ผู้บริหารกับสินบน
ดร. ถวิล อรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4
-------------
ใครว่า สินบน ไม่สำคัญ สินบน ถือว่าสำคัญมากครับ การเป็นผู้บริหารหรือผู้ปกครองคน ถ้าเราตกอยู่ในอำนาจสินบน บางครั้งอาจจะทำให้การวินิจฉัยคดีความหรือการตัดสินใจต้องผิดพลาดไปด้วย ทำให้ต้องเสียความยุติธรรมไป นับว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายมากและเป็นตราบาปอีกด้วย ดังนิทานปรัมปราที่เล่ากันมาว่า
สมัยที่คนไทยเราเข้ามาก่อตั้งชาติไทยใหม่ๆ ซึ่งอพยพจากเขาอัลไต และในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในไทยด้วยเหมือนกัน
คนไทยเรายึดอาชีพทำนาทำไร่ คนจีน ชอบทำมาค้าขาย เช่น ค้าขายถ้วยชามสังคโลกและในขณะเดียวกันก็ตกเบ็ดหาปลากินด้วย
ตี๋ และทิดมี บ้านอยู่ใกล้กัน ตี๋และทิดมี ชอบตกเบ็ดหาปลาเป็นอาชีพ
วันหนึ่ง ทิดมีเห็นตี๋ได้ปลาเยอะแยะจึงนึกโลภอยากได้ และวางแผนขโมยปลาจากเบ็ดของตี๋ และเวลาขโมยปลาได้แต่ละครั้ง ทิดมีก็จะนำปลาที่ได้จากเบ็ดของตี๋นั้นแหละไปแขวนไว้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านทุกครั้งด้วย
ผู้ใหญ่บ้านก็แปลกใจเหมือนกันว่าใครนำปลามาแขวนไว้ให้เรา แต่ก็ไม่ได้ถามใครหรอกนึกว่าเพื่อนบ้านนำมาให้
ต่อมา ตี๋แปลกใจว่าทำไม่ปลาจึงไม่กินเบ็ด เพราะแต่ก่อนเคยได้ปลาเยอะมากแต่เดี๋ยวนี้กลับไม่ค่อยเห็นปลากินเบ็ด แกคิดว่าคงจะมีคนมาขโมยปลาจากเบ็ดแน่ ๆ จึงวางแผนแอบซุ่มดู และก็เจอทิดมีกำลังขโมยปลาที่เบ็ด ตี๋จึงไปฟ้องผู้ใหญ่บ้าน
ตี๋ : ผู้ใหญ่ครับ ทิดมีขโมยปลาที่ผมใส่เบ็ดไว้ครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : ว่าอย่างไรทิดมี เองไปขโมยปลาตี๋จริงหรือ ?
ทิดมี : นิ่ง... สักครู่ก็พูดว่า “คนละครึ่ง”
ผู้ใหญ่บ้านนั่งนึก........ สักครู่ก็พูดว่า “เอาละเมื่อไม่มีพยานหลักฐานแน่ชัดก็เอาไว้ก่อน คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่เมื่อจับได้จริง ๆ”
ทิดมีโมโหตี๋ที่ไปฟ้องผู้ใหญ่ จึงไปปาบ้านตี๋ ตี๋ก็มาฟ้องผู้ใหญ่บ้านอีกครั้ง
ตี๋ : ผู้ใหญ่ครับ ทิดมีปาบ้านผมครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : จริงไหมทิดมี ที่ตี๋บอกว่าเองไปปาบ้านเขา
ทิดมี : “คนละครึ่ง”
ผู้ใหญ่บ้าน : ก็นึก.... สักครู่ก็ทำเป็นหยิบหนังสือขึ้นมาและทำเป็นอ่านและก็ตัดสินคดีว่า
“ไทยปาบ้านเจ๊ก ไม่ถูกหัวเด็ก ไม่ผิดกฎหมาย”
ตี๋โมโหจึงไปปาบ้านทิดมีบ้าง ทิดมีจึงมาฟ้องผู้ใหญ่บ้าน
ทิดมี : ผู้ใหญ่ครับ ตี๋ปาบ้านผมครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : ว่าอย่างไรตี๋ เองไปปาบ้านทิดมีใช่ไหม ?
ตี๋ : ใช่ครับ แต่ก็ไม่ถูกหัวใครครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : ทำท่าหยิบหนังสือกฎหมายมาอ่าน และก็ตัดสินว่า
“เจ๊กปาบ้านไทย ไม่ถูกหัวใคร แต่ผีเรือนตกใจปรับห้าสิบบาท”
ตี๋ :ไอ้หยา......ซวยจริงๆ………….
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“การตกอยู่ในอำนาจของอามิสสินบนหรือเห็นแก่ประโยชน์ที่คนอื่นยื่นให้ แม้จะในทางที่ผิด อาจจะทำให้ผู้มีอำนาจนั้นตัดสินคดีความจากผิดกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องได้ เพราะฉะนั้น พุทธองค์จึงสอนให้เราไม่ให้ตกอยู่ในอคติ 4 คืออย่าลำเอียงเพราะรัก อย่าลำเอียงเพราะโกรธกัน อย่าลำเอียงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และอย่าลำเอียงเพราะกลัวอิทธิพลของเขา จงตั้งอยู่ในความถูกต้องเป็นที่ตั้ง
จึงจะสามารถทำในสิ่งที่ถูกต้องสมกับว่า ปราบคนพาล อภิบาลคนดี”
ไม่มีความเห็น