อไป
ในช่วงบ่ายฐานกิจกรรมต่าง ๆ ที่ให้น้อง ๆ เข้าร่วมในโครงการทำให้ได้รับความรู้และข้อคิดต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตอยู่บนฐานความคิดของชมรม ฯ สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบของการหล่อหลอมสมาชิกภายในชมรม ฯ ให้ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่วางไว้ และสอดแทรกในแต่ละฐาน โดยแบ่งพี่ ๆ แต่ละฝ่ายในชมรมเป็นผู้คิดเกมต่าง ๆ ประกอบด้วย 4 ฐานด้วยกัน
เกมตีปี๊บถือว่าเป็นเกมธรรมดาอย่างมาก สามารถพบเห็นโดยทั่วไป เป็นเกมที่เน้นความสนุกแต่กิจกรรมดังกล่าวที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำแค่ต้องการความสนุกแต่ต้องการกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับน้อง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมนี้ใช้วิธีการปิดตาผู้ถือค้อน เพื่อตามหาปี๊บแล้วตีให้ถูกถึงจะได้รับชัยชนะ โดยมีเพื่อน ๆ เป็นคนบอกทิศทางที่ปี๊บวางอยู่ คนที่ถูกปิดตาจึงต้องอาศัยความเชื่อใจ และไว้วางใจเพื่อน ที่บอกเส้นทาง เกมนี้ถือได้ว่าเป็นเกมที่แสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของการสร้างผู้นำ ที่รับฟังผู้อื่นเพื่อพัฒนาองค์กรของตนเองให้งานออกมาดีที่สุดตามที่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ ซึ่งต้องอาศัยความเชื่อใจต่อกันและกัน
ทำให้เรียนรู้ชื่อเพลงและรู้จักเพลงมากขึ้น โดยวงแคนต้องออกงานต้องออกงานในเพลงต่าง ๆ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกัน เพราะเพลงบางเพลงหลายคนอาจเพิ่งจะได้รู้จักเป็นครั้งแรก ทำให้ได้ติดตามกันไปหามาฟังและนำมาเล่นในชมรม
ฐานนี้เป็นอีกฐานหนึ่งที่สร้างความสนุกและแฝงแง่คิดให้เราได้ไตร่ตรองเป็นอย่างมาก เพราะมีการเล่นที่แปลกนิดหน่อย นั่นคือให้น้อง ๆ จำประโยคที่รุ่นพี่กำหนดมาให้ แล้วบอกต่อกันไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคน โดยมีรุ่นพี่เป็นคนสร้างความรบกวนสมาธิ ให้น้อง ๆ ลืมประโยคที่ได้มา ในฐานนี้ได้แฝงข้อคิดของการรับฟังผู้อื่นให้มาก และมีสติทุกครั้งในการรับฟังข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ได้มา ซึ่งอาจเป็นความจริง หรือไม่จริงก็ได้ ข้อคิดข้างต้นสามารถนำมาปรับใช้ในชมรม ฯ ได้ เพราะการทำงานร่วมกับผู้อื่นเราจะต้องรับฟังข้อมูลที่มากมายหลายอย่าง ซึ่งเราต้องแยกแยะให้เห็นประเด็นข้อมูลข่าวสารที่สามารถนำมาใช้ได้จริง
ฝึกการวางแผนและการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลและองค์กร หากสมาชิกในชมรมได้เข้ามาทำงานในชมรมแล้วแน่นอนว่าจะต้องมีการติดต่อสื่อสารกันของคนภายในชมรมและภายนอกชมรม ดังนั้นการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการแก้ปัญหาร่วมกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญของบุคคลที่อยู่ร่วมกัน
ทั้งนี้หากกล่าวถึงการเรียนรู้ที่ได้จากโครงการต้องบอกไว้เลยว่า ได้เรียนรู้ทั้งในแง่ของผู้จัดกิจกรรมและผู้เข้าร่วมกิจกรรม ถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้ไปพร้อมกัน ในอยู่ในบทบาทหน้าที่ที่ต่างกัน
ต้องบอกไว้เลยว่าผู้จัดงานในครั้งนี้ ส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นมือใหม่หรือมือสมัครเล่น ที่เพิ่งเปลี่ยนผ่านหน้าที่บทบาทในชมรม ดังนั้นการจัดงานในครั้งนี้จึงเหมือนใบเบิกทางที่จะบอกได้ว่า จะรุ่งหรือจะร่วง แต่หลังจากเสร็จงานก็ทำให้เราได้เห็นว่าการร่วมมือกันของสมาชิกในชมรมฯเป็นเหมือนแผ่นผนึกที่เชื่อมติดกัน ทำให้งานออกมาดี สิ่งที่ผู้จัดงานได้รับมากที่สุดก็คงจะเป็นประเด็นต่าง ๆอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้สิ่งที่ได้ไปเต็ม ๆ ก็คงจะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องอาจารย์ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทัศนคติและแนวทางในการดำเนินกิจกรรมภายในร่วมกัน รู้สภาพความเป็นจริงของชมรมที่ไม่ใช่แค่การรับรู้จากภายนอก สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือในการประคับประคองชมรมได้
หลังเสร็จกิจกรรม แล้วนำเนื้องานมา วิเคราะห์ SWOT จะเห็นได้ว่าชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมืองยังมีจุดเด่นและจุดด้อยหลายอย่างที่จะต้องปรับปรุงและส่งเสริมต่อไปในอนาคต ตามประเด็นต่อไปนี้
1.ช่วยงานกันอย่างเต็มที่
2.มีความสามารถด้านดนตรี นาฏศิลป์และหัตถกรรม
1.ภาวะความเป็นผู้นำ
2.กล้าคิด กล้าทำ กล้าวางแผน กล้าตัดสินใจ
3.การวางแผนและรูปแบบงาน
1.พี่ ๆ จากกองกิจการนิสิตคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำ
2. น้อง ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมรักในศิลปวัฒนธรรมอีสาน
1. ฝนตก
2. การติดต่อประสานงานไม่ค่อยเป็นระบบ
กิจกรรมผูกแขนเข้าบ้าน ได้ฝากเรื่องราวอะไรหลายอย่างให้เราได้กลับไปขบคิดและขับเคลื่อนกิจกรรมต่อ ๆ ไป ทั้งยังเป็นการรับขวัญน้องที่มาเป็นสมาชิกใหม่และได้ปรับแนวทางในการปรับตัว รวมถึงการใช้ชีวิตในสังคมหรือในชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง ถือเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนคติ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกชมรมรุ่นพี่กับรุ่นน้อง รวมถึง อาจารย์ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง ได้เกิดการสร้างกระบวนการแนวคิดที่มีเหตุมีผล ด้านคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนแนวทางการ สร้างแนวความคิดในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสานระหว่างสมาชิกภายในชมรมและ องค์กรที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมเหล่านี้ล้วนถูกขับเคลื่อนโดยเวลาและสถานการณ์และสืบทอดกันต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รูปภาพ : ฐิติกร สุรัตนะ
บทความ : ภาณุพงศ์ ธงศรี , พงษ์พัฒน์ จุลอักษร
กิจกรรมเรียนรู้ดูดีมากครับ....
แต่ยังขาดอะไรหลายอย่างมากเลยครับ อยากให้อาจารย์ช่วยเติมเต็มด้วยนะครับ เรายังคลำทางไม่ถูกเลย