อัทยาชานติ 2


มีที่ว่างกว้างใหญ่ 

 ซึ่งโอบล้อมปัจจุบันขณะไว้ภายใน

มีความเงียบอย่างยิ่ง 

 ที่กำลังรับฟังความคิด

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

การทำสมาธิที่แท้ 

ไม่มีทิศทางหรือเป้าหมาย 

 มันเป็นการสงบนิ่งเข้าสู่ความเงียบที่ไร้คำพูด 

 เป็นผู้ภาวนาด้วยความเงียบที่ไร้สิ่งเจือปน

วิธีการใดๆที่มุ่งหมายเพื่อเข้าถึงสภาวะจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง 

 เป็นการกระทำที่มีขอบเขตจำกัด

เกิดขึ้นแล้วดับไป 

 และเต็มไปด้วยการบีบบังคับ

ความหลงใหลอยู่กับสภาวะจิต 

 นำไปสู่การยึดติดและการไร้อิสระ

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

การบรรลุธรรมคืออะไร 

 มันคือการหมดสิ้นซึ่งการยึดติดกับความคิดของเธอ

และในการหมดสิ้นซึ่งการยึดติดกับความคิดของเธอนั้น 

 สิ่งเดียวที่มีอยู่คือ ความรัก

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

เมื่อมีคนบอกคุณว่า " ฉันรักคุณ" 

 เขากำลังพูดถึงตัวเขาเอง ไม่ใช่คุณ 

 มันไม่ได้หมายความว่าคุณช่างมีค่าเหลือเกิน

เมื่อมีคนบอกคุณว่า " ฉันเกลียดคุณ" 

 เขากำลังพูดถึงตัวเขาเอง ไม่ใช่คุณ

มันไม่ได้หมายความว่าคุณช่างไร้ค่าเหลือเกิน

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

เมื่อเราเริ่มสนใจปฏิบัติธรรม 

 ความคิดของเราคือ ฉันต้องการเป็นผู้ตื่น ฉันต้องการบรรลุธรรม 

 เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

เมื่อได้พบความจริงแท้ สิ่งที่น่าขันก็คือ 

 ทุกครั้งที่เราเกิดปัญญาตระหนักรู้ในบางเรื่องขึ้นมา 

 เรารู้สึกเหมือนได้กลับเข้าบ้าน พักไม่มีอะไรต้องตระหนักรู้อีกแล้ว

แต่อีกไม่นาน ก็จะมีการตระหนักรู้ในเรื่องใหม่เกิดขึ้นมาอีก 

 และเราเริ่มรับรู้ว่า การตระหนักรู้นี้จะไม่มีที่สิ้นสุด 

 ไม่มีการตระหนักรู้ที่เป็นเรื่องสุดท้าย 

 ความจริงแท้คือสิ่งที่ไม่มีความสิ้นสุด เป็นอนันต์ 

 มันจะไม่เคยหมด

แต่มีสิ่งหนึ่งที่สิ้นสุดลง 

 สิ่งนั้นคือความไม่รู้ธรรมชาติเดิมแท้ของเรา 

 ความไม่รู้ว่าเราคือใคร เราคืออะไร 

 ความคิดว่าเราเป็นแค่กลไกการทำงานของกายและใจ

อันที่จริงแล้ว เราคือสิ่งที่มีอยู่ตรงนั้นเสมอมา  

 คือที่ว่าง ที่อยู่ภายในและล้อมรอบกายและใจนั้น

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้เกี่ยวกับการบรรลุธรรม 

 คือมันไม่ใช่เป้าหมาย ไม่ใช่จุดสิ้นสุด 

 ไม่ใช่เหมือนว่าเราวิ่งเข้าถึงเส้นชัยไม่ต้องมีอะไรให้ค้นหาอีกแล้ว 

 ฉันจะรู้ทุกอย่างความรู้สึกเชิงลบจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป 

 ฉันจะรู้สึกล่องลอยอยู่ในความปิติสุขตลอดเวลาและตลอดไป

ทั้งหมดนั้นล้วนไม่จริง 

 การบรรลุธรรมคือการได้เห็นด้วยตัวเองว่าธรรมชาติเดิมของเราคืออะไร 

 มันเป็นการสิ้นสุดของความไม่รู้ว่าเราคือใคร เราคืออะไร 

 เรารู้ว่าเราคือสิ่งหนึ่งที่มีอยู่เสมอตลอดมา 

 และการบรรลุธรรมคือการเริ่มต้นของการทำความรู้จัก

และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเดิมอันหาขอบเขตไม่ได้นั้น

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

เมื่อเธอตระหนักรู้ว่าเธอคือที่ว่างภายในและโดยรอบกลไกของกาย-ใจ 

 สังเกตว่าเธอจะไม่สามารถบอกได้ว่าที่ว่างนี้เป็นอย่างไร

อย่างมากที่สุดที่เธอรู้ก็คือ "ฉันคือสิ่งนั้น" 

 แต่เธอก็ไม่รู้ได้ว่า "สิ่งนั้น" คืออะไร

เธอบรรยายไม่ได้ว่ามันมีลักษณะอย่างไร 

 เธอเพียงแค่รู้ว่าสิ่งนั้นคือเธอ

เธออาจเรียกมันว่า ความว่าง สติ พระเจ้า จิตวิญญาณ และอื่นๆ

เปรียบได้กับการที่นัยน์ตาจะไม่สามารถมองเห็นตัวมันเอง 

 บางคนบอกให้ไปดูกระจก 

 สิ่งที่เห็นจากกระจกก็เป็นแค่เปลือกนอกของนัยน์ตา 

 ยังมีอีกมากกว่า 99 เปอร์เซนต์ของมันที่ไม่สามารถมองเห็น

ให้ตระหนักว่าเธอคือความว่างที่ยิ่งใหญ่

คือความไม่เป็นอะไรเลยที่ยิ่งใหญ่ 

 ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

เมื่อเธอตระหนักว่ากายและใจ

เป็นแค่หุ่นที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติเดิมแท้ 

 หรือเรียกว่าธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่ 

 หรือความเงียบหรือปัญญาที่หยั่งลึกหรือความเมตตา 

 ทุกสรรพสิ่งล้วนก่อตัวขึ้นจากธรรมชาติเดิมที่ไร้ตัวตนนี้ 

 เป็นการค้นพบที่มหัศจรรย์สำหรับเรา

ที่ก้นบึ้งแห่งการมีอยู่ของเราคือความดีงาม 

 ที่แก่นกลางแห่งธรรมชาติเดิมของเราคือบางอย่างที่สวยงาม

ถ้าเราไม่หลงไปในวังวนของเรื่องราวที่ใจสร้างขึ้น 

 เราก็จะพบสันติสุขและปัญญาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย 

 เป็นปัญญาที่ทำให้เราจำแนกได้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง 

 ปัญญานี้เรียกว่า ปราชนา หรือปัญญาจากใจ 

 เป็นปัญญาที่ออกมาจากความว่างไม่ได้ออกมาจากความคิด

ทุกคนมีปราชนาแต่มีคนไม่มากที่ใช้มัน 

เพราะคนส่วนใหญ่มัวแต่ฟังเรื่องราวที่สร้างขึ้นจากความคิด

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ปัญญาที่ออกมาจากความเงียบภายใน

เริ่มต้นจากการตระหนักรู้ว่าเราคืออะไร 

 นี่คือการสิ้นสุดของอัตตาตัวตน 

 และเป็นการเริ่มต้นของการมีชีวิตอยู่แบบตื่นรู้

ในการตื่นรู้ เธอไม่ต้องทำอะไรเลย 

 ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย 

 ไม่ต้องทำอะไรขึ้นมาใหม่

สิ่งที่เธอต้องทำคือ

หยุดความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลง 

 แค่ผ่อนคลาย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น 

 ไม่ต้องไปที่ไหน ไม่ต้องอยากเป็นอะไร 

 แล้วตระหนักรู้ธรรมชาติเดิมของเธอ

ผมใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะตระหนักรู้สิ่งนี้ 

 ที่แล้วมาผมมัวแต่วุ่นวายกับการทำสิ่งต่างๆเพื่อบรรลุธรรมในแบบของผม 

 ผมไม่รู้เลยว่า ทั้งหมดที่ต้องทำคือ หยุดทำ

เมื่อหยุด ความจริงแท้ก็จะเผยตัวออกมา โดยไม่ต้องทำอะไรเลย

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ถ้าเธอคิดว่าการตื่นรู้จะทำให้เธอกลายเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่น 

 นั่นคือความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง 

 เพราะสิ่งที่เธอจะเป็นคือความไม่เป็นอะไรเลย

การตื่นรู้นั้นไม่ยาก 

 แต่การมีชีวิตอยู่หลังจากการตื่นรู้นั้นยาก 

 เพราะเธอต้องกำจัดความรู้สึกผิด,การเพ่งโทษ, และการตัดสินผู้อื่น

สิ่งเหล่านี้คือความยากในการใช้ชีวิตหลังจากการตื่นรู้ 

 เพราะเธอต้องสละออกซี่งความรู้สึกผิด การเพ่งโทษและการตัดสินผู้อื่น 

ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในตัวตนของเธอ

ธรรมชาติของความจริงแท้ไม่มีอดีต 

ดังนั้นความรู้สึกผิดจึงไม่มี 

 ความจริงแท้ไม่มีความยึดมั่นว่านั้นผิดนี้ถูก 

จึงไม่มีการเพ่งโทษ 

 ความจริงแท้มีแต่ความรักและความเมตตากรุณาอย่างลึกซึ้ง 

จึงไม่มีการตัดสินว่าดีชั่ว

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

หลังจากเธอตื่นรู้ เข้าสู่ธรรมชาติเดิม 

 ตัวกูที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมมืดของใจจะค่อยๆเผยตัวออกมา ทีละอย่าง 

 ออกมาสู่แสงสว่างแห่งความว่างของธรรมชาติเดิม

ปล่อยให้มันออกมาเพื่อที่เธอจะได้มองทะลุมัน 

 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ละครั้งที่เธอปล่อยให้มันผุดขึ้นมา 

 และมองมันให้ทะลุ 

 เธอจะรู้สึกได้ถึงความว่างที่ลึกซึ้งมากขึ้น 

 ความรักและความสุขสงบที่ลึกซึ้งมากขึ้น

มันอาจจะทำให้เธอรู้สึกช็อคอยู่บ้างเมื่อเธอพบเจอกับสภาวะเช่นว่านี้เป็นครั้งแรก

ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้มันเกิดขึ้น

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

มีเพียง 2-3 เปอร์เซนต์ของความคิด 

ที่มีประโยชน์จริงๆและไม่ทำให้เกิดทุกข์ 

 ที่เหลือทำให้เกิดการปรุงแต่งเป็นเรื่องราวและความยึดมั่นถือมั่น 

 เราไม่เคยตั้งคำถามว่าความคิดของเรานั้นจริงหรือเปล่า

เมื่อเราถามความคิดและความยึดมั่นถือมั่นจะสลายไป

นั่นคือคำตอบ

วิธีการนี้เรียกว่าการสืบค้นทางจิตวิญญาณ 

 ซึ่งจะไม่มีคำตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ 

 มีแต่เพียงการสลายตัวไปของความคิดและตัวตน

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

การยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น 

 คือวิธีปฏิบัติในการโดดเดี่ยวอัตตาตัวตน

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

การทำสมาธิที่แท้ไม่ใช่การฝึกเทคนิคต่างๆ ให้เชี่ยวชาญ 

 แต่เป็นการฝึกปล่อยวางการควบคุม

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ผู้แสวงหาทางจิตวิญญาณหลายคน 

 มุ่งเป้าไปที่ผลคือประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่

และปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสระในทันใด

พวกเขาจึงเปลี่ยนครูคนแล้วคนเล่า 

 ช็อปปิงการบรรลุธรรม 

 หลายคนอาจมีประสบการณ์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น 

 แต่ส่วนมากแล้วสิ่งนี้ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง 

 ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ประการหนึ่งของการบรรลุธรรม

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

เมื่อเธอหลงไปพยายามค้นหาความจริงโดยมองเข้าไปที่ใจ 

 มันจะหลอกให้เธอค้นหาเรื่อยไปไม่สิ้นสุด 

 วิธีที่ดีที่สุดคือมองและเห็นด้วยตัวเองว่า 

 ในใจนั้นไม่มีอะไรเลยที่เป็นจริงหรือมีอยู่จริง

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

จงโอบกอดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ 

  ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม 

  เปิดใจของเธอต่อสิ่งที่เธอยังไม่รู้ 

  และไม่มองย้อนกลับ

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ในแง่หนึ่ง 

 ชีวิตที่ตื่นรู้เป็นชีวิตที่ไร้ความมั่นคงอย่างยิ่ง 

 เพราะเราดำรงอยู่และทำสิ่งต่างๆจากความไม่รู้

เรามักจะทำสิ่งต่างๆจากความมั่นคงที่บิดเบี้ยว 

 ซึ่งใจของเราสร้างขึ้น 

 แต่ความเป็นอิสระไม่ได้เป็นอย่างนั้น 

 มันเป็นภาพที่แย้งกัน

เพราะเราไม่รู้และเรารู้ว่าเราไม่รู้ 

 แต่ละขณะ ประตูจึงเปิดกว้างต่อการรู้

นั่นคือขณะที่การรู้ของเราเกิดขึ้น...ในปัจจุบันขณะ

เมื่อเธอพักอยู่ในการไม่รู้ 

 การรู้จึงจะเกิดขึ้นได้

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ใจ มักต้องการยึดเกาะสิ่งใดสิ่งหนึ่งเอาไว้เสมอ 

 ทางเดียวที่เธอจะเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง

คือการปล่อยความยึดติดทั้งหมด 

 นี่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาจิตวิญญาณ 

 และเป็นสิ่งยากที่สุดอันหนึ่งสำหรับนักปฏิบัติ 

 โดยเฉพาะนักปฏิบัติที่เคยได้สภาวะที่ดีมากๆ 

 ที่จะต้องปล่อยวางประสบการณ์ทั้งหมด 

การยึดมั่นถือมั่นทั้งหมด 

 แม้ในสภาวะที่ดีอย่างยิ่ง เข้าถึงอย่างยิ่ง  

 หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างยิ่ง 

 สังเกตให้ดี จะพบความคิดที่ว่า " นี่คือเรา"

ทุกครั้งที่มีการบอกตัวเองว่า"นี่คือเรา" 

 เธอกำลังสร้างความยึดติดต่อสิ่งที่ได้สัมผัส  

 ต่อความคิด ต่ออารมณ์ความรู้สึก 

 เมื่อเธอผ่านความรู้สึกนี้หลายๆครั้ง 

 จะเกิดความเข้าใจในระดับที่ลึกมากที่สุด 

 และปล่อยวางโดยสิ้นเชิง

เมื่อใจปล่อยวาง 

 เธอจะรู้เสมอว่าเธอคือใคร เธอคืออะไร 

 แม้ว่าเธอจะไม่สามารถบรรยายลักษณะของมันได้ 

 หรือแม้แต่คิดเกี่ยวกับมันก็ทำไม่ได้ 

 เธอแค่รู้โดยการเป็นสิ่งนั้น 

 นี่คือการปล่อยวางตัวตน และความรู้สึกว่ามีเรามีเขาในระดับสูงสุด

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

เมื่อใจหยุดสร้างเรื่องราวทั้งหมด 

 ความจริงแท้จะเผยตัวออกมา 

 สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง 

เป็นจริงอย่างยิ่ง 

 จนกระทั่งโลกทั้งหมดกลายเป็นเสมือนความฝัน

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&




หมายเลขบันทึก: 633612เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2017 20:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม 2017 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท