ดร.ถวิล อรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4
ประสบการณ์ความภาคภูมิใจสำหรับข้าพเจ้าที่คัดสรรมาคือ
การได้รับแต่งตั้งให้เป็น
คณะทำงานเตรียมการ
เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บริหารในหน่วยงานทางการศึกษา
จาก สปช. เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2545 และได้เข้าประชุมคณะทำงาน
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2545 ณ ห้องประชุม
สปช.1 ชั้น 3
กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพฯ
คณะทำงานชุดนี้ มีทั้งหมด 34 คน
ประกอบด้วย
เลขาธิการ กปช.
รองเลขาธิการ กปช.
ทั้ง 4 ท่าน
ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหาร
ผอ.ปจ. /ผอ.ป.กทม. 8 คน
ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและนิติการ
ผู้อำนวยการส่วนโครงสร้าว ระบบงาน สปช.
ผช.ผอ.ปจ. 6 คน
หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ 3 คน
ผู้ช่วยหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ 3 คน
ผู้อำนวยการโรงเรียน 1 คน
ผู้อำนวยการส่วนบริหารงานบุคคล
หัวหน้ากลุ่มสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง
บุคลากร 6 และ
บุคลากร 7 งานสรรหา บรรจุ แต่งตั้ง สปช.
รวม 34 คน
สาระสำคัญ คือการเตรียมการเกี่ยวกับการแต่งตั้ง ฅ
ผอ.ปจ./ผอ.ป.กทม. ระดับ 8 หรือ 9
ผู้ช่วย ผอ.ปจ./ผช.ผอ.ป.กทม. ระดับ 8
หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ ระดับ 8
ผู้ช่วยหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอระดับ 7
ผู้ช่วยหัวหน้าการประถมศึกษากิ่งอำเภอ ระดับ 6
ก่อนจะเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการมา
เป็นเขตพื้นที่การศึกษา
ทั้งนี้เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ช่วย ผอ.ปจ./ผช.ผอ.ป.กทม. และ
หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ
รับเงินเดือนสูงสุด
เพียงระดับ 7
ผู้ช่วยหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ รับเงินเดือนสูงสุด เพียงระดับ 6
ผู้ช่วยหัวหน้าการประถมศึกษากิ่งอำเภอ
เพียงระดับ 5 เท่านั้น และ
ไม่มีวิทยฐานะเพราะกฎหมายมิได้เปิดช่องทางไว้ให้ทำ
เลื่อนตำแหน่งโดยการสอบคัดเลือก ต้องขยันอ่านตำรา
ขยันค้นคว้าอยู่เสมอ จำกฎหมายการศึกษาต่างๆ ได้แม่นยำ ฯลฯ
ก่อนเปลี่ยนโครงสร้างเป็นเขตพื้นที่การศึกษา นักบริหารการประถมศึกษา
ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ (ยกเว้น ผอ.ปจ. ระดับ 8 เหมือนเดิม
มาได้ระดับ 9 ตอนเข้าเป็นเขตพื้นที่การศึกษา)
นับว่าเป็นความภาคภูมิใจมากครับกับการทำงานดังกล่าว
สำหรับกระผมเอง
ประสบการณ์ความภาคภูมิใจ
การจัดลำดับอาวุโสในราชการครู : มิติใหม่ยึดหลักวิทยฐานะ
โดย ดร. ถวิล อรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต ๔
อาวุโสในราชการสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้มีหนังสือแจ้งเวียน ที่ ศธ ๐๒๐๖.๖/ว ๒๒ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้แจ้งให้ปลัดกระทรวง เลขาธิการ อธิบดี อธิการบดี และผู้อำนวยการได้ทราบและถือปฏิบัตินั้น มีแนวปฏิบัติ ดังนี้
ลำดับที่ ๑ ยึดหลักวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใด มีวิทยฐานะสูงกว่า ผู้นั้นถือว่าอาวุโสกว่า ตัวอย่าง เช่น วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ อาวุโสสูงกว่าวิทยฐานะชำนาญการ วิทยฐานะเชี่ยวชาญ อาวุโสสูงกว่าวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ อาวุโสสูงกว่าวิทยฐานะเชี่ยวชาญ
กรณีมีวิทยฐานะเท่ากัน ผู้ใดได้เลื่อนวิทยฐานะนั้นก่อน ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
ลำดับที่ ๒ ยึดหลักเงินเดือน กรณีได้เลื่อนวิทยฐานะพร้อมกัน ผู้ใดได้รับเงินเดือนมากกว่า ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
ลำดับที่ ๓ ยึดหลักอายุราชการ (มิใช่อายุงาน) กรณีได้เลื่อนวิทยฐานะพร้อมกัน ได้รับเงินเดือนเท่ากัน ผู้ใดมีอายุราชการมากว่า ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
ลำดับที่ ๔ ยึดหลักเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กรณีมีวิทยฐานะเท่ากัน ได้เลื่อนวิทยฐานะพร้อมกัน ได้รับเงินเดือนเท่ากัน และมีอายุราชการเท่ากันอีก ให้พิจารณาจากการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ผู้ใดได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นสูงกว่า ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า กรณีมีวิทยฐานะเท่ากัน ได้เลื่อนวิทยฐานะพร้อมกัน ได้รับเงินเดือนเท่ากัน มีอายุราชการเท่า และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นเดียวกัน ผู้ใดได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นนั้นก่อน ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
ลำดับที่ ๕ ยึดหลักอายุตัว กรณีที่กล่าวมาทั้งหมดยังเท่ากันอีก ให้พิจารณาจากอายุตัว ใครมีอายุแก่กว่า ถือว่า ผู้นั้น อาวุโสกว่า
หนังสือฉบับนี้ เลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้แจ้งเวียนให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบและถือปฏิบัติตั้งแต่ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
สรุป
หลักอาวุโสในราชการครู ยึดหลัก ดังนี้
ลำดับที่ ๑ ยึดหลักวิทยฐานะ
ลำดับที่ ๒ ยึดหลักเงินเดือน
ลำดับที่ ๓ ยึดหลักอายุราชการ (ไม่ใช่อายุงาน นะครับ)
ลำดับที่ ๔ ยึดหลักเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ลำดับที่ ๕ ยึดหลักอายุตัว
โดยปกติต้องเอาลำดับที่ ๑ ก่อน
ถ้าลำดับที่ ๑ เท่ากันให้มาดูลำดับที่ ๒
ถ้าลำดับที่ ๒ เท่ากัน ให้มาดูลำดับที่ ๓
ถ้าลำดับที่ ๓ เท่ากัน ให้มาดูลำดับที่ ๔
แต่ถ้าลำดับที่ ๔ ยังเท่ากันอีก
ให้ตัดสินลำดับที่ ๕ ยึดหลักอายุตัว ใครอายุมาก คนนั้้นอาวุโสกว่า นะครับ
อ้างอิงข้อมูล
http://www.otepc.go.th/images/docum...
ไม่มีความเห็น